หมอหญิงยอดมือสังหาร 511 ความลับในกล่องไม้จันทน์สีเขียว (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 511 ความลับในกล่องไม้จันทน์สีเขียว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 511 ความลับในกล่องไม้จันทน์สีเขียว (2)

ทันใดนั้น พวกนางสองคนก็เอ่ยไม่ออก ถึงแม้เฉียวเฟยเยียนจะเกลียดหนานกงซูเข้ากระดูก ทว่านางเอ่ยต่อหน้าหนานกงไหวไม่ได้ ถึงแม้หนานกงไหวเองก็รักเฉียวเย่ว์อู่ แต่หนานกงซูก็เป็นบุตรีของเขาเช่นกัน คนนั้นก็ลูกคนนี้ก็ลูกจึงไม่อาจเอ่ยอันใด

บรรยากาศในห้องหนังสือพลันอึดอัด เสียงของพ่อบ้านดังขึ้นมาจากทางด้านนอกประตู “นายท่าน เรียนนายท่านขอรับ ฝ่าบาทเชิญนายท่านเข้าวังหลวงขอรับ!”

หนานกงไหวขมวดคิ้ว “ตอนนี้ก็ดึกแล้ว มีเรื่องอันใดในยามดึกเช่นนี้”

พ่อบ้านมองเฉียวเฟยเยียนและเฉียวเย่ว์อู่ เอ่ยเบาๆ เสียงเรียบ “ได้ยินว่าเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในวังหลวง ผู้สำเร็จราชการแทนก็อยู่ในวังหลวงขอรับ”

สีหน้าของหนานกงไหวยังคงไม่เปลี่ยนแปลง มองไปยังเฉียวเฟยเยียนสองแม่ลูกแล้วจึงเอ่ย “ข้าต้องเข้าวังหลวง พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด” เฉียวเฟยเยียนพยักหน้าแล้วจึงเอ่ย “เจ้าค่ะ ท่านพี่หนานกงระวังตัวด้วย” ยื่นมือออกไปประคองเฉียวเย่ว์อู่ เห็นว่าเฉียวเย่ว์อู่หลับไปในอ้อมแขนของตัวเอง มองนางใกล้ๆ เช่นนี้จึงเห็นว่าเฉียวเย่ว์อู่ผอมลง ใบหน้าซีดเซียว มีรอยคล้ำใต้ตา เห็นได้ชัดว่าช่วงนี้นางคงนอนไม่ค่อยหลับ

เห็นเช่นนี้ เฉียวเฟยเยียนจึงเอ่ย “ท่านพี่หนานกงไปก่อนเถิด ข้าจะเรียกให้สาวใช้มาประคองอู่เอ๋อร์กลับไปเองเจ้าค่ะ”

หนานกงไหวเห็นสีหน้าเป็นกังวลของพ่อบ้าน จึงพยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “รีบกลับไปพักผ่อนเถิด”

เห็นหนานกงไหวรีบร้อนออกไป เฉียวเฟยเยียนจึงบอกให้องครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าประตูไปเรียกสาวใช้ของเฉียวเย่ว์อู่เข้ามา หลังจากนั้นเมื่อหันกลับมาจะสวมเสื้อคลุมให้เฉียวเย่ว์อู่ ทว่ากลับรู้สึกเจ็บที่ลำคอ จากนั้นก็เห็นสายตาเย็นชาและเต็มไปด้วยความเกลียดชังของเฉียวเย่ว์อู่

ผ่านไปไม่นาน สาวใช้ของเฉียวเย่ว์อู่ก็มาเคาะประตูห้องหนังสือ เห็นเฉียวเย่ว์อู่เป็นคนเปิดประตู นางก็ตกใจ “คุณหนูหรือเจ้าคะ ไม่ใช่ว่าคุณหนูหลับไปแล้วหรือ”

เฉียวเย่ว์อู่เหลือบมองพวกนางทั้งสองอย่างไม่ใส่ใจแล้วจึงเอ่ยตอบ “ข้าสบายดี แต่ว่าท่านแม่ไม่ค่อยสบาย หลับไปแล้ว ท่านแม่กำลังตั้งครรภ์ ไม่ควรขยับไปไหน ให้นางนอนพักผ่อนที่นี่เถิด” ห้องนอกของห้องหนังสือมีตั่งนุ่มที่สามารถไว้นอนได้ สาวใช้มองเข้าไปข้างในเห็นเฉียวเฟยเยียนนอนหลับอยู่บนตั่งนุ่ม แล้วยังมีผ้าห่มอยู่บนตัว เห็นได้ชัดว่านางหลับสนิท

องครักษ์สองคนที่อยู่หน้าประตูขมวดคิ้ว ตามกฎของห้องหนังสือคือห้ามให้ใครอยู่ด้านใน

สีหน้าของเฉียวเย่ว์อู่เย็นชา เอ่ยเบาๆ “ท่านแม่ของข้ากำลังตั้งครรภ์ ก็ต้องง่วงเป็นธรรมดา ดึกดื่นเพียงนี้หากเกิดอันใดขึ้นระหว่างทาง พวกเจ้าใครจะรับผิดชอบ”

องครักษ์ทั้งสองต่างรู้ดีว่าหญิงผู้นี้คือฉู่กั๋วกงฮูหยินคนต่อไปของจวน แล้วอีกอย่างก็แค่นอนในห้องหนังสือหนึ่งคืน พรุ่งนี้นายท่านกลับมาแล้วค่อยออกไป จะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องอันใด องครักษ์สองคนนั้นจึงพยักหน้าแล้วเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เชิญคุณหนูขอรับ”

เฉียวเย่ว์อู่ยิ้มหยัน จากนั้นก็กลับไปกับสาวใช้

ประตูห้องหนังสือถูกปิดอีกครั้ง ในห้องเงียบสงัด มีเพียงหญิงผู้หนึ่งนอนหลับสนิทอยู่บนตั่งนุ่ม

เรือนลี่ฉิน

“มาแล้วหรือ ได้ของหรือไม่” หนานกงชวี่มองไปยังเฉียวเย่ว์อู่แล้วถามอย่างเฉยเมย

เฉียวเย่ว์อู่แย้มยิ้ม หยิบกล่องไม้จันทน์สีเขียวออกจากแขนเสื้อแล้วส่งให้เขา เป็นเพียงกล่องไม้จันทน์สีเขียวธรรมดา ไม่มีลายแกะสลักงดงามประณีตอันใด ข้างในก็ไม่มีสิ่งใด แต่เพราะเช่นนี้กล่องไม้จันทน์ธรรมดาที่ปรากฏอยู่ในห้องหนังสือของหนานกงไหวจึงดูไม่ธรรมดา เพียงแต่เฉียวเย่ว์อู่พิจารณาอยู่ตั้งนานก็ไม่เห็นกลไกอันใด จึงต้องนำมาให้หนานกงชวี่

หนานกงชวี่พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ดีมาก เฉียวเฟยเยียนอยู่ที่ไหน”

เฉียวเย่ว์อู่กลอกตาแล้วจึงเอ่ย “ไม่ต้องห่วง ใช้ยาของท่าน นางคงไม่ตื่นจนกว่าจะถึงพรุ่งนี้เช้า แต่ว่าพรุ่งนี้เมื่อนางตื่นขึ้นมาจะทำเช่นไร” หากกล่องนี้สำคัญจริงๆ พรุ่งนี้หนานกงไหวต้องรู้แน่ว่ามีของหายไป แล้วเขาก็จะสงสัยนาง

หนานกงชวี่หลับตาลงแล้วเอ่ยถาม “มีใครรู้ว่าเจ้ามาหาข้าหรือไม่”

เฉียวเย่ว์อู่ส่ายหน้าแล้วจึงเอ่ย “ไม่มีอย่างแน่นอน” นางจะเล่าเรื่องที่ตนร่วมมือกับหนานกงชวี่ให้คนอื่นฟังได้เช่นไร

“ดีมาก เช่นนั้น…ท่านพ่อก็ไม่มีทางรู้ว่าใครเป็นคนขโมยของไป”

เฉียวเย่ว์อู่ตกใจ จากนั้นก็รู้สึกว่ามีคนอยู่ด้านหลังตัวเอง หันกลับมากำลังจะกรีดร้อง ทว่ากลับถูกคนโจมตีและพลันหลับไปในทันที ก่อนหน้านี้นางทำให้ท่านแม่ตัวเองสงบ ครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ถูกคนอื่นทำให้ตัวเองสลบด้วยวิธีเดียวกัน

มองดูเฉียวเย่ว์อู่นอนอยู่บนพื้น หนานกงชวี่ยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน “เชื่อใจคนที่เกลียดท่านแม่ของตัวเอง เพราะเจ้าถูกความเกลียดชังครอบงำ หรือเพราะเฉียวเฟยเยียนไม่เคยบอกเจ้าว่านางเคยทำอันใดมาบ้าง”

“คุณชาย จะจัดการเฉียวเย่ว์อู่เช่นไรขอรับ” องครักษ์เอ่ยถามเบาๆ

หนานกงชวี่เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ตอนนี้น้องสาวเป็นกุ้ยเฟยแล้ว ในฐานะพี่ชาย ข้าควรมอบของขวัญแสดงความยินดีกับนาง พรุ่งนี้ให้คนพานางไปส่งให้น้องสาวในวังหลวงเถิด”

“แต่ว่าในวังหลวง…” ส่งคนที่หมดสติคนหนึ่งเข้าไปในวังหลวงย่อมมิใช่เรื่องง่าย

หนานกงชวี่เอ่ย “ไม่ต้องห่วง ข้าจัดการให้แล้ว พรุ่งนี้เช้าส่งนางเข้าไปในวังหลวง ก่อนที่ท่านพ่อจะกลับมา”

“ขอรับ คุณชาย”

องครักษ์ออกไปแล้ว หนานกงชวี่ก็หันมามองกล่องไม้จันทน์สีเขียวบนโต๊ะอีกครั้ง กล่องสี่เหลี่ยมขนาดห้าชุ่นที่มีลักษณะเรียบๆ เปิดฝาออก หนานกงชวี่มองดูกล่องที่ว่างเปล่าแล้วเลิกคิ้วขึ้น ดึงกริชที่เหน็บไว้ออกมาฟันมันลงไปทันที ฟันหนึ่งครั้ง สองครั้ง… ไม้จันทน์สีเขียวชั้นดีถูกกริชฟันจนแตกออก ในไม่ช้าก็มองเห็นผ้าที่อยู่ด้านใน หนานกงชวี่ใช้กริชฟันเร็วขึ้นกว่าเดิม ทันใดนั้นก็พบห่อที่ห่อด้วยผ้าเคลือบน้ำมันปรากฏอยู่ตรงหน้าเขา กล่องทั้งกล่องยาวห้าชุ่น กว้างสามชุ่น และสูงหนึ่งชุ่น ทว่าห่อขนาดเล็กห่อนั้นกลับมีความหนาไม่ถึงสามส่วน ไม่แปลกที่เฉียวเย่ว์อู่จะไม่เจอร่องรอยอันใด

มองดูสิ่งที่อยู่ตรงหน้า หนานกงชวี่เงียบไปชั่วครู่ ค่อยๆ ยกมืออันสั่นเทาขึ้นมา จากนั้นก็แกะห่อที่อยู่ตรงหน้าตัวเองออกช้าๆ ของที่อยู่ในห่อผ้าบางๆ มีไม่มากนัก เพียงแค่จดหมายและกระดาษไม่กี่แผ่น ดูเก่าและเปราะบางราวกับเป็นสิ่งของเมื่อหลายปีก่อน หนานกงชวี่หยิบจดหมายจากลิ้นชักข้างหน้าขึ้นมา เปิดซองออกดู ด้านในเป็นจดหมาย… ไม่สิ เป็นกระดาษสีเหลืองครึ่งหนึ่ง เขาวางมันไว้ด้านหน้า จากนั้นจึงเปิดดูจดหมายจากในกล่องไม้ มันเป็นกระดาษอีกครึ่งแผ่นที่เหลือ เมื่อนำกระดาษทั้งสองมาวางต่อกัน เข้ากันได้พอดิบพอดี

หนานกงชวี่มองดูจดหมายตรงหน้าเงียบๆ สีหน้าของเขามีแววอาฆาต

“ท่านพ่อ…ท่านพ่อ…”

ในห้องหนังสือที่ว่างเปล่า เสียงของหนานกงชวี่เสียงดังฟังชัดราวกับสัตว์เดรัจฉานที่เจ็บปวด และราวกับปีศาจที่คลานออกมาจากส่วนลึกของนรก

เมื่อหนานกงไหวออกมาจากวังหลวงก็ถึงเวลาสิ้นสุดราชสำนักช่วงเช้าพอดี หนานกงไหวอายุมากแล้ว ไม่ได้นอนทั้งคืนจึงมีสีหน้าเหนื่อยล้า กลับมาถึงจวนก็เดินตรงเข้าไปยังเรือนของตัวเอง เขายังคงขมวดคิ้ว เมื่อคืนวังหลวงมีมือสังหารบุกเข้ามา เซียวเชียนเยี่ยเรียกตัวเขา หยวนชุน และแม่ทัพสองสามคนไปเข้าเฝ้าทั้งคืน ดูเหมือนจะหวาดกลัวจนขี้ขลาด นึกถึงฮ่องเต้ที่ยังวัยเยาว์พระองค์นั้นแล้ว หนานกงไหวก็ยิ้มมุมปากอย่างดูหมิ่นเหยียดหยาม

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *