หมอหญิงยอดมือสังหาร 466 ลอบสังหาร (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 466 ลอบสังหาร (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 466 ลอบสังหาร (2)
เป็นเช่นนั้น องค์หญิงไม่สนใจต่อวาจาหวานหูของเว่ยหงเฟยแม้เพียงนิด ยิ้มเย็น เอ่ย “เว่ยหงเฟยที่ข้ายังไม่เอ่ยเรื่องหย่าขาดจากท่านเป็นเพราะเห็นแก่หน้าของราชวงศ์ แต่หากท่านทนไม่ไหวอยากรับพระชายาใหม่ รอพิธีศพเสด็จพ่อผ่านไปแล้วค่อยลงนามในการหย่าเถิด”

เว่ยหงเฟยตกตะลึง เอ่ย “เจ้ากำลังเอ่ยสิ่งใดอยู่ ข้าเคยบอกหรือว่าจะรับชายาใหม่ ฉังผิง อย่าแง่งอนกันอีกเลย ท่านแม่เองก็เอ่ยถึงเจ้าบ่อยๆ กลับไปกับข้าเถิด”

“เอ่ยถึงข้าอย่างนั้นหรือ” องค์หญิงฉังผิงแสดงออกถึงความน่ารำคาญ “มารดาของท่านเอ่ยถึงข้าคงด่าข้าสินะ”

เห็นชัดว่าองค์หญิงฉังผิงรู้จักจวิ้นอ๋องไท่เฟยผู้นี้เป็นอย่างดี แม่เฒ่าผู้นั้นไม่รู้เคยโดนสิ่งใดสะเทือนใจมาหรือไม่ ตั้งแต่อายุยังน้อยก็เอาแต่หยาบคายและเย็นชาต่อผู้อื่นเสมอ เมื่อได้เป็นจวิ้นอ๋องไท่เฟยแล้วยิ่งหนักขึ้นไปอีก เดิมยังนับว่าเกรงใจต่อองค์หญิงฉังผิงบ้างแต่เมื่อองค์หญิงแต่งเข้าจวนไปได้ไม่นานก็เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ไม่เอาแต่พร่ำบอกว่าสามีของตนนั้นตายเพราะฝ่าบาทก็เอาแต่ส่งคนมาให้เว่ยหงเฟย จากนั้นทำตัวเป็นผู้อาวุโสพร่ำสั่งสอนนางถึงการเป็นชายาที่ดี พูดราวกับเมื่อครั้งยังสาวสามีมองสตรีอื่นเล็กน้อยก็ยังไล่ตะเพิดผู้นั้นไม่ใช่ตัวนางอย่างไรอย่างนั้น และที่น่าเกลียดก็คือแม่เฒ่าผู้นี้มักเอ่ยถึงองค์หญิงฉังผิงในทางที่ไม่ดีเมื่ออยู่ต่อหน้าเว่ยหงเฟย พูดครั้งสองครั้งเว่ยหงเฟยอาจไม่เชื่อ แต่พูดเป็นแปดครั้งสิบครั้ง เว่ยหงเฟยที่เป็นบุตรชายกตัญญูจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเอ่ยวาจาคับแค้นใจต่อภรรยา

ได้ยินองค์หญิงฉังผิงเอ่ยเช่นนั้น เว่ยหงเฟยจึงแสดงสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมา

เว่ยจวินปั๋วที่ยืนอยู่ข้างเว่ยหงเฟยก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสด็จแม่คิดมากไปแล้ว ท่านย่าคิดถึงเสด็จแม่จริงๆ”

องค์หญิงฉังผิงเองไม่ได้โกรธอันใด คล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้มมองไปยังเว่ยจวินปั๋ว เอ่ยถาม “ช่วงนี้ความสัมพันธ์ระหว่างอี๋เหนียง[1]กับท่านย่าคงไม่เลวสินะ เมื่อก่อนพวกเขานั้นราวกับแม่ลูกกันจริงๆ เสียอีก ยามนี้ได้เป็นแม่สามีกับลูกสะใภ้อย่างเต็มที่แล้วคงจะดีมากขึ้นเป็นแน่ เจ้าไม่เกลี้ยกล่อมบิดาของเจ้าให้รีบแต่งตั้งอี๋เหนียง แต่กลับมาเกลี้ยกล่อมให้ข้ากลับไปอย่างนั้นหรือ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเว่ยจวินปั๋วแข็งค้างขึ้นมา ความสัมพันธ์ระหว่างแม่เฒ่าและท่านแม่นั้น…ไม่ดีเท่าใดนัก

องค์หญิงฉังผิงส่งเสียงหยัน ไม่สนใจ ตนดูออกตั้งนานแล้ว แม่เฒ่าผู้นั้นมิได้มีปัญหากับตนเองเพียงผู้เดียว ไม่ว่าใครได้เป็นลูกสะใภ้ของนางล้วนแล้วแต่โดนวิจารณ์ทั้งสิ้น เมื่อก่อนมีตนคอยบังหน้าให้ตลอด เฝิงซื่อและแม่เฒ่านั้นยังเป็นญาติกันแน่นอนว่าความสัมพันธ์จึงไม่เลว ทว่าเพียงตนออกมา แม้เฝิงซื่อจะไม่มีตำแหน่งพระชายา แต่นางก็เป็นชายา แน่นอนว่าต้องขัดแย้งกันมากเป็นธรรมดา

เว่ยจวินปั๋วยังนับว่าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แสดงออกชั่วครู่พลันกลับมามีท่าทางเช่นเดิม เอ่ยอย่างนอบน้อม “เสด็จแม่เป็นมารดาของจวินปั๋ว จวินปั๋วมิกล้าเสียมารยาท” แม้ต้องการให้มารดาของตนขึ้นเป็นชายาเอก เขาก็จะได้กลายเป็นเชื้อสายหลักที่ถูกต้อง แต่เขารู้ว่าหากมีทางเลือกอื่นบิดาของเขาไม่มีทางหย่าขาดจากองค์หญิง อีกทั้งการเป็นเชื้อสายรองอาจจะไม่น่าฟังสักหน่อย แต่การมีองค์หญิงฉังผิงเป็นเชื้อสายหลัก อย่างน้อยก็ยังมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องบ้าง ข้อเสนอแรกคือ…หากพวกเขาสามารถพาองค์หญิงกลับจวนได้ เวลานี้ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่ขึ้นครองราชย์ ดูเหมือนจะมั่นคง แต่สุดท้ายแล้วอำนาจของราชสำนักจะไปตกอยู่ที่ใครยังไม่แน่นอน สิ่งเดียวที่พวกเขามั่นใจก็คือต่อให้ใครเป็นผู้กุมอำนาจ เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ปกครองเมืองที่มีกำลังทหารอยู่ในมือต่างก็ต้องเกรงอกเกรงใจ

องค์หญิงฉังผิงมองสำรวจเว่ยจวินปั๋วเล็กน้อย หันกลับไปหาหนานกงมั่ว “เด็กคนนี้รู้จักพูดจากว่าจวินเอ๋อร์อีก”

หนานกงมั่วยิ้มบาง “คุณชายเว่ยรู้จักหักรู้จักงอ ไม่ใช่สิ่งที่จวินมั่วจะเทียบได้เพคะ”

องค์หญิงฉังผิงจับมือหนานกงมั่ว เอ่ยเสียงเรียบ “ข้ากลับไม่อยากให้เขารู้จักหักรู้จักงอ หากเขายอมลงให้คนอื่นบ่อยๆ ข้าเห็นแล้วคงไม่พอใจ”

สีหน้าของเว่ยจวินปั๋วเริ่มทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาไม่ได้โง่ ไยจะฟังไม่ออกว่าองค์หญิงฉังผิงและหนานกงมั่วกำลังเอ่ยเสียดสีเขา หนานกงมั่วยิ้มบาง “เสด็จแม่เหนื่อยแล้ว รีบเข้าไปพักผ่อนเถิด พวกเรายังต้องย้ายบ้านอีกนะเพคะ”

ได้ยินดังนั้น เว่ยหงเฟยจึงรู้สึกยินดีขึ้นมา เว่ยหงเฟยเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ดีเลย คนที่จวนได้ทำความสะอาดเรือนของเจ้าเรียบร้อยแล้ว รอเพียงเจ้าย้ายกลับไป”

หนานกงมั่วยิ้มเย็น ทำราวกับไม่ได้ยินคำว่า ‘เจ้า’ ของเว่ยหงเฟย ในเวลาแบบนี้ยังคิดว่านางและเว่ยจวินมั่วเป็นคนอื่น แม้ว่าพวกเขาไม่รู้สึกเสียดายที่จะไม่กลับไปที่จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง แต่ท่าทีเช่นนี้ของเว่ยหงเฟยนั้นอยากรับองค์หญิงฉังผิงกลับจวนจริงๆ น่ะหรือ

“ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้ว ผู้สืบทอดเยี่ยนอ๋องและคุณชายกำลังจะกลับเมืองหลวง ข้ากับเสด็จแม่จึงคิดจะย้ายออกไปอยู่ที่จวนองค์หญิงข้างๆ นี้ต่างหาก อดีตฮ่องเต้ได้จัดเตรียมที่อยู่อาศัยไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ช่วงนี้เสด็จแม่อยู่บ้านคนเดียวจึงไม่คิดจะย้าย ยามนี้ข้ากลับมาแล้วจึงจะช่วยเสด็จแม่จัดการดูแลจวนองค์หญิงให้เรียบร้อยได้ ส่วนจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ใครเสียดายท่านอ๋องก็เก็บไว้ให้เขาเถิด”

วาจาของหนานกงมั่วยังไม่ทันได้เอ่ยจบ ใบหน้าเว่ยหงเฟยพลันเขียวปั๊ด จ้องหนานกงมั่วเขม็ง “ผู้ใหญ่คุยกัน เด็กอย่างเจ้ามายุ่งอันใดด้วย ช่างไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนเสียจริง” หนานกงมั่วเม้มริมฝีปากยิ้มบาง “ปัญหาเรื่องการอบรมสั่งสอนของข้า ท่านอ๋องไปถามกับฉู่กั๋วกงก็ได้ เสด็จแม่ เราเข้าไปข้างในกันเถิดเจ้าค่ะ เสียเวลาอยู่หน้าประตูนานไปคงไม่เหมาะ”

องค์หญิงฉังผิงพยักหน้าใจดี กวาดตามองเว่ยหงเฟยอย่างไม่พอใจ “เว่ยหงเฟย สะใภ้ของข้าเป็นเยี่ยงไรไม่จำเป็นให้ท่านต้องมามากความ พาบุตรชายของท่านกลับไปเถิด”

เอ่ยจบ ไม่สนใจพ่อลูกเว่ย องค์หญิงฉังผิงจับแขนของหนานกงมั่วที่ยื่นมาให้เดินเข้าไปในจวนเยี่ยนอ๋อง

“ฉังผิง” เว่ยหงเฟยร้อนใจ รีบยื่นมือไปหวังจะคว้าจับองค์หญิงฉังผิงเอาไว้ เขามีลางสังหรณ์ว่าหากครั้งนี้เขาปล่อยองค์หญิงฉังผิงไป บางทีอาจจะกลับไปไม่ได้แล้ว มีหรือหนานกงมั่วจะยอมให้เขาได้สมใจหวัง ดีดปลายนิ้วเบาๆ ชายผ้าก็ตกมาอยู่ในมือ พันเข้าไปที่ข้อมือของเว่ยหงเฟย ผ้าไหมที่มีความยาวไม่มากนัก ทว่าทำให้มือของเว่ยหงเฟยไม่อาจยื่นเข้ามาได้อีก ทำได้เพียงมององค์หญิงฉังผิงเดินเข้าประตูไป

“หลบไป” เว่ยหงเฟยจ้องหนานกงมั่วเขม็ง คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น ยิ้มร่าเริง “ท่านอ๋อง ทำให้องค์หญิงต้องตกใจมีโทษนะเพคะ ท่านคงรับไม่ไหว ข้าทำเพื่อท่านนะ”

“ข้าเป็นสามีของนาง” เว่ยหงเฟยกัดฟันเอ่ย

หนานกงมั่วไม่ใส่ใจ “ท่านอ๋องไปถามดูหรือไม่ ตอนนั้นพระราชบุตรเขยในเสด็จน้าห้าใช้ชีวิตเยี่ยงไร” เว่ยหงเฟยอวดดีเพียงนี้ เป็นเพราะความอดทนขององค์หญิงทำให้เขาเสียนิสัย พระราชบุตรเขยคนใดจะอวดดีเท่าเว่ยหงเฟย ชายารองนั้นแทบจะขึ้นไปเหยียบบนหัวองค์หญิงอยู่แล้ว ราชบุตรเขยคนอื่น ต่อให้องค์หญิงไม่อาจให้กำเนิดได้ อย่างมากก็รับสาวใช้อุ่นเตียง เมื่อคลอดออกมาแล้วก็ต้องเลี้ยงอยู่กับองค์หญิง ปกติแล้วไม่มีการเรียกเข้าเฝ้าจากองค์หญิง ราชบุตรเขยไม่มีสิทธิ์เข้ามาเหยียบเรือนที่พักขององค์หญิงแม้เพียงก้าวเดียว ตระกูลเว่ยอวดดีเพียงนี้คิดว่าเชื้อพระวงศ์จะไม่กล้าทำอันใดพวกเขาอย่างนั้นหรือ

ใบหน้าของเว่ยหงเฟยเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวม่วง เขาไม่อาจเอ่ยต่อหน้าเด็กเมื่อวานซืนนี้ได้ว่าเป็นเพราะองค์หญิงฉังผิงผิดต่อเขา เขายังไม่อยากเสียหน้า

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “เสด็จแม่ใจดีกับท่านอ๋องมามากพอแล้ว ขอท่านอ๋องได้โปรดให้เกียรติด้วย”

[1] อี๋เหนียง อนุภรรยา

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *