หมอหญิงยอดมือสังหาร 139 ปัญญาของเมิ่งเย่ว์ (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 139 ปัญญาของเมิ่งเย่ว์ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ท่านแม่ทัพชมเกินไปแล้ว ข้ามิบังอาจ” ชายเสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น ทุกคนพร้อมใจกันหันไปยังประตูทางเข้า มองเห็นชายชุดดำค่อยๆ เดินเข้ามา เดิมคิดว่าคนที่ถูกจังติ้งฟังเรียกว่าท่านจะมีอายุราวเจ็ดสิบหรือแปดสิบปี อย่างน้อยก็ต้องเป็นชายวัยกลางคนที่อายุไม่น้อยแล้ว ทว่าคนที่เดินเข้ามากลับเป็นชายหนุ่มวัยแรกเริ่ม แม้ใบหน้าของเขาจะมีหน้ากากปกปิดเอาไว้ ทว่าผมสีดำและรูปร่างของเขานั้น อย่างไรเสียก็ปิดบังบรรดาจอมยุทธ์พวกนี้เอาไว้ไม่ได้ว่าชายตรงหน้าคงอายุไม่ถึงสามสิบปีอย่างแน่นอน

ทางด้านจังติ้งฟังกลับมองไม่เห็นถึงความตื่นตระหนกของคนอื่นๆ เขาลุกขึ้นต้อนรับด้วยตนเอง “ท่านกง ในที่สุดท่านก็มาแล้ว ข้าวางใจลงไปมากทีเดียว”

ชายผู้นั้นยกมือประสานคารวะ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ทำให้ท่านแม่ทัพเป็นกังวลแล้ว” กวาดตามองคนอื่นๆ ชั่วครู่ ชายหนุ่มยิ้ม “ข้ามีนามว่ากงอวี้เฉิน คารวะจอมยุทธ์ทุกท่าน” แม้ทุกคนจะไม่เคยได้ยินนามนี้มาก่อน แต่เมื่อเห็นท่าทีของจังติ้งฟังก็รู้ได้ว่าชายผู้นี้มีความสำคัญมากเพียงใดสำหรับจังติ้งฟัง จึงตอบรับด้วยความเกรงอกเกรงใจกันไปประโยคสองประโยค

กงอวี้เฉินกวาดตามองไปทั่วทั้งห้อง ก่อนสายตาจะหยุดชะงักที่หนานกงมั่วเพียงชั่วครู่จากนั้นจึงรีบเคลื่อนหนีไป

“คุณชายกง เชิญนั่งก่อนเถิด” จังติ้งฟังเอ่ยด้วยรอยยิ้ม เชิญจังติ้งฟังมานั่งยังที่ว่างหน้าสุดด้วยตนเอง ก่อนหน้านี้มีคนแอบสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าตำแหน่งตรงนี้เก็บไว้ให้ใครกัน ยามนี้จึงได้เข้าใจ ที่แท้ก็เก็บไว้ให้ชายหนุ่มผู้นี้นี่เอง กงอวี้เฉินนั่งลง ยกจอกเหล้าขึ้นมาพร้อมกับแย้มยิ้ม “เห็นทุกท่านมาพร้อมเพรียงกัน ยิ่งเฝ้ารอความสำเร็จของแม่ทัพจังมากยิ่งขึ้น ข้าขอคารวะท่านแม่ทัพ”

จังติ้งฟังรู้สึกยินดี รีบดื่มกับกงอวี้เฉิน หัวเราะออกมา “หากไม่ใช่เพราะท่านกง ข้าจะสำเร็จได้เช่นไรกัน”

“ท่านแม่ทัพชมเกินไปแล้ว”

มองเห็นท่าทางการพูดคุยของทั้งคู่ เหล่าจอมยุทธ์ทั้งหลายเริ่มนั่งไม่ติด หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น “ในเมื่อแม่ทัพจังมีท่านกงเป็นกุนซือแล้ว ไม่รู้ว่าท่านกุนซือมีแผนเช่นไรหรือ”

กงอวี้เฉินกวาดตามองคนผู้นั้น เลิกคิ้วขึ้นพร้อมด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าย่อมมีแผนการอยู่แล้ว เพียงแต่…ตรงนี้มิใช่ที่ที่จะเอ่ยเรื่องนี้ได้ อีกไม่นานแผนการจะถูกส่งไปถึงมือทุกท่านอย่างแน่นอน ขอเพียงทุกท่านยินยอมที่จะช่วยเหลือ สำหรับคนที่ไม่คิดจะช่วย ท่านแม่ทัพเองก็ไม่บังคับ”

จังติ้งฟังพยักหน้า “ท่านกงกล่าวได้ถูกแล้ว แม่ทัพเช่นข้าไม่มีทางบังคับผู้ใด ทุกท่านวางใจได้ ตอนนี้อย่าพึ่งพูดเรื่องนี้เลย มา…ทุกท่านมีวาสนา เรามาดื่มร่วมกัน”

เอ่ยเสียงเรียบสองสามประโยคก็สามารถกดจอมยุทธ์ที่คิดข่มขู่ลงไปได้ เจ้านายเอ่ยเช่นนี้แล้ว คนอื่นๆ เองก็ไม่กล้ามากความอีก ห้องใหญ่ครึกครื้นขึ้นมา ใบไผ่พลิ้วไหว กลิ่นสุราคละคลุ้ง…

หนานกงมั่วยกจอกเหล้าขึ้นดื่ม หลุบตาลงเพื่อปิดบังความรู้สึกในดวงตาคู่นั้น

กงอวี้เฉิน…เจ้าสำนักหอธารา ในเมื่อเขาเป็นกุนซือให้จังติ้งฟัง เช่นนั้นก่อนหน้านี้กงอวี้เฉินไปปรากฏตัวที่จินหลิงเพราะเหตุผลใดเล่า

เมืองเฉินโจว เนื่องจากสงครามทำให้ยามนี้เฉินโจวกลายเป็นพื้นที่เงียบสงบและมีบรรยากาศตึงเครียดไปทั่ว ประชาชนต่างหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้าน ในยามที่ต้องออกนอกบ้านจำต้องระมัดระวังถึงที่สุด กองทัพของราชสำนักเองก็เฝ้าระวังบริเวณริมฝั่งเป็นอย่างดี ผู้ที่ดูสบายที่สุดก็คงเป็นบรรดาจอมยุทธ์ทั้งหลายที่เดินทางกันมาไกลหลายพันลี้ เหล่าจอมยุทธ์ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านการรบจึงไม่ใส่ใจเรื่องการรบของคนธรรมดาพวกนี้มากนัก แม้กระทั่งแม่ทัพที่มีชื่อเสียงโด่งดังเหล่านั้น ในสายตาของพวกเขาก็เป็นเพียงมดที่ตายได้ง่ายๆ ในไม่กี่กระบวนท่า ทว่าก็มีคนอยู่จำนวนหนึ่งที่คิดได้ว่าผู้ที่ถูกปกครองใต้หล้านี้ก็คือคนธรรมดาที่ถึงแม้จะไม่อยู่ในสายตาของพวกเขา กระทั่งว่าเป็นผู้ที่ไม่มีปัญญาแม้แต่จะจับไก่มัด แต่ก็มิใช่ว่าคนที่มีวรยุทธ์เช่นพวกเขาจะสามารถควบคุมคนพวกนี้ได้ดังเช่นขุนนางผู้มีอำนาจเหล่านั้น คนที่ไม่คิดจะปกครองใต้หล้าอย่างจริงจังเองก็เป็นผู้ที่ถูกพวกเขามองว่าเป็นประชาชนธรรมดาที่ไร้ค่า

ที่นั่งริมหน้าต่าง ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง จินผิงอี้และหนานกงมั่วกำลังนั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน ทางด้านหลังของจินผิงอี้ยังคงมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยสองคนนั่งอยู่ ที่แท้หญิงสาวสองคนนี้ก็มิใช่สตรีที่คอยปรนนิบัติจินผิงอี้ ทว่าเป็นลูกศิษย์ของเขา แต่เมื่อมองสายตาที่ทั้งสองจ้องเขม็งมาที่นางแล้วก็ทราบได้ว่าในสายตาของจินผิงอี้นั้น คำว่าลูกศิษย์กับสตรีเคียงกายคงไม่แตกต่างกันนัก

จินผิงอี้มองสตรีชุดดำตรงหน้าด้วยความสนใจ ใบหน้าเรียบนิ่ง วรยุทธ์สูงส่ง ที่มาที่ไปลึกลับ สตรีเช่นนี้ทำให้รู้สึกประหลาดใจอยู่ไม่น้อย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงใบหน้าที่งดงามเกินมนุษย์ของนาง สตรีที่สามารถพึ่งพาใบหน้าอันงดงาม ทว่ากลับเลือกปกปิดมันเอาไว้แล้วพึ่งพาเพียงความสามารถอย่างเดียว สตรีเช่นนี้ไม่เพียงทำให้คนรู้สึกสนใจ ยิ่งทำให้รู้สึกว่าน่านับถือมากทีเดียว

“แม่นางเมิ่ง ข้อเสนอของจังติ้งฟัง เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร” จินผิงอี้เอ่ยถาม

หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมามองเขา เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าสำนักมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว ไยต้องถามข้า”

จินผิงอี้ยิ้มออกมา เอ่ยต่อ “ข้ามีคำตอบแล้ว แต่ตอนนี้ข้าอยากฟังความคิดเห็นของแม่นาง” น้ำเสียงของหนานกงมั่วยังคงราบเรียบ “แม่ทัพจังต้องการกำลังจากจอมยุทธ์ทั้งหลาย เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบอกก็รู้ได้ ทว่าหนึ่งในนั้น…ที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาก็คงเป็นสำนักกลเจ็ดดาวและสำนักเหลียนเสวี่ยแล้ว”

รอยยิ้มบนใบหน้าของจินผิงอี้จางลงเล็กน้อย “อย่างไร”

หนานกงมั่วเอ่ย “สำนักกลเจ็ดดาวยิ่งใหญ่ในเจียงตง สำนักเหลียนเสวี่ยยิ่งใหญ่ในหูก่วง แม้ยุทธภพจะมีอำนาจ หรือต่อให้ต้องการผู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นเจ้าสำนักจิน อย่างน้อยพวกเขาก็มีความสัมพันธ์กับราชสำนัก ขอเพียงสำนักเหลียนเซวี่ยเข้าร่วมกับแม่ทัพจัง อำนาจเล็กๆ น้อยๆ ในหูก่วงก็จะอยู่ในกำมือของจังติ้งฟัง และยามนี้…สำนักเหลียนเสวี่ยก็อยู่ในอำนาจของจังติ้งฟัง ไม่เชื่อฟังก็ต้องตาย ดังนั้นยามนี้ที่สำคัญที่สุดก็คงเป็นเจ้าสำนักจินแล้ว ส่วนสำนักกลเจ็ดดาวนั้น… หากเจ้าสำนักยอมให้ความร่วมมือ ถึงยามนั้นค่อยจัดตั้งกองกำลังขึ้นที่เจียงตง แยกเป็นสองทางเข้าตีจินหลิง… ในเวลานี้กองกำลังที่แข็งแกร่งของราชสำนักประจำอยู่ที่ทิศเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ ถึงตอนนั้น…แม่ทัพจังอยากยึดทั้งเจียงหนานก็ใช่ว่าจะเป็นไปมิได้”

จินผิงอี้สูดหายใจเข้าลึก จ้อมองหนานกงมั่ว “แม่นางเป็นใครกันแน่” จอมยุทธ์ทั่วไปจะรู้เรื่องมากมายเช่นนี้ได้เยี่ยงไร กระทั่งหลายเรื่องจินผิงอี้เองก็ไม่รู้

หนานกงมั่วรินน้ำชาให้ตนเอง เอ่ยตอบ “เจ้าสำนักจินไม่ต้องกังวล ข้าเพียงกล่าวไปเรื่อย เชื่อไม่เชื่อเป็นเรื่องของท่าน”

จินผิงอี้จ้องมองสตรีตรงหน้านิ่ง ในใจสับสนวุ่นวาย ในสมองยิ่งปั่นป่วนไม่หยุด สตรีชาญฉลาดเช่นนี้หากเขาได้ใช้ประโยชน์ล่ะก็…แต่ว่า เขาไม่สามารถสืบที่มาของนางได้เลย คนที่ฉลาดถึงเพียงนี้หากไม่รู้ที่มาให้ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ย่อมไม่กล้าใช้ประโยชน์จากนาง

หนานกงมั่วก้มหน้า จิบชาเบาๆ “ไยเจ้าสำนักจินต้องคิดอะไรมากมาย ข้าไม่มีความสนใจต่อการรบ เพียงสนใจในสิ่งที่ข้าจะได้ หากเจ้าสำนักไม่วางใจ ความร่วมมือของเราก็คงต้องจบเพียงเท่านี้ แน่นอน กระบี่ชิงหมิงข้าคงไม่คืนให้” เมื่อหญิงสาวด้านหลังจินผิงอี้ได้ยินเช่นนั้น ดวงตาวาววับกำลังจะเอ่ยบางสิ่งออกมา ทว่าจินผิงอี้ยกมือขึ้นห้ามเอาไว้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *