หมอหญิงยอดมือสังหาร 909 การตายที่ผิดปกติ (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 909 การตายที่ผิดปกติ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 909 การตายที่ผิดปกติ (1)

มองดูสองพี่น้องที่กำลังเล่นด้วยกัน หนานกงมั่วก็อดหัวเราะไม่ได้

“มีความสุขหรือไม่” เว่ยจวินมั่วก้มหน้าลง มองดูหนานกงมั่วที่ยิ้มหน้าบาน หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “มีความสุขสิ มองดูอานอานกับเยาเยาเติบโตขึ้นทุกวัน ข้าคิดว่า…บนโลกใบนี้คงไม่มีเรื่องอันใดทำให้ข้าไม่มีความสุขอีกแล้ว” เว่ยจวินมั่วดึงนางเข้ามากอด เขาเอ่ยเบาๆ “เราจะมีความสุขเช่นนี้ตลอดไป เยาเยากับอานอานจะเติบโตอย่างมีความสุข”

“อืม ข้ารู้แล้ว” นางไม่เคยนึกสงสัย

หมิงฉินที่รับใช้อยู่ข้างๆ บอกให้แม่นมพาเด็กน้อยสองคนไปป้อนนม นางเองก็ย่อตัวคารวะแล้วเดินออกไป ปล่อยให้จวิ้นจู่กับคุณชายอยู่ด้วยกันตามลำพัง จะว่าไปแล้ว แต่งงานมาสองสามปี ลูกน้อยสองคนก็โตได้สองสามเดือนแล้ว แต่ความสัมพันธ์ของจวิ้นจู่กับคุณชายยังรักกันดังเดิม พวกนางเห็นเช่นนี้ก็อิจฉา

แม้จะไม่มีสงครามแล้ว แต่ยังไม่ถึงกำหนดเวลาคืนกองกำลังไท่หนิง ดังนั้นเวลาที่เหลือจึงเริ่มฝึกฝนบรรดาทหาร ยามนี้เว่ยจวินมั่วครอบครองดินแดนทั้งสองฝั่งของแม่น้ำหลีเจียง หนานกงมั่วคัดเลือกทหารมาตลอด แล้วยังมีทหารที่พ่ายแพ้เป็นเชลยจากสนามรบ รวมกันแล้วทั้งหมดมีทหารพร้อมม้าสองสามแสนนายเป็นทหารที่หนานกงมั่วเรียกว่าทหารสนับสนุน

ทหารของกองกำลังไท่หนิงล้วนแต่รักษาสัญญา ออกมาจากสนามรบแล้วก็เริ่มช่วยพวกเขาฝึกทหาร แต่เวลาเพียงหนึ่งถึงสองเดือนจะเรียนรู้ได้มากเพียงใดนั้นเอ่ยได้ยาก แต่ก็ดีกว่าไม่ฝึกฝนอันใดเลย ฝั่งโยวโจวเองมีแม่ทัพจํานวนมากที่มีความสามารถใกล้เคียงกับพวกเขา ทว่าตอนนี้สงครามในทางเหนือกําลังรุนแรง ไม่มีใครมีเวลาว่างมาฝึกทหาร

พริบตาเดียวก็มาถึงกลางเดือนสิบสอง ทหารของกองกำลังไท่หนิงเริ่มอยากกลับบ้านตัวเอง แต่พวกเขายังไม่ทันได้ออกเดินทางก็มีคนรอไม่ไหว และเดินทางมาเยี่ยมที่เฉินโจวก่อนแล้ว

ในห้องโถงของจวนว่าการเฉินโจว หนานกงมั่วนั่งอยู่ข้างๆ เว่ยจวินมั่ว ยิ้มแล้วมองบุรุษที่นั่งอยู่ในห้องรับแขกด้วยท่าทีที่เกียจคร้าน “หนิงอ๋องมาเฉินโจว พวกเราช่างมีวาสนาเสียจริง”

หนิงอ๋องกระแอมเบาๆ กวาดตามองรอบห้องโถง พยักหน้าแล้วจึงเอ่ย “มีวาสนาจริงๆ เงินเป็นล้านพวกเจ้ายังสามารถหยิบออกมาได้ตามอำเภอใจ ไยต้องขี้เหนียวเพียงนี้ ดูห้องโถงนี้สิข้างหน้ายังทรุดโทรมเพียงนี้ ข้างในจะเป็นเยี่ยงไร”

หนานกงมั่วแอบกลอกตาอยู่ในใจ จวนว่าการเฉินโจวหลังนี้คือที่อยู่ของขุนนางเมืองเฉินโจว ด้วยความโลภมากของขุนนางในเฉินโจว จวนว่าการหลังนี้จะทรุดโทรมได้เช่นไร มาถึงเฉินโจว พวกเขาไม่เพียงแต่ยุ่งวุ่นวาย ฝึกทหาร และสู้รบ ทั้งหมดล้วนแต่ต้องใช้เงิน และเป็นเพราะภัยแล้งครั้งใหญ่ จึงเก็บภาษีไม่ได้ ใครจะมีเวลามาซ่อมแซมจวนว่าการ และแน่นอนว่าหากเทียบกับจวนหนิงอ๋องแล้ว จวนว่าการเฉินโจวหลังนี้ก็ย่อมสู้ไม่ได้จริงๆ

หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “หนิงอ๋องกล่าวเกินไปแล้ว หากพวกเรามีเงินมากมายเช่นนั้นจะกังวลเรื่องราษฎรเมืองเฉินโจวได้เช่นไรเพคะ”

หนิงอ๋องกระแอมเบาๆ มองหนานกงมั่วด้วยสีหน้าราวกับบอกว่า ‘ข้าจะฟังเจ้าแต่งเรื่อง’ ครึ่งปีที่ผ่านมานี้เขาสืบมาหมดแล้ว นอกจากเงินสองล้านที่เสด็จพี่สี่ให้พวกเขาทั้งสองแล้ว ที่เหลือพวกเขาเป็นคนจัดหากันเอง ต้องรู้ว่าครึ่งปีที่ผ่านมาเสบียงอาหารของกองกำลังหลายแสนนาย แล้วยังมีผู้ลี้ภัยอีก หนานกงมั่วเริ่มปรับปรุงแม่น้ำ ขุดบ่อน้ำของทุกเมือง เรื่องพวกนี้ล้วนต้องใช้เงินมหาศาล สําหรับภาษีในช่วงสองปีที่ผ่านมาของเฉินโจวนั้นเป็นเพียงเรื่องขบขัน ยิ่งไปกว่านั้นทันทีที่หนานกงมั่วมาถึงเย่ว์โจว ก็ยกเลิกภาษีทั้งหมดของที่ที่ประสบภัยพิบัติในปีนี้

ดังนั้น…หนิงอ๋องจึงเอาแต่จ้องคนที่อยู่ตรงหน้า หากรู้ว่าพวกเขาสองคนรวยเพียงนี้ ตอนนั้นน่าจะปล้นพวกเขาตั้งแต่ที่สีโจว หนิงอ๋องคิดในใจ พร้อมกับคิดคำถามที่เขาคิดมาตั้งนานแต่กลับคิดไม่ออก เจ้าสองคนนี้ไปเอาเงินมาจากไหนตั้งเยอะแยะ

สองคนนี้เอาเงินมาจากไหนตั้งมากมาย คนส่วนใหญ่ในใต้หล้านี้คงไม่รู้ และคนส่วนน้อยที่รู้ก็ไม่มีทางบอกกับหนิงอ๋อง ดังนั้นหนิงอ๋องจึงทำได้เพียงคิดอยู่ในใจอย่างขมขื่น แต่ว่าครึ่งปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้เสียเปล่า เขาได้เงินจากเว่ยจวินมั่วมาไม่น้อย เขาใช้เงินในการขยายกองกำลังทหารของตัวเอง แต่ตอนนี้แน่นอนว่าเขาต้องมาดูทหารของกองกำลังไท่หนิงด้วยตัวเอง พร้อมกับมารับพวกเขากลับไป แน่นอนว่าหากสูญเสียมากเกินไป… หนิงอ๋องเลิกคิ้วพลางมองสองสามีภรรยาที่นั่งอยู่ด้านข้าง พวกเขาจะต้องชดเชย

เว่ยจวินมั่ววางถ้วยชาลงแล้วเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านมารับกองกำลังไท่หนิงกลับเช่นนั้นหรือ”

หนิงอ๋องเลิกคิ้ว พยักหน้าอย่างใจกว้าง “ผ่านไปครึ่งปีแล้ว เป็นเช่นไร กองกำลังไท่หนิงของข้าไม่เลวใช่หรือไม่”

คุณชายเว่ยเอ่ยอย่างเฉยเมย “ทหารไม่เลว แต่แม่ทัพโง่เกินไป”

ปัง! หนิงอ๋องโมโห แต่เขาก็กลับสงบลงอย่างรวดเร็ว ยิ้มพลางเอ่ย “ถึงแม้จะโง่ก็แต่ก็เป็นคนของข้า ข้าไม่รังเกียจพวกเขาก็พอแล้ว” หนิงอ๋องรู้ว่าเขาอิจฉา เพราะเจ้าไม่มีแม้แต่แม่ทัพที่โง่เขลา แต่หากขอจากเสด็จพี่สี่แล้ว เสด็จพี่สี่ไม่มีนั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง และถึงแม้ว่าจะมี ยังต้องกังวลว่าเขาจะเป็นสายลับของคนอื่นหรือไม่ “เป็นเยี่ยงไร ข้าพาพวกเขากลับได้เมื่อใด”

เว่ยจวินมั่วไม่สนใจนัก “เมื่อใดก็ได้”

“?” ใจกว้างเพียงนี้เลยหรือ หนิงอ๋องมองดูชายที่มีสีหน้าเย็นชาตรงหน้าตัวเองด้วยความสงสัย

คุณชายเว่ยยิ้มหยัน “ตอนนี้ไร้ศึกสงคราม พวกเขายังอยู่ที่นี่ ข้าก็ต้องให้เสบียงอาหารกับพวกเขา”

หนิงอ๋องพูดไม่ออก เพิ่งบอกว่าเจ้ารวย เจ้ากลับขี้เหนียวเพียงนี้ แต่ว่ารับกองกำลังทหารของตัวเองกลับไปอย่างราบรื่นเช่นนี้ย่อมเป็นเรื่องดี เพราะหนิงอ๋องเองก็กังวลว่าจะไม่ได้กองกำลังทหารของตัวเองคืนมา

เว่ยจวินมั่วโบกปัดมือไม่ใส่ใจนัก ห่างไปไม่ไกล ชวีเหลียนซิงก็ถือสมุดเล่มหนาออกมาให้หนิงอ๋อง เว่ยจวินมั่วเอ่ย “นี่คือรายชื่อทหารที่ตายในสนามรบ ประเดี๋ยวข้าจะให้ชวีเหลียนซิงคํานวณเงินให้ท่าน” เอ่ยจบเขาก็ไม่สนใจหนิงอ๋องอีก มองเขาด้วยสายตาที่ว่าท่านออกไปได้แล้ว

แต่หนิงอ๋องไม่ได้โง่ เขารับสมุดมาเปิดดูทันที พลิกดูช้าๆ ในสมุดไม่มีทางบันทึกรายละเอียดของทหารที่ตายในสนามรบได้ทุกคน จากนั้นหนิงอ๋องก็โยนสมุดลงบนโต๊ะ ลุกขึ้นกัดฟันพลางเอ่ย “จวินมั่ว เจ้าคิดว่าข้าโง่เช่นนั้นหรือ ทหารระดับกลางทำไมถึงตายมากเพียงนี้”

จริงอยู่ที่ทหารระดับกลางไม่ได้มีความสามารถอันใด อย่างเช่น ผู้บังคับการกองร้อย ผู้บังคับการกองพัน และพันเอกธรรมดาๆ ทั่วไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมรับสมุดที่เขียนว่ามีแม่ทัพขั้นกลางตายไปตั้งครึ่งเล่ม พวกเขาล้วนแต่เป็นทหารผ่านศึกที่คลานออกมาจากทะเลเลือด การบาดเจ็บและล้มตายของกองกำลังไท่หนิงมีเพียงสองถึงสามหมื่น แต่พวกเขาตายไปตั้งครึ่งหนึ่ง คิดว่าเขาโง่เช่นนั้นหรือ

คุณชายเว่ยเอ่ยอย่างเฉยเมย “อย่าถามข้าเรื่องพวกนี้ ข้ามิใช่คนจัดการเรื่องพวกนี้”

“เช่นนั้นข้าต้องถามใครกัน” หนิงอ๋องโมโหขึ้นมา

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *