หมอหญิงยอดมือสังหาร 386 เมืองหลิงโจวที่ไม่อาจควบคุม (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 386 เมืองหลิงโจวที่ไม่อาจควบคุม (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 386 เมืองหลิงโจวที่ไม่อาจควบคุม (2)
หลิ่วหงกูมองพี่ชายร่วมสาบานทั้งสามคนเกิดความสับสนขึ้นมา เอ่ยเสียงสั่น “คนพวกนั้น…คนพวกนั้นถูกคนของแม่ทัพอู่เต๋อจับตัวไปแล้ว พวกเรา พวกเราเองก็รับคำสั่งให้มาเฝ้าทางเส้นนี้ พวกเราพาคนมาเฝ้าอยู่ที่นี่ ไม่ให้ผู้ใดผ่านตรงนี้เข้าไปในเมืองหลิงโจวได้”

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว หันกลับไปถามเว่ยจวินมั่ว “แม่ทัพอู่เต๋อคือใครกัน”

เว่ยจวินมั่วส่ายหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “ราชสำนักไม่เคยแต่งตั้งแม่ทัพอู่เต๋อ”

หนานกงมั่วหันกลับไปหาหลิ่วหงกูอีกครั้ง ยังคงยิ้มหวาน เอ่ย “เจ้า…กำลังหลอกข้าหรือ”

ลู่เหอตงที่นอนอยู่บนพื้นถอนหายใจออกมาอย่างสิ้นหวัง เอ่ย “นางไม่ได้โกหกท่าน”

หนานกงมั่วลุกขึ้นมาไม่สนใจหลิ่วหงกูอีก เดินไปหยุดอยู่ด้านข้างลู่เหอตงพร้อมเอ่ยถาม “กล่าวเช่นนี้ เจ้ายอมพูดแล้วงั้นหรือ แม่ทัพอู่เต๋อคือผู้ใดกัน” ลู่เหอตงแค่นเสียงหัวเราะเย็น เอ่ย “ข้าไม่รู้ว่าท่านทั้งสองเป็นใคร เพียงแต่มาเมืองหลิงโจวในยามนี้เกรงว่าคงมีความกล้าไม่น้อย คนนอกยังไม่รู้ ตอนนี้หลิงโจวอีกทั้งแถบลุ่มแม่น้ำ…หึหึ ท่านคิดว่าราชสำนักจะเอาอยู่หรือ”

เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเข้ม “มีคนก่อกบฏหรือ”

ลู่เหอตงเอ่ยเสียงหยัน “เช่นไรเรียกก่อกบฏกัน ประชาชนใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้ยังไม่ยอมให้พวกเขาเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตอีกหรือ”

กริชในมือของหนานกงมั่วลดลงมาเร็วราวกับสายฟ้า ลู่เหอตงส่งเสียงหยันในลำคอจ้องหนานกงมั่วเขม็ง หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “อย่าเอ่ยราวกับว่าเจ้าเองก็ทำถูก ดูผู้คนในเมืองนี้สิว่ามีคนมากเพียงใดที่อยากจะถลกหนังหัวและดื่มเลือดของพวกเจ้า ใช้ชีวิตต่อไปไม่ได้ ดังนั้นวิธีการของพวกเจ้าก็คือทำให้ผู้อื่นเองก็ไม่อาจใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างนั้นหรือ”

ลู่เหอตงกัดฟัน “บนโลกใบนี้เป็นธรรมดาที่ผู้อ่อนแอจะเป็นเหยื่อของผู้ที่แข็งแกร่ง พวกเขาไม่มีความสามารถที่จะมีชีวิตเองต่างหาก”

หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “เช่นนี้ วันนี้หากข้าสังหารและหั่นพวกเจ้าออกเป็นชิ้นๆ นั่นก็นับว่าเป็นการลงโทษที่สมควรแล้วใช่หรือไม่”

ลู่เหอตงกัดฟันไม่เอ่ยอันใด หนานกงมั่วดึงกริชที่ปักอยู่บนแขนของเขาขึ้นมาเช็ดไปที่ชายเสื้อของเขาก่อนจะลุกขึ้นยืน เอ่ย “แม่ทัพอู่เต๋อผู้นั้นมาจากไหน ตอนนี้อยู่ที่ใด ในมือมีกำลังทหารมากเพียงใด”

ลู่เหอตงเอ่ย “ตอนนี้แม่ทัพอู่เต๋ออยู่ในเมืองหลิงโจว เมืองหลิงโจวถูกยึดไปตั้งแต่ครึ่งเดือนก่อนแล้ว พวกเราไม่เคยเจอแม่ทัพอู่เต๋อ พวกเราเข้ามาร่วมกับเขาหลังจากที่เขาปลุกปั่นกำลังทหารขึ้นมาแล้ว” หนานกงมั่วพยักหน้า ไม่คิดสงสัยว่าลู่เหอตงจะโกหกหรือไม่ เมืองชิงสุ่ยเป็นเมืองที่ไม่นับว่าใหญ่และเป็นเมืองเล็กๆ ที่ไม่สำคัญเท่าใดนัก ไม่ได้อยู่ติดเส้นทางหลักทางการสงครามแต่อย่างใด ทั้งสี่คนนี้ถูกส่งมาที่นี่ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มีประโยชน์เท่าใดนัก

“ตอนนี้จะทำเช่นไรต่อ” หนานกงมั่วหันกลับไปถาม

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “เราไม่ต้องดูที่หลิงโจว ที่นี่เดี๋ยวมีคนมาจัดการ”

หนานกงมั่วพยักหน้า “ก็ดี คนพวกนี้ล่ะจะทำเช่นไร”

“ฆ่าทิ้ง” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเข้ม เมื่อเอ่ยจบ กระบี่อ่อนตวัดเกิดแสงสีเงินไม่กี่สายวาดผ่านกลุ่มคนที่นอนอยู่บนพื้น ทั้งสี่คนไม่มีโอกาสแม้แต่จะส่งเสียงใดๆ ทว่าชายหญิงที่รวมตัวกันอยู่มุมห้องกลับกรีดร้องขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเรียบ “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน รอด้านนอกสงบแล้วก็กลับบ้านเถิด”

ฆ่าพวกหมาหัวเน่าพวกนี้ หนานกงมั่วไม่มีความคิดเห็นใดๆ ไม่ต้องเอ่ยถึงความเลวทรามที่พวกเขาทำกับเมืองเล็กๆ แห่งนี้ เพียงมองเรื่องชั่วร้ายที่พวกเขาเคยทำมาในอดีตก็สมควรแล้วที่จะกำจัดทิ้ง

เอ่ยจบ ทั้งสองจึงจูงมือกันเดินออกจากห้องนั้นไปทางด้านนอกที่เงียบสงัด องครักษ์ที่เคยยืนเฝ้าประตูไม่รู้ว่าล้มกองกันไปตั้งแต่เมื่อใด ดังนั้นยามที่พวกเขาเสียงดังชุลมุนอยู่ด้านในจึงไม่มีใครเข้ามาดูว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ส่วนหอเฟิงไหลที่อยู่ตรงหน้านั้นเสียงดังครึกครื้น ไหนเลยจะได้ยินเสียงพวกนี้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นแม้จะได้ยินมีหรือที่ใครจะกล้าเข้ามาในพื้นที่เสพสุขของทั้งสี่คนนี้

มองเห็นผู้คนที่นอนกองกันอยู่บนพื้น หนานกงมั่วถอนหายใจออกมา เอ่ย “ดูเหมือนจะคาดหวังต่อคนของทางการไม่ได้แล้ว คนพวกนี้จะให้คนของวังจื่อเซียวมาจัดการจริงๆ หรือ” ได้รับป้ายทองรับสั่งจากฮ่องเต้ อีกทั้งยังมีกระบี่อาญาสิทธิ์[1] แต่กลับมองไม่เห็นคนที่จะเรียกใช้ได้ นี่มันเรื่องบ้าอันใดกัน หากใช้คนของวังจื่อเซียว ต่อไปหากมีคนจับได้ย่อมไม่เป็นผลดี

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวพวกเขาจะจัดการให้เรียบร้อยเอง”

คนของวังจื่อเซียวจัดการเรื่องใดล้วนแล้วแต่ละเอียดถี่ถ้วน หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วกลับมาพักผ่อนในห้องเล็กๆ ที่โรงเตี๊ยมหนึ่งคืน จนกระทั่งวันต่อมาได้รับสายตาขอบคุณจากผู้จัดการโรงเตี๊ยมที่มาส่ง คนจากหอเฟิงไหลเองก็ไม่มีใครมาหาเรื่องพวกเขาอีก ออกจากเมืองชิงสุ่ยมาได้ ทั้งสองก็ควบม้าเร็วมุ่งตรงไปยังเมืองหลิงโจวโดยไม่หยุดพัก

ผ่านเมืองชิงสุ่ยไป พวกเขาจึงได้เข้าใจคำว่าประชาชนเป็นทุกข์ร้องไห้คร่ำครวญกันถ้วนหน้า ทุกที่ที่ไปถึง ทุกๆ ที่ล้วนมีแต่ซากปรักหักพัง ประชาชนสวมเสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ทุกๆ ที่ล้วนมองเห็นผู้คนล้มตายหรือใกล้ตายอยู่ข้างถนน รวมไปถึงเด็กที่ถูกทิ้งกำลังร้องไห้จ้าเพราะความหิว

ราชสำนักไม่อาจควบคุมเมืองหลิงโจวได้แล้วจริงๆ มองไกลออกไปพลันเห็นทหารที่ไม่ได้อยู่ในชุดของทางการ อีกทั้งทั่วทั้งเมืองหลิงโจวยังเข้มงวด คนธรรมดาทั่วไปอยากเข้าออกเมืองหลิงโจวต้องได้รับการตรวจค้นโดยละเอียด แต่นี่ไม่อาจรั้งพวกหนานกงมั่วทั้งสองได้ เพียงใช้แผนการเล็กๆ น้อยๆ ไม่ถึงสองเค่อพวกเขาก็เข้ามายืนอยู่ในเมืองหลิงโจวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มีผู้คนสัญจรไปมาบนถนนในเมืองหลิงโจวไม่มากนัก ไม่รู้สึกถึงความเป็นเมืองเลยแม้เพียงนิด ทำให้นึกถึงเมืองจิ่นโจวและเฉินโจวเมื่อครั้งจังติ้งฟังก่อกบฏ ไม่สิ อย่างน้อยจังติ้งฟังก็ก่อกบฏโดยมีกองทัพขึ้นมาในคราวเดียว ในมือยังมีผู้มีความสามารถไม่น้อย ทว่าแม่ทัพอู่เต๋อผู้นี้เพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ว่าไร้ฝีมืออย่างแน่นอน ไม่เพียงการคุ้มกันเมืองที่หละหลวม แม้แต่ทหารเองยังไม่น่ายกย่องเชิดชูด้วยเช่นกัน ทหารหลายคนคอยแย่งชิงสิ่งของตามท้องถนน รวมไปถึงการปล้นสตรีในเมืองก็ยังไม่มีผู้ใดสนใจ ทั่วทั้งเมืองยุ่งเหยิงวุ่นวาย ทำให้รู้สึกว่ากำลังยืนอยู่ท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย

ไม่นานทั้งสองก็มาหยุดยืนอยู่หน้าโรงเตี๊ยมเล็กๆ ที่ไม่สะดุดตามากนัก มองเห็นสัญลักษณ์ของวังจื่อเซียว เมื่อเดินเข้าไปด้านในพลันมองเห็นคุณชายฉังเฟิงที่ไม่เจอกันเสียนาน ภายในโรงเตี๊ยม ลิ่นฉังเฟิงก็มองมายังทั้งสองพลางถอนหายใจ เอ่ย “ในที่สุดเจ้าทั้งสองก็มาแล้ว หากพวกเจ้ายังคงไม่มา ข้าก็คงจะไปเองแล้ว พวกเจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ ยามนี้เมืองหลิงโจวมิใช่ที่ที่คนจะอยู่อาศัยได้อีกแล้ว”

ทั้งสองนั่งลง หนานกงมั่วเอ่ยถาม “นี่มันเกิดเรื่องอันใดกันแน่ แม่ทัพอู่เต๋ออะไรนั่นเป็นผู้ใดกัน”

ลิ่นฉังเฟิงยิ้มหยัน “แม่ทัพอู่เต๋ออะไรกัน เพียงคนที่รู้วรยุทธเล็กน้อยที่มาจากที่ใดก็ไม่รู้ ระดมชาวบ้านมาสร้างปัญหาขึ้นมาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเขาโชคดีหรือตานซินผู้นั้นโชคร้ายเกินไปก็ไม่รู้ได้ ทำให้เขาเอาชนะได้หลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายจึงยึดครองเมืองหลิงโจวเอาไว้ได้”

“ผู้บัญชาการทหารที่ประจำการเมืองหลิงโจวเล่า” เว่ยจวินมั่วเอ่ยถาม

ลิ่นฉังเฟิงถอนหายใจ “ผู้บัญชาการทหารเมืองหลิงโจวถูกตานซินซื้อไปนานแล้ว นี่ยังไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือตอนที่เจ้านั่นก่อเรื่องเขาได้นำทัพทหารออกไปจัดการกับชาวเมืองที่มุ่งหน้าไปยังจินหลิง เมื่อเกิดเรื่องอยากจะกลับมาก็สายไป กลับถูกจอมยุทธสังหารไปเสียแล้ว”

————————

[1] กระบี่อาญาสิทธิ์ เป็นกระบี่ประจำพระองค์ของฮ่องเต้ หมายถึงอำนาจเด็ดขาดที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *