หมอหญิงยอดมือสังหาร 180 กำจัดให้สิ้นซาก (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 180 กำจัดให้สิ้นซาก (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เว่ยจวินมั่ว” หนานกงมั่วเดินเข้าไปหา พลันมองเห็นบาดแผลบนร่างกายของเขา เสื้อผ้าของเขาราวกับขึ้นมาจากสายน้ำที่เต็มไปด้วยเลือด ไม่รู้พวกเขาหลับไปนานเพียงใด เสื้อผ้าบนร่างกายยามนี้แห้งสนิทเสียแล้ว เสื้อผ้าของนางเพียงเปียกชื้นเพราะน้ำฝนยับยุ่งเล็กน้อย ทว่าเสื้อผ้าของเว่ยจวินมั่วเปียกชื้นเพราะเลือดจึงเปลี่ยนสีและแห้งกรัง

เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาก่อนที่นางจะหลับไป สีหน้าของหนานกงมั่วพลันเปลี่ยน จับมือของเขายกขึ้นมาพลางตรวจดูชีพจร จากนั้นสีหน้าของนางจึงไม่น่ามองขึ้นไปอีก

บาดแผลของเว่ยจวินมั่วเป็นเพียงบาดแผลภายนอก ไม่มีผลกระทบต่อภายในแต่อย่างใด ทว่าชีพจรของเขาเป็นสิ่งที่หนานกงมั่วไม่เคยพบเจอมาก่อน กำลังภายในของเขาดีกว่าเมื่อก่อนหลายเท่า แต่ตามที่อาจารย์อาเคยกล่าวเอาไว้ ไม่ว่าจะมีพรสวรรค์มากเพียงใดย่อมเทียบกับผู้อาวุโสที่ฝึกมาก่อนหลายสิบปีไม่ได้ เพราะนี่มิใช่สิ่งที่พรสวรรค์และความหมั่นเพียรจะสามารถแก้ปัญหานี้ได้ ร่างกายต้องได้รับการฝึกฝนและขัดเกลาเส้นลมปราณเป็นพันเป็นหมื่นครั้งจึงจะรองรับกำลังภายในมหาศาลได้ ดังนั้นจึงกล่าวได้อีกอย่างว่าวิชายุทธที่ปรากฏในนิยายประโลมโลกส่วนใหญ่นั้นล้วนเป็นไปไม่ได้ หากถ่ายทอดกำลังภายในของตนให้ผู้อื่น ทำให้น้อยจะดีกว่า หากมากเกินไปอาจทำให้เส้นลมปราณแตกสลายจนถึงตายก็เป็นได้ แต่จากสถานการณ์ตอนนี้ของเว่ยจวินมั่ว เห็นได้ชัดว่ากำลังภายในที่มีอยู่ในตัวเขาตอนนี้เกินกว่าอายุของเขาอยู่มากและกำลังวิ่งวุ่นอยู่ในร่างกายของเขา ดังนั้นเว่ยจวินมั่วมิได้สลบไปเพราะได้รับบาดเจ็บ แต่เพราะสูญเสียการควบคุมกำลังภายใน หากไม่รีบจัดการ เบาหน่อยมันอาจจะทำลายร่างกายของเขา หากหนักกว่านั้นอาจทำให้ลมปราณแตกซ่าน และตายในที่สุด

หนานกงมั่วเองไม่กล้าคิดไปมากกว่านั้น พยุงเว่ยจวินมั่วขึ้นมา จากนั้นหยิบเข็มเงินที่ติดตัวนางออกมา หาตำแหน่งจุดฝังเข็มที่เหมาะสมและแทงลงไปโดยไม่รีรอ

อาจารย์ของหนานกงมั่วแม้จะดูไม่น่าเชื่อถือ แต่วิชาการแพทย์ของเขานั้นพึ่งได้เสมอ มิเช่นนั้นเขาคงไม่สามารถสอนหมออันดับหนึ่งอย่างเสียนเกอออกมาได้ดีถึงเพียงนั้นเป็นแน่ ความรู้ด้านการแพทย์ของชายชราผู้นั้นรอบรู้ครอบจักรวาล แต่หนานกงมั่วกลับไม่มีความอดทนได้เท่าเสียนเกอ และนางก็ไม่มีเวลามากมายถึงเพียงนั้น ดังนั้นสิ่งที่นางเรียนได้ดีที่สุดก็คือการฝังเข็ม วิชาฝังเข็มของชายชราผู้นั้นเรียกว่า ‘วิชาฝังเข็มเฉียนคุนผู่ตู้’ ว่ากันว่าเมื่อสมัยของราชวงศ์ก่อนหน้านี้มีวิชาฝังเข็มที่เป็นคู่กันมาเรียกว่า วิชาฝังเข็มจินเจินตู้เอ้อ น่าเสียดายเมื่อกษัตริย์หยวนบุกเข้ามา ทำให้ผู้สืบทอดวิชาฝังเข็มจินเจินตู้เอ้อต้องสละชีพเพื่อชาติ จากนั้นเป็นต้นมาจึงเหลือเพียงวิชาฝังเข็มเฉียนคุนผู่ตู้ของชายชราเท่านั้น หนานกงมั่วเลือกเรียนสิ่งนี้เพราะใช้ประโยชน์ได้จริง ยิ่งผู้ใช้งานแข็งแกร่งยิ่งทำให้ผลลัพธ์นั้นแข็งแกร่งตามไปด้วย และเมื่อวิชาฝังเข็มนี้ได้ตกมาอยู่ในมือของหนานกงมั่วแล้ว ยิ่งใช้ประโยชน์ได้มากยิ่งขึ้น ทั้งสังหารคนช่วยเหลือคน ล้วนเป็นไปตามความสมัครใจ

บิดเข็มเงินเบาๆ หมุนไปตามกระแสลมปราณที่ไหลเวียนอยู่ด้านใน เหงื่อเม็ดเล็กๆ ซึมออกมาตามไรผมของหนานกงมั่ว วิธีการเช่นนี้สำหรับนางแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เดิมทีกำลังภายในของเว่ยจวินมั่วก็มีมากกว่านางสองส่วน ยังนับว่าจัดการได้ไม่ยากนัก แต่ตอนนี้เมื่อเทียบกำลังภายในในร่างกายของเว่ยจวินมั่วกับนางแล้ว กลายเป็นแตกต่างราวกับมหาสมุทรและลำธาร หากไม่ระมัดระวังให้ดีไม่เพียงช่วยเหลือเขาไม่ได้ซ้ำยังทำตัวเองแย่ลงไปด้วย

ทำเช่นนี้ต่อเนื่องไปกว่าสองชั่วยาม ระหว่างนั้นเว่ยจวินมั่วเองก็ไม่มีทีท่าจะตื่นขึ้นมา เมื่อดึงเข็มเล่มสุดท้ายออก ในที่สุดหนานกงมั่วก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ เมื่อลุกขึ้นจึงสังเกตเห็นบาดแผลบนไหล่ของตนที่มีผ้าพันแผลเอาไว้เป็นอย่างดี เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเหตุใดเว่ยจวินมั่วจึงสกัดจุดของนางไว้ บาดแผลบนไหล่เช่นนี้ หากตอนนั้นบรรดานักฆ่าตามมาทัน อย่างไรนางก็ต้องยกกระบี่ขึ้นมาต่อสู้ เกรงว่าต่อให้สามารถเอาตัวรอดไปได้ ถ้านางไม่เสียแขนทั้งหมดไป อย่างน้อยก็อาจจะเสียไปกว่าครึ่งเลยก็ได้

มองไปยังชายหนุ่มใบหน้าซีดเซียวทว่าดูนิ่งสงบซึ่งกำลังพิงก้อนหินตรงนั้น หัวใจของหนานกงมั่วพลันอบอุ่นและอ่อนโยนขึ้นมา

เมื่อมองไปรอบๆ หนานกงมั่วเองก็มิอาจบอกได้ว่าตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน แต่ดูออกว่าห่างจากตำแหน่งที่พักอยู่เมื่อคืนไม่ใกล้เป็นแน่ เพราะกระทั่งต้นไม้บนยอดเขายังคนละชนิดกับที่เห็นผ่านๆ เมื่อคืนนี้ ยามนี้เมื่อมองตรงไปด้านหน้า มีเพียงผืนหญ้ากว้างใหญ่ หญ้าสีเขียวทับซ้อนกับทิวเขาที่อยู่ไกลออกไป โชคดีที่ห่างออกไปไม่ไกลนักมีลำธารเล็กๆ ไหลไปทางทิศตะวันออกเงียบๆ หากเดินตามลำธารเล็กๆ นี้ไปอย่างไรก็ต้องพบทางออก แต่ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องทำให้เว่ยจวินมั่วฟื้นขึ้นมาเสียก่อน

ใช้พิษตัวสุดท้ายที่เหลือติดตัวเทล้อมรอบเว่ยจวินมั่วเอาไว้ ก่อนที่หนานกงมั่วจะเดินไปล้างหน้าล้างตาที่ลำธาร จากนั้นเดินเข้าไปดูในป่าว่ามีสมุนไพรใดพอใช้ได้หรือไม่

ครึ่งชั่วยามต่อมา หนานกงมั่วนำสมุนไพรและสัตว์ที่ล่าได้กลับมาด้วย โชคดีที่ตอนนี้เป็นฤดูร้อน มีสมุนไพรหลากหลาย สัตว์ป่าก็มีมากมาย เดินออกไปไม่ไกลก็สามารถเก็บสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาได้ไม่น้อยแล้ว อีกทั้งยังได้กระต่ายมาด้วยหนึ่งตัว เมื่อกลับมาถึงก็เห็นว่าเว่ยจวินมั่วฟื้นขึ้นมาแล้ว กำลังนั่งพิงก้อนหินเงียบๆ ไม่รู้กำลังคิดสิ่งใดอยู่ เมื่อมองเห็นหนานกงมั่วเดินกลับมาดวงตาสีม่วงของเขาจึงเป็นประกายมีสีสันขึ้นมา จ้องมองหญิงสาวที่กำลังมุ่งหน้าเข้ามาหาตน หนานกงมั่วกำจัดยาพิษรอบข้างก่อนเป็นอันดับแรก วางของในมือลงพลางเอ่ย “ท่านตื่นแล้วหรือ รู้สึกไม่สบายตรงไหนอีกหรือไม่”

เว่ยจวินมั่วมองสิ่งที่นางวางลงบนพื้น จากนั้นเงยหน้าขึ้นมาส่ายหน้าเบาๆ ไม่ได้เอ่ยตอบสิ่งใด

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว รู้สึกกังวลขึ้นมา หรือเขาจะถูกลมปราณเข้าแทรกจนเป็นบ้าไปแล้วหรือ อาจารย์อาเคยกล่าวถึงกรณีเช่นนี้ แต่ว่า…หากเว่ยจวินมั่วเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เล่า…เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วหนานกงมั่วจึงอยากร้องไห้ออกมา นางจะเอาอะไรไปชดใช้ให้องค์หญิงฉังผิงและเยี่ยนอ๋องเล่า

“อู๋สยาคิดอันใดอยู่หรือ” ในขณะที่นางกำลังคิดไปไกล เว่ยจวินมั่วจึงเอ่ยปากถามขึ้น

หนานกงมั่วกะพริบตาปริบ หรือว่านางคิดมากไปเองหรอกหรือ

“เปล่า เมื่อครู่จวินมั่วกำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือ” นางตื่นตระหนก กลัวว่าตนเองฝังเข็มไม่รอบคอบจนทำให้ผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงเป็นบ้าไปแล้วเสียอีก

เว่ยจวินมั่วจ้องมองนางนิ่ง เนิ่นนานจึงเอ่ยตอบ “ไม่มีอันใด”

หนานกงมั่วยู่ปาก ในเมื่อไม่อยากเอ่ยถึงนางก็จะไม่ถามอีก

นางประคองเว่ยจวินมั่วมายังลำธาร ถอดเสื้อของเขาออกอย่างไม่เกรงใจ ทำความสะอาดบาดแผลและใส่ยา จากนั้นพันแผลให้เรียบร้อย เหลือบมองใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวทว่ากำลังขึ้นสีแดงระเรื่อนั้นเป็นระยะ หนานกงมั่วยกยิ้มมุมปากโดยไม่รู้ตัว เอ่ยขึ้น “ท่านเขินอายหรือ”

นี่คือสถานการณ์อะไรกัน นางเป็นสตรีกลับไม่มีความเขินอาย บุรุษผู้นี้ยังจะเขินอายอีกหรือ เพียงถอดเสื้อใส่ยาเท่านั้นเองมิใช่หรือ มองเห็นใบหน้าหล่อเหลายังคงเงียบ หนานกงมั่วเองก็ไม่ใส่ใจ หยิบเสื้อที่เต็มไปด้วยเลือดแห้งกรังไปซักข้างๆ ลำธาร อาศัยอากาศร้อนในช่วงนี้ ผึ่งแดดไม่นานก็แห้งแล้ว

เว่ยจวินมั่วนั่งย่างกระต่ายอยู่ข้างกองไฟ พลางเหลือบมองหญิงสาวที่กำลังซักผ้าอยู่ข้างลำธาร ใบหน้าแข็งกระด้างอ่อนโยนขึ้นมาก ใบหูภายใต้เส้นผมบดบังนั้นขึ้นสีแดงระเรื่อ

เมื่อหนานกงมั่วซักผ้าและนำไปตากเสร็จเรียบร้อย เนื้อกระต่ายย่างก็ส่งกลิ่นหอมขึ้นมาแล้ว หนานกงมั่วหย่อนร่างบางนั่งลงด้านข้างเว่ยจวินมั่วด้วยท่าทางเหนื่อยล้า ไต่ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนหน้านี้ “หลังจากนั้นเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้างหรือ” เว่ยจวินมั่วตอบเสียงราบเรียบ “ไม่มีอันใด มีคนตามล่าเรามาแต่ถูกข้าสังหารไปแล้ว จากนั้นไม่ทันระวังจึงตกหน้าผา”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *