หมอหญิงยอดมือสังหาร 605 ยั่วยุ คนชุดคลุมสีดำลึกลับ (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 605 ยั่วยุ คนชุดคลุมสีดำลึกลับ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 605 ยั่วยุ คนชุดคลุมสีดำลึกลับ (1)
เหล่าคุณชายยกมือปิดหน้าโดยพร้อมเพรียง ดูเหมือนจะเจ็บมากทีเดียว

“พวกเจ้าจะลองดูหรือไม่” หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ยถามเสียงเบา

ส่ายศีรษะ

หนานกงมั่วพยักหน้าพึงพอใจ เอ่ย “แม้ข้าจะไม่ทันระวังถูกขุนพลจูกลั่นแกล้งจึงต้องรับพวกเจ้ามา แต่ว่า…พวกเจ้าวางใจ ข้าจะชี้แนะพวกเจ้าให้ดีที่สุด นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ที่นี่จะเป็นสถานที่ฝึกซ้อมของพวกเจ้าในทุกๆ วัน อืม เรียกน้ำย่อยสักนิด ทุกคนวิ่งรอบหุบเขายี่สิบรอบ ไม่ลำบากใช่หรือไม่”

“ทำไม…” มีคนอดไม่ได้อยากเอ่ยถาม

ดวงตาของหนานกงมั่วชะงัก เอ่ยเสียงเข้ม “แม้พวกเจ้าจะไม่ได้เรื่องเหมือนคนอื่นๆ แต่คงต้องเคยได้ยินคำนี้ใช่หรือไม่ คำสั่งทางทหารดุจขุนเขา”

“ขอรับ” คนอื่นๆ ไม่กล้าเอ่ยอันใดอีก ตอบรับโดยพร้อมเพรียง หนานกงมั่วตบมือ เอ่ยกับติงเสียวเถี่ยที่อยู่ด้านหลัง “เจ้าไปวิ่งกับพวกเขา แล้วก็…สอนพวกเขาท่องกลอนทังโถวให้คล่องด้วย”

ติงเสียวเถี่ยกะพริบตาปริบ เอ่ยถาม “ฮูหยิน…ท่านหมายถึง…”

“วิ่งไปด้วยท่องไปด้วย” หนานกงมั่วเอ่ยยืนยัน

“ขอรับ”

ดังนั้น ในหุบเขาห่างจากค่ายทหารไม่ไกล ชายหนุ่มยี่สิบกว่าคนกำลังวิ่งรอบหุบเขาโดยมีเด็กชายอายุสิบสามเป็นผู้นำพร้อมกับท่องหนังสือไปด้วย หนานกงมั่วลอยขึ้นไปนั่งอยู่บนกิ่งไม้ เอนตัวพิงต้นไม้หลับตาลง แสงแดดฤดูใบไม้ผลิทอดยาวมาบนร่างของนาง หากมองจากที่ไกลๆ นั้นราวกับมีแสงแห่งธรรมเปล่งประกายคลุมไปทั่วร่างระยิบระยับ ทว่าคนด้านล่างกลับไม่คิดชื่นชมแม้เพียงนิด

แสงแห่งธรรมอันใดเล่า นั่นมันปีศาจชั่วร้ายชัดๆ

ยามนี้แต่ละวันของหนานกงมั่วผ่านไปอย่างคุ้มค่า นอกจากต้องไปสำนักแพทย์ทุกวัน เวลาส่วนใหญ่มอบให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชาของตน ล้วนเป็นคนหนุ่ม แม้ว่าร่างกายจะด้อยกว่าทหารที่แข็งแกร่งเหล่านั้น ทว่าหนานกงมั่วไม่ได้คาดหวังให้พวกเขาต้องสู้รบ เมื่อผ่านการฝึกไปสักระยะ ทุกคนก็มีพัฒนาการขึ้นมาบ้าง

แน่นอนว่าหนานกงมั่วไม่เพียงฝึกฝนความสามารถทางร่างกาย ทักษะทางธนู เพลงดาบ ทุกอย่างไม่ด้อยไปกว่ากัน อีกทั้งยังมีทักษะทางการแพทย์ การช่วยเหลือในยามทำศึกสงครามเป็นต้น ไม่ได้คาดหวังให้ทุกคนกลายเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญ เพียงต้องการให้พวกเขาได้เรียนรู้ทักษะพื้นฐานทางการแพทย์ และการช่วยเหลือเบื้องต้นก็เพียงพอแล้ว แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้พวกเซวียปินไม่ต้องเรียน หนานกงมั่วเลือกวรยุทธ์ที่เหมาะกับการใช้ในสงครามมาสอนพวกเขา เมื่อถูกหนานกงมั่วใช้วรยุทธ์ข่มเมื่อยามที่พวกเขาต่อต้านหลายต่อหลายครั้ง คุณชายเหล่านี้จึงต้องยอมรับว่าพวกเขาไม่เพียงสู้เว่ยจวินมั่วไม่ได้ แม้แต่ภรรยาของเว่ยจวินมั่วพวกเขาก็เอาชนะไม่ได้ พวกเขาเองเข้าใจดีว่าวรยุทธ์ที่หนานกงมั่วสอนพวกเขาสำคัญเพียงใด และไม่ใช่ไม่รู้สำนึกเห็นคุณค่าความดีของผู้อื่น นับแต่นั้นจึงมีความนับถือและศรัทธาในตัวของหนานกงมั่วมากขึ้น

หนานกงมั่วนั่งอยู่บนแท่นหินเพื่อรอผู้ใต้บังคับบัญชายิงธนู อีกด้านกลุ่มคนที่ฝึกดาบเสร็จเดินเข้ามา มองทหารที่อยู่ไม่ไกลจากนั้นมองหนานกงมั่ว เฉินซิวบุตรชายของเฉินอวี้จึงเอ่ยว่า “เว่ยฮูหยินตั้งใจจะให้พวกเขาเป็นหมอประจำกองทัพที่สู้รบได้อย่างนั้นหรือ”

เฉินซิวคล้ายกับเฉินอวี้บิดาของเขา และยังดูอ่อนโยนแตกต่างไปจากคนทางเหนือ หากสำเร็จเขาอาจจะกลายเป็นขุนพลผู้เฉลียวฉลาดเช่นบิดาของเขาก็เป็นได้ ในบรรดาคุณชายก็คงจะมีเซวียปิน เฉินซิว และจูเหมิงหลานชายของจูหงที่สนิทกับหนานกงมั่วสักหน่อย นอกจากนี้คนอื่นๆ ต่างหวาดกลัวคู่สามีภรรยารูปงามทว่าซ่อนไปด้วยฝีมืออันร้ายกาจ มองเห็นหนานกงมั่วก็เป็นดั่งหนูมองเห็นแมว หลบหลีกเสียยิ่งกว่าเว่ยจวินมั่วเสียอีก

หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ “ลองดู”

เฉินซิวยิ้ม เอ่ย “ช่างเป็นความคิดที่ดี เพียงแต่…เกรงว่าคงมิใช่เรื่องง่าย กว่าจะฝึกฝนจนกลายเป็นหมอประจำกองทัพ คงน่าเสียดายหากพลั้งพลาดตายในสงคราม”

หนานกงมั่วเอ่ย “ไม่ว่าอย่างไร กองทัพมีหมอประจำกองทัพเพิ่มขึ้นมาย่อมเป็นเรื่องดี”

เฉินซิวเงียบไปชั่วครู่ พยักหน้าเอ่ย “ฮูหยินกล่าวถูกแล้ว” หมอประจำกองทัพไม่เพียงพอเป็นปัญหาที่ไม่อาจแก้ได้ แต่นายทหารชั้นสูงที่สนใจเรื่องนี้กลับมีไม่มาก ขอเพียงนายทหารชั้นสูงบาดเจ็บแล้วมีคนรักษาให้ก็เพียงพอแล้ว ส่วนนายทหารระดับล่าง มีชีวิตรอดนับว่าโชคดี มีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ดวงชะตาก็คงจบลงเพียงเท่านั้น

หนานกงมั่วชี้ไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา เอ่ย “ฝีมือของพวกเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าทหารทั่วไป กระทั่งดีกว่าด้วยซ้ำ อีกทั้งไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาไปปะทะในสงคราม สามารถมีชีวิตรอดอยู่ได้นั่นเป็นเรื่องที่ดี”

เฉินซิวเอ่ย “สงครามในยามนี้บางทีอาจรับมือได้ แต่เมื่อเกิดศึกใหญ่ขึ้นมา คนเหล่านี้ยังห่างไกลอยู่มาก”

หนานกงมั่วยกสองมือขึ้นมาพร้อมยักไหล่ เอ่ยอย่างไม่มีทางเลือก “ค่อยเป็นค่อยไป ลองดูก่อนยังดีกว่าไม่ทำสิ่งใดเลย”

“ฮูหยินกล่าวมีเหตุผล” เฉินซิวเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “หลายวันมานี้ ต้องขอบคุณฮูหยินที่ชี้แนะ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ย “ไม่มีอันใดมาก เพียงมีโอกาสที่เหมาะสมก็เท่านั้น ข้าดูเจ้าไม่ชอบเพลงดาบ เดี๋ยวจะเปลี่ยนมาสอนกระบี่ให้เจ้าก็แล้วกัน”

เฉินอวี้ดีใจ “ขอบคุณฮูหยิน” เขาไม่ชอบเพลงดาบจริงๆ คนเล่าเรียนนั้นมักมีจุดที่แปลกประหลาด เมื่อเทียบกับเพลงดาบแล้วเขาชื่นชอบเพลงกระบี่ที่น่าทึ่งของคุณชายเว่ยมากกว่า แน่นอนชาตินี้ทั้งชาติเขาอาจไม่สามารถฝึกให้ได้เท่าเว่ยจวินมั่ว แต่ใครจะสนกันเล่า

เซวียปินเดินเข้ามาและล้มลงไปบนพื้น เอ่ย “พวกเจ้าคุยอันใดกัน”

หนานกงมั่วเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม “เอ่ยว่าพวกเจ้าควรลงสนามทำสงครามแล้ว กลัวหรือไม่”

คิ้วคมของเซวียปินเลิกขึ้น “กลัวอันใด ข้ากำลังร้อนวิชาไม่มีที่ระบายอยู่พอดี” เข้ามาอยู่ในกองทัพเดือนกว่าทำให้เซวียปินมีการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้าง ยังเรียกไม่ได้ว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน แต่คุณชายตระกูลร่ำรวยขี้เล่นคนนั้นได้หายไปแล้ว

หนานกงมั่วเอ่ย “ไม่กลัวก็ดี…” ยังเอ่ยไม่ทันจบ เสียงกลองรัวพลันดังขึ้นจากค่ายที่อยู่ไม่ไกล หนานกงมั่วชะงัก เอ่ยเสียงเรียบอย่างมั่นคง “โอกาสที่เจ้าต้องการมาถึงแล้ว”

เซวียปินพบว่าตนเองก็ปากเสียอยู่ไม่น้อย เพิ่งเอ่ยจบเสียงสงครามฝั่งนั้นก็เริ่มขึ้น ความจริงหลายวันมานี้ฝั่งนี้ก็ไม่สงบเท่าใดนัก อย่างไรครั้งที่แล้วเป่ยหยวนก็สูญเสียผู้นำกองทัพไปถึงสองคนแม้มิใช่คนที่สลักสำคัญอันใด แต่สำหรับราชสำนักเป่ยหยวนนับเป็นการโจมตีที่รุนแรง อย่างไรก็ตามฝั่งโยวโจวก็ไม่มีท่าทีจะบุก เพียงแบ่งทหารของจูหงออกมาบางส่วนเท่านั้น จูหงเป็นหนึ่งในขุนพลของเยี่ยนอ๋อง แต่แน่นอนว่ายังไม่ใช่คนที่เก่งกาจที่สุด การเสียหายครั้งนี้หากไม่สามารถชดเชยกลับคืนมาได้ ถือเป็นการโจมตีต่อขวัญกำลังใจของทหารเป่ยหยวนเป็นอย่างมาก

ฮ่องเต้เป่ยหยวนแห่งราชสำนักเป่ยหยวนเองแทบอยากด่าไปถึงบรรพบุรุษของเยี่ยนอ๋อง แย่งทุ่งเลี้ยงสัตว์ของพวกเขา ขับไล่พวกเขาออกมานอกเขตกำแพง ซ้ำยังส่งคนออกมากวาดล้างไม่หยุดไม่หย่อน พวกเขาจะไปปล้นบ้างจะเป็นไรเล่า ช่างหน้าด้านเสียจริง คนผู้นี้เห็นชัดว่าลืมไปแล้ว ทุ่งเลี้ยงสัตว์ของพวกเขาในยามนี้ก็เป็นพื้นที่ที่พวกเขาแย่งจากคนที่ราบภาคกลางไปเช่นเดียวกัน ยามนี้ถูกชิงกลับคืนไปก็เท่านั้น ได้ จากความเรียบง่ายไปสู่ความหรูหรานั้นง่าย แต่เมื่อต้องตกจากความหรูหรามาสู่ความเรียบง่ายนั้นยากลำบากเสียยิ่งกว่า ชาวเป่ยหยวนนั้นคุ้นชินกับความรุ่งเรืองและความละมุนละม่อมของที่ราบภาคกลางแล้ว ต้องกลับมายังผืนทะเลทรายที่ลมแรงและหนาวเหน็บนอกเขตกำแพง…ลำบากแทบตาย

[1] กลอนทังโถว คือ บทกลอนบันทึกสูตรยาจีน บรรยายถึงส่วนประกอบของยาแต่ละชนิดและสรรพคุณของยาแต่ละชนิด

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *