หมอหญิงยอดมือสังหาร 270 แม่ม่ายผู้รีบแต่งงาน (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 270 แม่ม่ายผู้รีบแต่งงาน (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 270 แม่ม่ายผู้รีบแต่งงาน (3)
หนานกงมั่วอยากบอกว่าเครื่องประดับที่นางมีอยู่ต่อให้เปลี่ยนทุกวันยังใช้ได้ถึงปีครึ่งโดยไม่ซ้ำกัน แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าร้านเครื่องประดับชั้นสูงพวกนี้นอกจากเอาไว้ซื้อเครื่องประดับแล้วยังสามารถทำอย่างอื่นได้อีก… ดื่มชา พักผ่อน จึงยอมปล่อยให้เว่ยจวินมั่วจูงมือเดินเข้าไป

จินหลิงเป็นเมืองเก่าแก่มาหลายสมัย ความรุ่งเรืองครึกครื้นย่อมไม่ต้องเอ่ยถึง สิ่งที่ดีที่สุดในแคว้นเซี่ยที่ยิ่งใหญ่สามารถค้นพบได้จากจินหลิง อย่างเช่นเครื่องประดับงดงาม ว่ากันว่าเมื่อพูดถึงวัตถุโบราณ คนทั่วทั้งจินหลิงส่วนใหญ่แล้วจะแนะนำหอไต้เย่ว์ของตระกูลจู แต่หากเอ่ยถึงเครื่องประดับคงเป็นหอหลิงซีร้านนี้ ที่นี่ไม่เพียงเป็นร้านที่มีชื่อเสียงกว่าร้อยปี ยังเป็นร้านที่บรรดาองค์หญิงและสตรีในวังต่างพากันมาจับจองซื้อขายเป็นว่าเล่น แม้หลายปีมานี้จะโดนตระกูลจูแย่งลูกค้าไปไม่น้อย แต่ชนชั้นสูงหลายคนยังให้ความวางใจกับหอหลิงซีแห่งนี้อยู่

ร้านที่มีชื่อเสียงมานานเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้จัดการหรือเสี่ยวเอ้อร์ต่างฉลาดหลักแหลม เมื่อเห็นทั้งสองเดินเข้ามาจึงรีบเข้ามาต้อนรับ ผู้จัดการร้านเข้ามาต้อนรับด้วยตนเอง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านทั้งสองมาเยือน เป็นเกียรติแก่ร้านของเราเป็นอย่างยิ่ง ร้านเราพึ่งได้รับเครื่องประดับอันยอดเยี่ยมมา คุณชายและฮูหยินน้อยลองดูก่อนขอรับ หากเข้าตาก็นับว่าเป็นวาสนาของร้านเราแล้ว”

เดิมหนานกงมั่วไม่มีความสนใจต่อเครื่องประดับมากนัก สินเจ้าสาวของนางก็มีเครื่องประดับจากหอหลิงซีอยู่หลายชิ้น จะว่าไป ปีนี้นางก็นับว่าเป็นลูกค้าคนสำคัญของหอหลิงซีเลยก็ว่าได้ แต่เครื่องประดับของหอหลิงซีล้วนงดงามจริงๆ เมื่อครั้งให้คนซื้อกลับไปเตรียมสินเจ้าสาวหนานกงซูและหนานกงเจียวยังจ้องเขม็งด้วยความริษยาอยู่เลย

“อู๋สยา ไปดูสักนิดเถิด” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเบา

หนานกงมั่วเห็นท่าทางเขาเช่นนี้ ผู้จัดการมีไมตรีเพียงนี้ จึงทำได้เพียงตอบรับ ผู้จัดการมีรอยยิ้มเบิกบานขึ้นมาทันใด เอ่ย “เชิญทั้งสองท่านเข้าไปนั่งด้านในขอรับ เดี๋ยวข้าน้อยจะให้คนเอาของมาให้”

เสี่ยวเอ้อร์เชิญให้เข้าไปในห้องเล็กที่แยกเป็นสัดส่วนด้านใน พร้อมทั้งยกน้ำชาเข้ามา ก่อนจะเห็นผู้จัดการร้านหอบกล่องหลายกล่องตามเข้ามา กล่องผ้ากำมะหยี่หลายกล่องถูกเปิดออกและวางลงตรงหน้าทั้งสองคน ทองคำ อัญมณี หินหยก สิ่งที่ควรต้องมีล้วนมีหมด ฝีมือยังประณีตงดงาม เพียงแต่…เมื่อหนานกงมั่วมองดู หลายชิ้นนางเคยเห็นในชุดสินเจ้าสาวของตนแล้ว ผู้จัดการร้านกำลังจะเอ่ยบางอย่าง ทว่าเสี่ยวเอ้อร์ก็วิ่งเข้ามาพลางกระซิบไม่กี่ประโยคกับผู้จัดการ ผู้จัดการสีหน้าพลันเปลี่ยน รีบหันมายิ้มให้ทั้งสองคน เอ่ย “ทั้งสองท่านเชิญเลือกไปตามสบาย ข้าน้อยต้องเสียมารยาทสักประเดี๋ยวนะขอรับ”

หนานกงมั่วยิ้ม พยักหน้าให้ ผู้จัดการร้านผ่อนลมหายใจเบาๆ เอ่ยขอตัวและเดินถอยออกไป

“อู๋สยาไม่ชอบหรือ” เว่ยจวินมั่วเอ่ยถาม หนานกงมั่วยิ้มจนตาหยีมองเขาถามขึ้นมา “ชอบ แต่ได้ยินมาว่าสินค้าหอหลิงซีนั้นแพงมาก ซื่อจื่อบอกว่ายกทรัพย์สินทั้งหมดให้ข้าดูแลแล้วมิใช่หรือ ยังมีเงินจ่ายหรือไม่” เว่ยจวินมั่วเองก็รู้ว่านางเพียงหยอกเล่น ยิ้มบางๆ อย่างจนปัญญา “อู๋สยาจะไม่ให้เงินข้าสักนิดเลยหรือ”

“ได้เยี่ยงไร ซื่อจื่อจิตใจกว้างขวาง ที่ข้าเอ่ยถามเป็นเพราะเกรงซื่อจื่อจะไม่พอใช้ เช่นนั้นมิใช่หรือ” หนานกงมั่วเอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม เว่ยจวินมั่วยังจำได้ว่าบางคนเพียงจ่ายใบสั่งยาก็คิดราคากว่าห้าแสนตำลึง จึงเอ่ยตอบเสียงเบา “ไม่ใช่ทุกคนที่จะขู่กรรโชกข้าได้” หนานกงมั่วยิ้มตาหยี เอ่ย “อะไรเรียกขู่กรรโชก ใบสั่งยาที่ข้าให้ใช้ไม่ได้หรือ”

“ใช้ได้ สมราคา” ขอเพียงรักษาอาการของเสด็จลุงได้ อย่าว่าแต่ห้าแสนตำลึงเลย เป็นล้านตำลึงก็คุ้มค่า

หนานกงมั่วมองเครื่องประดับบนโต๊ะ ขมวดคิ้วเอ่ย “หอหลิงซีเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไม่ ดูสิเครื่องประดับพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นของเดือนที่แล้ว” ร้านเก่าแก่เช่นหอหลิงซีนี้ ทุกช่วงล้วนออกสินค้าใหม่เสมอ ไม่ว่าจะแพงเพียงใด บรรดาสตรีชั้นสูงทั้งหลายล้วนยินยอมพร้อมใจกันควักเงินโดยไม่ลังเล หากของเป็นเหมือนกันไปหมดเช่นนี้ใครกันจะซื้อไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น หากมีของเหมือนกันเป็นจำนวนมาก ซื้อมาแล้วใครคิดจะซื้อซ้ำแบบเดิมอีก

สองปีมานี้อิทธิพลของตระกูลจูนั้นยิ่งใหญ่ เปิดร้านเครื่องประดับในจินหลิงหลายร้าน หอหลิงซีจะลำบากขึ้นก็ย่อมเป็นไปได้

หนานกงมั่วพยักหน้า พวกนี้ไม่เกี่ยวกับนาง หากประคับประคองต่อไปได้หอหลิงซีก็จะเรียกได้ว่าเป็นร้านเก่าแก่ที่มีอายุกว่าร้อยปีต่อไป หากประคองต่อไปไม่ไหว ลูกค้าก็เพียงแค่เปลี่ยนร้านไปเท่านั้น แม้จะรู้สึกเสียดาย แต่เรื่องพวกนี้ก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติที่ว่าผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นจึงจะอยู่รอด

เมื่อไม่มีความสนใจต่อเครื่องประดับแล้ว หนานกงมั่วจึงเบนความสนใจไปยังเรื่องอื่น “ท่านยังไม่บอกข้าเลย เรื่องที่ท่านพ่อจะแต่งงานใหม่”

เว่ยจวินมั่วมองนางยิ้มๆ ทว่าไม่เอ่ยวาจา

หนานกงมั่วจ้องเขาเขม็ง ดวงตาเลื่อนมาจับจ้องที่ริมฝีปากใครบางคนแล้วจูบเบาๆ จากนั้นเอ่ยออกมาเสียงเข้ม “พอใจหรือยัง” เว่ยจวินมั่วสัมผัสริมฝีปากตนเองเบาๆ แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย “ต่อไปให้ข้าเป็นผู้ทำเองเถิด”

ไม่รอให้หนานกงมั่วได้ยกเท้าขึ้นมา เว่ยจวินมั่วจึงรีบให้ข้อมูลที่เขาพึ่งได้มา กระดาษแผ่นบาง แต่มีข้อมูลเรื่องราวชีวิตทั้งหมดของสตรีผู้หนึ่ง แม้จะไม่ครอบคลุมทุกด้าน แต่หนานกงมั่วไม่ยอมรับไม่ได้ว่าหากนางให้คนของตนเองไปสืบคงต้องใช้เวลาสามถึงห้าเดือนกว่าจะได้มาละเอียดถึงเพียงนี้

ภรรยาที่หนานกงไหวรีบร้อนจะแต่งด้วย แม่ม่ายของหวาหนิงจวิ้นอ๋องผู้นี้มีนามว่าเฉียวเฟยเยียน ปีนี้มีอายุสามสิบแปดปีได้ เป็นเชื้อสายรองของตระกูลเดิมของหนานกงฮูหยินเมิ่งซื่อจากพี่น้องของท่านปู่ นับเป็นญาติผู้น้องของเมิ่งซื่อ ตามหลักแล้วหนานกงมั่ว หนานกงชวี่ หนานกงฮุยต้องเรียกนางว่าท่านน้า คุณหนูผู้นี้เสียบิดามารดาไปตั้งแต่ยังเด็ก ผู้คนในตระกูลเฉียวเหลืออยู่เพียงไม่กี่คน ดังนั้นเฉียวเฟยเยียนจึงเติบโตในตระกูลเมิ่ง เพียงเพราะมีสงครามโกลาหลในยุคปลายราชวงศ์ก่อนหน้า ตระกูลเมิ่งไม่มีทางเลือกจึงต้องยกคุณหนูเชื้อสายหลักให้หมั้นหมายกับหนานกงไหวแม่ทัพที่อายุน้อยที่สุดในกองทัพของฮ่องเต้ การหมั้นหมายครั้งนี้ยังมีพระชายาเซี่ยในตอนนั้นซึ่งต่อมาได้ขึ้นเป็นฮองเฮาเป็นผู้ดำเนินพิธีด้วยตนเอง ในช่วงสองปีแรกหลังจากแต่งงานแม้หนานกงไหวจะต้องออกรบอยู่เป็นประจำ แต่ทั้งสองยังคงให้เกียรติซึ่งกันและกัน

แต่ไม่รู้ทำไม เมิ่งซื่อพึ่งจะคลอดหนานกงฮุย หนานกงไหวก็จะรับเฉียวเฟยเยียนเป็นอนุ แน่นอนว่าตระกูลเมิ่งไม่ยินยอม แม้ตระกูลเมิ่งจะไม่มีกำลังทหารทว่ายังเป็นตระกูลขุนนาง มีอิทธิพลต่อประชาชน ไม่ใช่หนานกงไหวที่เป็นแม่ทัพใหญ่เพียงผู้เดียวจะเทียบได้ สุดท้ายคงเป็นเพราะพระชายาเซี่ยและเซี่ยอ๋องเอ่ยเกลี้ยกล่อมด้วยตนเองจึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ ผ่านไปไม่นาน เฉียวเฟยเยียนก็แต่งงานไปกับลูกพี่ลูกน้องของฮ่องเต้ ลูกพี่ลูกน้องผู้นี้แม้มิได้มีความสามารถเท่าใดนัก แต่ด้วยความใกล้ชิดเมื่อครั้งก่อตั้งประเทศจึงถูกแต่งตั้งให้เป็นหวาหนิงจวิ้นอ๋อง จากนั้นเฉียวเฟยเยียนจึงติดตามหวาหนิงจวิ้นอ๋องไปปกครองเขตปกครองของตน หลายสิบปีมานี้ไม่เคยกลับมาที่จินหลิง กระทั่งก่อนเจิ้งซื่อจากไปเฉียวเฟยเยียนก็ไม่เคยกลับมา

นอกจากนั้น เฉียวเฟยเยียนยังมีบุตรฝาแฝดชายหญิงอยู่หนึ่งคู่ ปีนี้อายุสิบเจ็ดปี น้อยกว่าหนานกงฮุยสองปีและมากกว่าหนานกงมั่วหนึ่งปี มีนามว่า เซียวเชียนหนิงและเซียวเย่ว์อู่

“น่าสนใจ” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว โยนกระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนกลมทิ้งลงในถ้วยชาด้านข้าง ภายใต้การเปื้อนของน้ำชา ตัวอักษรบนกระดาษนั้นเลอะเปรอะเปื้อนจนดูไม่ออก น้ำชาเองก็กลายเป็นสีน้ำหมึก หลังจากปิดฝาถ้วยชาลงอย่างเชื่องช้าเรียบร้อยแล้ว หนานกงมั่วก็เงยหน้ามองเว่ยจวินมั่ว เอ่ยถาม “ฝ่าบาทจะคืนตำแหน่งให้หวาหนิงจวิ้นอ๋องหรือไม่”

“ฝ่าบาทมิใช่กษัตริย์ที่มีใจเมตตานัก” หวาหนิงจวิ้นอ๋องพอเรื่องมาถึงตัวก็คิดหลบหนี การให้เขาได้ครอบครองตำแหน่งอ๋องในสายตาของฝ่าบาทก็นับว่าเป็นบุญคุณที่เห็นแก่ที่เกิดมาในสายเลือดเดียวกันแล้ว ลูกหลานของหวาหนิงจวิ้นอ๋องคิดอยากได้ตำแหน่งจวิ้นอ๋องคืนคงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากยิ่ง “ไยอู๋สยาจึงคิดเช่นนี้” หนานกงมั่วเอ่ยตอบ “ไม่ ข้าไม่ได้สนใจกับตำแหน่งหวาหนิงจวิ้นอ๋อง ข้าเพียงอยากรู้ว่าพวกเขาจะมาแย่งตำแหน่งฉู่กั๋วกงของพี่ใหญ่ข้าหรือไม่” แม้จะไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งผูกพันกับความสัมพันธ์พี่น้อง แต่หากสตรีที่เคยคิดเข้ามาแทรกกลางมารดาของตนคิดยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ อย่ามาโทษตนที่ตัดมือของนางก็แล้วกัน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *