หมอหญิงยอดมือสังหาร 925 รวมทัพจู่โจม (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 925 รวมทัพจู่โจม (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 925 รวมทัพจู่โจม (1)

ทุกคนนั่งลง เซวียปินเลิกหยอกล้อแล้วเดินตามเฉินซิวก่อนจะหยุดยืนอยู่ข้างหลังเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วใกล้ๆ เห็นเช่นนั้นเซวียเจินก็ได้ถอนใจออกมา คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าเด็กดื้อด้านผู้นี้จะได้รับการยอมรับจากคุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่จริงๆ เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่และเยี่ยนอ๋องในตอนนี้ เซวียเจินคิดว่าคงไม่อาจดีไปกว่านี้ได้ คิดถูกจริงๆ ที่ยามนั้นส่งลูกชายไปติดตามคุณชายเว่ย

การปิดล้อมอิ่งชวนในครั้งนี้ลำบากคุณชายเว่ยกับจวิ้นจู่แล้ว ไม่รู้ว่า…การศึกครั้งหน้าคุณชายคิดวางแผนเช่นไร” เซวียเจินมองทั้งคู่พลางเอ่ยเสียงทุ้ม เมื่อเซวียเจินเอ่ยปากก็แสดงว่ายินยอมมอบการตัดสินใจเคลื่อนทัพให้แก่เว่ยจวินมั่ว ได้ยินเช่นนั้นเว่ยจวินมั่วยังคงสงบดังเดิม แต่ขุนพลที่นั่งอยู่ตรงข้ามกลับมีท่าทีเปลี่ยนไป เซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยไม่ได้เอ่ยปาก ยังไม่ใช่เวลาที่พวกเขาต้องเอ่ยอันใด

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “พวกข้ามาเพื่อช่วยเหลือท่านแม่ทัพเพียงเท่านั้น ดังนั้นการสั่งการทัพย่อมเป็นของท่านแม่ทัพ”

เซวียเจินยิ้มออกมาฝืนๆ ทหารในอำนาจของเขาในตอนนี้เกรงว่ากองทัพเฉินโจวคงมีมากกว่า แม้กองทัพเฉินโจวไม่ได้ต้องทำศึกสงครามอันใด แต่ผู้ที่อยู่ใต้อำนาจเขาก็ไม่ได้มีเพียงกองกำลังรักษาการณ์โยวโจวอย่างเมื่อก่อน เพื่อสู้รบกับกองกำลังของราชสำนักแล้ว สองปีมานี้โยวโจวเองก็มีทหารเพิ่มมากชึ้นเช่นเดียวกัน แม้กองกำลังทหารเหล็กโยวโจวยังอยู่ แต่ทหารใหม่ก็เพิ่มขึ้นไม่น้อยเช่นกัน

“คุณชายเกรงใจแล้ว ข้ายังอยากฟังความคิดเห็นของทุกๆ ท่าน” เซวียเจินกล่าว

เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว มองหนานกงชวี่ที่นั่งอยู่ถัดไป หนานกงชวี่ยังคงดื่มชาอย่างใจเย็น ราวกับว่าไม่ได้ยินสิ่งที่ทั้งสองเอ่ย

ผ่านไปชั่วครู่ เว่ยจวินมั่วจึงเอ่ย “ท่านแม่ทัพไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ ในเมื่อท่านแม่ทัพเป็นผู้ออกคำสั่ง ต้องแล้วแต่ท่าน”

เห็นเขาเอ่ยเช่นนี้ เซวียเจินจึงถอนใจอีกครั้ง “เช่นนี้ ข้าขอบคุณคุณชายและจวิ้นจู่”

เมื่อทักทายกันเสร็จสิ้น ทุกคนก็ไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า ต่างเอ่ยถึงเรื่องบุกโจมตีอิ่งชวน กว่าจะคุยกันจบแล้วเดินออกจากกระโจมใหญ่ได้ก็พ้นยามเที่ยงไปแล้ว

“พี่ชาย พี่สะใภ้” เซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยเดินตามหลังมาด้านหลัง หนานกงมั่วหันกลับมายิ้มพลางพยักหน้าให้ “เชียนชื่อ เชียนเหว่ย ไม่เจอกันนาน สบายดีหรือไม่”

เซียวเชียนชื่อประสานมือคารวะแล้วจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สบายดีขอรับ สองปีกว่าไม่ได้เจอพี่ชายกับพี่สะใภ้ยังรูปงามอยู่เช่นเคย เสด็จอาฉังผิงกับเยาเยาอานอานสบายดีหรือไม่ขอรับ” หนานกงมั่วพยักหน้าพลางยิ้ม “เสด็จแม่กับเด็กทั้งสองล้วนสบายดี แล้วพวกเจ้าทั้งคู่เล่า อายุอานามก็ไม่น้อยแล้ว” สองปีก่อน ซุนเหยียนเอ๋อร์พึ่งคลอดบุตรคนแรกที่จวนเยี่ยนอ๋อง แต่เซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนชื่อสองพี่น้องยังเหมือนเดิม ในปีก่อนมีประกาศทางการของเยี่ยนอ๋องว่าพระชายาซื่อจื่อในเยี่ยนอ๋องล้มป่วยจากไป แต่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสงคราม แน่นอนว่าเซียวเชียนชื่อจึงยังไม่อาจแต่งงานใหม่ได้ อีกทั้งเซียวเชียนเหว่ยและจูชูอวี้ก็ยังคงไร้ข่าวดี

เซียวเชียนชื่อเอ่ยอย่างยินดี “เชียนชื่อยังไม่ได้แสดงความยินดีต่อพี่ชายและพี่สะใภ้เลย”

รอจนพวกเขาพูดคุยกันจบ เซียวเชียนเหว่ยจึงก้าวขึ้นไปข้างหน้า เอ่ย “พี่ชาย พี่สะใภ้ ครั้งนี้รบกวนพวกท่านแล้ว ไม่อย่างนั้นเกรงว่า…”

หนานกงมั่วส่ายศีรษะ คิดจะเอ่ยคำปลอบใจ แต่กลับได้ยินเว่ยจวินมั่วที่อยู่ด้านข้างเอ่ยว่า “ปัญหาใหญ่ในกองทัพ คราวหลังอย่าได้ประมาทอีก”

สีหน้าเซียวเชียนเหว่ยพลันแข็งทื่อ แต่ก็ยังคงเอ่ยตอบ “ขอรับ ขอบคุณพี่ชายที่ชี้แนะ”

ขณะที่หนานกงมั่วรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มกระอักกระอ่วน จึงดึงแขนเว่ยจวินมั่วแล้วยิ้มให้ทั้งสอง “พวกข้ายังไม่ได้ทานมื้อกลางวันเลย ข้าเริ่มหิวนิดหน่อยแล้ว ขอตัวก่อน”

ทั้งสองพลันพยักหน้า “พี่ชายและพี่สะใภ้เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย ไว้ค่อยจัดการเรื่องอื่นๆ เถิด”

เมื่อเดินผละออกมาจากพี่น้องทั้งสอง หนานกงมั่วที่จูงเว่ยจวินมั่วให้ตามมาจึงเอ่ย “วันนี้ท่านเป็นอันใดไป ไยถึงไม่ไว้หน้าเชียนเหว่ยเช่นนั้น” แม้ว่าจะไม่เคยเห็นเว่ยจวินมั่วเกรงใจผู้ใดมาก่อน แต่วาจาเมื่อครู่นั้นประหนึ่งว่าการถูกปิดล้อมที่อิ่งชวนในครั้งนี้ล้วนเป็นความผิดของเชียนเหว่ย แม้ว่าเซียวเชียนเหว่ยจะต้องรับผิดชอบอย่างไม่เลี่ยงได้ แต่หากจะกล่าวว่าเป็นความผิดเขาทั้งหมดก็คงเกินไป

เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว “สองปีมานี้ เขาทะเยอทะยานจนลืมตัวไปแล้ว”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น หนานกงมั่วพลันหมดคำที่จะเอ่ย ผ่านไปชั่วครู่จึงถอนหายใจออกมา แม้จะเป็นพี่น้องใกล้ชิด แต่เซียวเชียนชื่อก็เป็นซื่อจื่อ ทั้งยังเป็นลูกคนโต ส่วนเซียวเชียนเหว่ยก็สะสมอำนาจพอที่จะแก่งแย่งชิงดีกับเขาได้ ต่อให้ปรบมือข้างเดียวจะไม่ดังก็จริง แต่ในเหตุการณ์นี้หากต้องโบยแต่ละฝั่งห้าสิบครั้ง[1]ก็คงเป็นสิ่งเปล่าประโยชน์ ต้องจัดการเพียงคนเดียวเท่านั้น และไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะเป็นใคร เป็นเซียวเชียนเหว่ยเท่านั้น ถึงจะเป็นเช่นนั้นหนานกงมั่วก็ไม่นึกอยากให้เว่ยจวินมั่วเป็นคนลงมือ

“เกรงว่าเชียนเหว่ยไม่อาจรู้ถึงความตั้งใจของท่าน คงจดจำไว้แล้วเกลียดชังท่านเท่านั้น” อำนาจย่อมทำให้คนมัวเมา และสำหรับใต้หล้านี้อำนาจยิ่งใหญ่ที่สุดก็คืออำนาจของท่านอ๋อง เซียวเชียนเหว่ยไม่ใช่คนประเภทที่ยินยอมเป็นคนธรรมดาทั่วไป และผู้คนรอบตัวเขาก็เป็นแบบนั้นเช่นกัน ความจริงเซียวเชียนเหว่ยนั้นเพียงกลัวว่าตนจะไม่อาจเทียบพี่น้องตระกูลเซียว

เว่ยจวินมั่วส่งเสียงหึ ไม่ได้สนใจอันใดอีก

หนานกงมั่วได้แต่ถอนใจออกมาอีกครั้ง หากปล่อยสองพี่น้องเอาไว้และคอยบีบบังคับเช่นนี้อีกหน่อยต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่นอน ไม่จำเป็นต้องให้เว่ยจวินมั่วลงมือ นางจะบีบคอสองพี่น้องด้วยตัวเอง

กองกำลังเฉินโจวสี่แสนนายกลับมาสมทบแล้ว ทั้งสองทัพมีข้อได้เปรียบมากกว่ากองกำลังของราชสำนักในสงครามอิ่งชวนทันใด หรืออาจเป็นเพราะเว่ยจวินมั่วที่นั่งอยู่ในกองทัพก็เป็นได้ คนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาอย่างเซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนชื่อย่อมไม่อาจทำสิ่งใดผิดพลาดอีก ภายในครึ่งเดือนอิ่งชวนต้องกลับมาอยู่ในมือของพวกเขาอีกครั้ง

ณ หอบนประตูกำแพงเมืองอิ่งชวน ถังเจิงที่ถูกจับตัวไว้มองดูผู้คนที่ยืนอยู่เบื้องหน้า แล้วจึงจ้องเขม็งมองทางหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ว คุณชายเว่ยที่สวมเพียงอาภรณ์สีน้ำเงินเท่านั้น มิได้สวมเกราะเหมือนทหารอื่นๆ ทั้งเนื้อตัวเขาไร้รอยเปื้อนแต่อย่างใด สะอาดต่างกับคนที่พึ่งออกจากสนามรบ แต่ใครก็ตามที่เห็นการสู้รบครั้งนี้คงไม่อาจลืมเลือนได้ว่าบุรุษผู้นี้เดินอย่างสงบท่ามกลางสนามรบอันแสนวุ่นวายพร้อมถือกระบี่อ่อนในมือ เดินไปถึงที่ใดล้วนมีโลหิตไหลนอง ผู้คนล้มตายลงสิ้น และก็ยังคงเป็นบุรุษผู้นี้อีกเช่นเดียวกัน ที่เป็นคนแรกที่ก้าวเข้าสู่หอบนประตูกำแพงเมืองอิ่งชวน เปิดทางให้เหล่าทหารด้านล่างได้ปีนกำแพงเมืองขึ้นมา คนคนนี้…ราวกับมิใช่มนุษย์ แต่เป็นเทพสงครามลงมาจุติหรือเป็นเทพนรกที่กำเนิดจากบ่อโลหิตในสนามรบ

สุขุมเยือกเย็นและรูปงามราวภาพวาด แต่กลับมีนิสัยใจคอโหดร้ายยิ่งนัก

เซวียเจินอารมณ์ดีไม่น้อย มองถังเจินพลางพยักหน้าพอใจ “หย่งคังโหว พบกันอีกแล้ว” บนโลกนี้จะมีสิ่งใดน่าอดสูเท่ากับการเห็นคนที่เดิมเคยสูงส่งกว่ากลับต่ำต้อยลง เขากับถังเจินไม่ได้สนิทสนมอันใด ส่วนความเกลียดชังก็ไม่มีเช่นกัน แต่เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้แล้วก็อดโล่งใจไม่ได้

ถังเจิงตะคอกใส่เซวียเจินดังก้อง “ไอ้คนทรยศ”

เซวียเจินที่อารมณ์ดีไม่คิดสนใจเขา เอ่ย “ดูเหมือนว่าฝ่าบาทที่จินหลิงพระองค์นั้นจะกล่าวได้ถูกต้องแล้ว” ทั้งสองฝ่ายรบกันมาสามปี การเหยียดหยามกันจึงเกิดขึ้นไม่น้อย เหล่าขุนนางจินหลิงกล่าวหาว่าเยี่ยนอ๋องทรยศวางแผนแย่งชิงบัลลังก์ ส่วนทหารในโยวโจวก็หาว่าเซียวเชียนเยี่ยสมรู้ร่วมคิดกับเซียวฉุนลอบสังหารฮ่องเต้ขึ้นครองราชย์อย่างไม่ถูกต้องตามครรลอง คนที่เชื่อก็เชื่อ คนที่ไม่เชื่อก็ไม่เชื่อ ทั้งสองฝ่ายต่างด่ากันไปมาอย่างดุเดือดเช่นนี้

[1] เป็นกฎหมายโบราณของจีน ลงโทษเท่าๆ กันเพื่อรับผิดชอบร่วมกัน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *