หมอหญิงยอดมือสังหาร 161 แผนที่สมบัติจริงเท็จ (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 161 แผนที่สมบัติจริงเท็จ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อู๋ซิน…อู๋ซินเด็กคนนั้นมีใจฝักใฝ่คุณชายเสียนเกอ” หากกล่าวถึงคุณชายเสียนเกอในแง่อำนาจแล้วแน่นอนว่าย่อมเทียบกับจินผิงอี้ไม่ได้ แต่คุณชายเสียนเกอมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วยุทธภพ อีกทั้งยังเป็นผู้มีพระคุณกับผู้มีอำนาจมากมาย คนเช่นนี้ เมื่อมองดูให้ดีแล้วย่อมมิได้ด้อยไปกว่าจินผิงอี้เลย

กงอวี้เฉินส่ายหน้า “ท่านแม่ทัพ เชื่อข้า พวกเราเป็นศัตรูกับคุณชายเสียนเกอ”

“ทำไมหรือ” จังติ้งฟังนึกสงสัย

กงอวี้เฉินเอ่ย “เสียนเกอไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก แต่ท่านแม่ทัพเคยได้ยินสิ่งที่คุณชายเสียนเกอไม่ช่วยหรือไม่”

จังติ้งฟังลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ย “คนดีที่กลายเป็นคนชั่วไม่ช่วย กบฏไม่มีความกตัญญูไม่ช่วย ไร้คุณธรรมไม่ช่วย”

กงอวี้เฉินประสานมือ “แม้ว่าตอนนี้ท่านแม่ทัพจะก่อกบฏเพราะมีเหตุผล แต่ในสายตาเสียนเกอ…เกรงว่า…” ก่อกบฏสร้างความเดือดร้อน ผลร้ายที่ตามมานั้นเทียบเท่ากับความชั่วของคนชั่ว

“ยิ่งไปกว่านั้น ตามที่ข้ารู้ ความสัมพันธ์ของเสียนเกอและหนานกงมั่วนั้นไม่ธรรมดา ท่านแม่ทัพคิดว่าท่านยังอยากให้อู๋ซินแต่งกับเขาอีกหรือ นี่ยังไม่นับว่าเป็นปัญหาใหญ่ หากท่านแม่ทัพยังคิดลังเล การดึงเสียนเกอมาเป็นพวกนั่นเป็นอีกเรื่อง แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือย่อมทำให้จินผิงอี้ไม่พอใจเป็นแน่แท้ ไม่เป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย”

จังติ้งฟังตกใจ เงียบไปนานจึงถอนหายใจออกมา “ขอบคุณท่านที่เตือนสติ ข้าเกือบพลาดไปแล้ว อู๋ซินเด็กคนนี้…ตอนแรก…เฮ้อ” ตอนแรกเขามิได้ถามความคิดเห็นของบุตรี แต่นางก็มิได้ปฏิเสธ ใครจะรู้ว่าตอนนี้…แม้จะไม่ได้เอ่ยคำใดออกมา แต่บ่าวรับใช้รายงานว่าคุณหนูไม่กินไม่ดื่ม ร่างกายซูบผอมลง เขาไม่เข้าใจว่าเป็นเพราะเหตุใดกัน

กงอวี้เฉินยิ้มเย็นอยู่ในใจ ไม่พูดสิ่งใดอีก แม่ทัพอย่างจังติ้งฟัง ไม่รู้ทำไมถึงเลี้ยงอู๋ซินให้มีนิสัยแบบนั้นได้ อะไรก็ไม่กล้าพูด อะไรก็ไม่กล้าทำ คาดหวังว่าคนอื่นจะเข้าใจนาง เอาทุกอย่างฝากไว้กับอนาคต นางคิดว่านางเป็นใครกัน เพียงแสดงท่าทีออกมาเล็กน้อยแล้วจะได้ทุกอย่างที่ใจคิดเช่นนั้นหรือ น่าเสียดาย…คนอื่นไม่ใช่พยาธิในร่างกายนาง ถูกจังติ้งฟังตามใจจนเสียคนแล้ว

นึกถึงจังอู๋ซินขึ้นมา พลันนึกถึงสตรีอีกคน กงอวี้เฉินพลันอารมณ์ไม่ดี หากจังอู๋ซินมีความเข้มแข็งและอดทนให้ได้สักครึ่งหนึ่งของหนานกงมั่ว เขาก็คงไม่นำเอานางมาเป็นเครื่องมือเชื่อมสัมพันธ์เช่นนี้

หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วมิได้อยู่ในหุบเขานาน ที่นั่นเป็นเพียงสถานที่ที่เสียนเกอไว้อยู่ชั่วคราว ไม่นับว่าเป็นสถานที่ลับอันใด ดังนั้นบ่ายวันนั้นทั้งสองจึงจากไปแล้ว แม้ว่าเว่ยจวินมั่วจะบอกว่ารีบไปเพราะเขาถูกเสียนเกอทำให้เสียเวลามาหลายวัน แต่หนานกงมั่วมองดูสีหน้าของเขาแล้วกลับรู้สึกว่าเขากลัวศิษย์พี่จะย้อนกลับมาต่างหาก เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้ไม่ค่อยลงรอยกันเท่าใด ดังนั้นหนานกงมั่วจึงไม่ได้คิดจะใส่ใจมาก นางและศิษย์พี่เคยชินกับการใช้ชีวิตอย่างอิสระ เดิมทีล้วนแล้วแต่คิดสิ่งใดก็เอ่ยบอกไป อยากไปไหนก็ไป เมื่อใดอยากพบก็จะไปหาอีกฝ่าย ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

เมื่อออกมาจากหุบเขา ทั้งสองต่างเปลี่ยนชุดของตนเอง ด้วยฝีมือของหนานกงมั่ว เดิมทั้งสองที่เป็นที่น่าสนใจของใครหลายคนยามนี้กลับเปลี่ยนไปราวกับคนละคน มิได้หมายถึงว่าพวกเขาดูอัปลักษณ์ หากไม่มีความจำเป็น หนานกงมั่วจะไม่ปลอมตัวเป็นคนแก่หรือคนอัปลักษณ์ เพียงเปลี่ยนทรงผมให้เว่ยจวินมั่วเสียใหม่ เปลี่ยนเสื้อผ้ามาอยู่ในชุดธรรมดาทั่วไป เดิมใบหน้าหล่อเหลาที่คล้ายกับองค์หญิงฉังผิงอยู่หลายส่วนมายามนี้จึงดูเข้มขึ้นไม่น้อย คิ้วที่เคยเรียวสวยยามนี้ก็ดูองอาจมากขึ้น ผิวเนียนขาวกลายเป็นสีน้ำผึ้งที่เห็นได้ทั่วไปในยุทธภพ ดูแล้วคล้ายกับจอมยุทธ์ธรรมดาทั่วไป ไม่คล้ายกับคุณชายผู้เย็นชาในเมืองจินหลิงผู้นั้นแม้แต่น้อย

หนานกงมั่วเปลี่ยนมาอยู่ในอาภรณ์สีขาว ริมฝีปากจิ้มลิ้ม วาดขนนกงดงามระหว่างคิ้ว เอวคาดสายคาดเอวสีทอง คลุมด้วยผ้าขาวบาง ทำให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น

“เป็นเช่นไร” หนานกงมั่วเงยหน้ามองเว่ยจวินมั่วที่จ้องมองที่ตนนิ่ง นางเลิกคิ้วถามพลางยิ้มออกมา

เว่ยจวินมั่วมองสำรวจนางอยู่ชั่วครู่แล้วค่อยพยักหน้า “เยี่ยมมาก”

หนานกงมั่วตอบรับด้วยความพอใจ แน่นอนว่านางรู้ว่ามันเยี่ยมมาก นางมีความมั่นใจในฝีมือของตนไม่น้อย หากนางไม่ต้องการถูกใครพบเห็น บนโลกใบนี้น้อยคนนักที่จะตามหานางเจอ “ตอนนี้เราจะไปที่ไหน”

เว่ยจวินมั่วก้มลงมองนาง เอ่ยบอก “ไปอีกฝั่ง”

“เอ๋” หนานกงมั่วตระหนก “ข้านึกว่าท่านจะไปสร้างเรื่องวุ่นวายให้กงอวี้เฉินเสียอีก” ยามนี้วังจื่อเซียวกำลังเปิดศึกกับหอธารา พวกเขาได้ข่าวว่ากงอวี้เฉินพึ่งออกจากเฉินโจวไป ริมฝีปากเว่ยจวินมั่วยกยิ้มเล็กน้อย “ไปหาเขาทำไมกัน เราออกมาสร้างความปั่นป่วนต่างหาก”

ดังนั้นเป้าหมายของท่านคือจังติ้งฟังมาตลอดสินะ ส่วนกงอวี้เฉิน เพียงแค่ต้องการล่อเสือออกจากเขาไปก็เท่านั้น

พวกเขามิได้ตรงไปยังเฉินโจวทันที ทว่าไปยังจิ่นโจวที่อยู่ห่างเฉินโจวออกไปกว่าสองร้อยลี้ ยามนี้สามเมืองที่สำคัญที่สุดของหูก่วงก็คือจิ่นโจว เย่ว์โจว และเฉินโจว ทั้งหมดล้วนอยู่ในมือของจังติ้งฟัง เพราะเหตุผลทางภูมิศาสตร์ หนึ่งในนั้นคือเฉินโจวที่สำคัญที่สุดและเป็นสถานที่ตั้งค่ายของจังติ้งฟัง แต่มิใช่ว่าเมืองอื่นๆ จะไร้ความสำคัญ เมืองจิ่นโจวมีกองทัพทหารม้ากว่าเจ็ดแปดหมื่นนาย หนึ่งเพื่อป้องกันการโจมตีจากราชสำนักในเส้นทางอื่น สองเพื่อป้องกันกองกำลังที่จะมาสนับสนุนยังเมืองเฉินโจว กว่าทั้งคู่จะเดินทางมาถึงจิ่นโจวก็พลบค่ำแล้ว ทหารลาดตระเวนมิได้เข้มงวดเท่าเฉินโจว และชีวิตของชาวบ้านก็มิได้รับผลกระทบมากมายแต่อย่างใด สิ่งที่ทำให้หนานกงมั่วตกใจก็คือมีจอมยุทธ์จำนวนมากอยู่ในเมืองแห่งนี้

ทั้งคู่นั่งอยู่ในโรงน้ำชาแห่งหนึ่งใจกลางเมือง หนานกงมั่วพิงหน้าต่างยืนมองจอมยุทธ์ที่เดินผ่านไปมา แล้วถอนหายใจ “จังติ้งฟังไม่ธรรมดาเอาเสียเลย ไม่…บางทีต้องบอกว่ากงอวี้เฉินไม่ธรรมดา” ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นเพียงความตึงเครียดและหดหู่ในเฉินโจว ทว่าไม่เห็นความเป็นระเบียบที่จิ่นโจว พึ่งจะยึดครองหูก่วงไปได้ไม่นานกลับทำได้ถึงขั้นนี้ อย่างน้อยก็เห็นได้ชัดว่าจังติ้งฟังไม่ธรรมดาตามชื่อเสียงจริงๆ

“หลายสิบปีมานี้ จังติ้งฟังหลบซ่อนอยู่ที่หูก่วงมาโดยตลอดเลยหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบ “เดิมจังติ้งฟังเป็นคนจิ่นโจว”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ดังนั้นจิ่นโจวจึงเป็นที่ตั้งของค่ายใหญ่?”

เว่ยจวินมั่วกล่าวเสียงเรียบ “จิ่นโจวอยู่ตรงกลางระหว่างเฉินโจวและเย่ว์โจว เฉินโจวและเย่ว์โจวมีโอกาสถูกโจมตีได้ง่ายกว่า เจ้าว่าจังติ้งฟังวางกำลังทหารไว้ที่นี่มากเพียงนี้เพราะเหตุใดเล่า แล้วยังมีบรรดาจอมยุทธ์นั่นอีก…” ก้มลงมองด้านล่าง ดวงตาสีม่วงของเว่ยจวินมั่วยังคงเงียบสงบ หนานกงมั่วนิ่งคิดอยู่นาน ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ที่นี่มีของสำคัญที่จังติ้งฟังซ่อนเอาไว้ ความจริงข้าไม่เข้าใจมาตลอด จังติ้งฟังไม่มีบุตรชายหรือหญิง อายุมากเพียงนี้ มาก่อกบฏในเวลานี้…เพื่อสิ่งใดกันแน่”

เว่ยจวินมั่วไม่นึกแปลกใจ เอ่ยตอบกลับไปเสียงเรียบ “จังติ้งฟังมีใจซื่อสัตย์ต่อกษัตริย์ฮั่นเฉินเลี่ยงเป็นอย่างยิ่ง เมื่อครั้งแพ้สงครามกษัตริย์ฮั่นเคยคิดอยากสังหารฝ่าบาทแต่ทำไม่สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เขาไม่มีความคิดเช่นนี้ก็ย่อมต้องมีผู้ที่ทำให้เขามีความคิดเช่นนี้”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *