หมอหญิงยอดมือสังหาร 426 หน่วยกล้าตายของผู้ใด (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 426 หน่วยกล้าตายของผู้ใด (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 426 หน่วยกล้าตายของผู้ใด (1)
ออกมาจากเรือนเล็กแล้ว เดินเอื่อยเฉื่อยอยู่บนถนนที่ว่างเปล่า ฝังเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “จวิ้นจู่ เมื่อครู่ท่าน…”

หนานกงมั่วเอ่ยตอบ “ลองหยั่งเชิงเขาดูก็เท่านั้น ดูเหมือนว่าเซียวเชียนเยี่ยและผิงชวนจวิ้นอ๋องนั้นมีการร่วมมือกันเป็นการส่วนตัวจริงๆ เย่ว์จวิ้นอ๋องผู้นี้ ช่างเป็นคนที่แปลกยิ่งนัก”

ฝังหัวเราะ “ใครใช้ให้หลิงโจวและผิงโจวมีเขตแดนติดกันกันเล่า อีกทั้งใครกันที่ใช้ให้เขาลั่วหยางนั้นมีเหมืองทองเล่า ไม่ว่าจะเป็นคนของเย่ว์จวิ้นอ๋องที่เป็นคนพบก่อน แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องการส่วนแบ่งอยู่แล้ว จะร่วมมือกันก็คงไม่แปลก ต่อให้เป็นข้า เมื่อค้นพบเหมืองทองจะรายงานต่อราชสำนักหรือไม่ก็ยังมีความลังเลขึ้นมาเลยขอรับ” ไม่เพียงลังเล แทบอยากลองเสี่ยงเสียด้วยซ้ำ นำเรื่องรายงานต่อเบื้องบนจะได้รับรางวัลเพียงใดกันเชียว แต่หากตนเองมีเหมืองทองคอยหล่อเลี้ยง เช่นนั้นคงราวกับนอนอยู่บนภูเขาทองแล้ว เซียวเชียนเยี่ยเป็นหลานของฮ่องเต้ ต้องเลี้ยงพระชายา เลี้ยงผู้ช่วย ดึงขุนนางมาเป็นพวก คบหาปัญญาชน สิ่งไหนที่ไม่ใช้เงินบ้าง เกิดหวั่นไหวก็มิใช่เรื่องแปลก

หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พยักหน้า หากตนเองมีภูเขาทองหนึ่งลูก…ก็ได้ ความรู้สึกเช่นนี้ยากจะปฏิเสธได้

“จวิ้นจู่ เมื่อครู่ท่านพึ่งรับปากเย่ว์จวิ้นอ๋องว่าจะไม่รายงานต่อฝ่าบาท แต่ว่า…” เขาจำได้ว่าก่อนที่จวิ้นจู่จะไปหาเย่ว์จว้นอ๋องได้ออกคำสั่งให้คนไปรายงานต่อฝ่าบาทก่อนแล้วมิใช่หรือ

“อ้อ ข้าโกหกเขาน่ะ” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ข้าไปส่งสาส์นเองเสียหน่อย ก็ไม่นับว่าข้าเป็นคนรายงานนี่”

แต่ว่า ต่อให้สมองของเย่ว์จวิ้นอ๋องจะถูกอะไรแทะออกไปกว่าครึ่ง ที่น่าสงสัยที่สุดก็คงเป็นท่านมิใช่หรือ

ยามดึก หนานกงมั่วและชวีเหลียนซิงกำลังนั่งเดินหมากอยู่ด้วยกัน ชวีเหลียนซิงผู้มีชื่อเสียงว่ารอบรู้นั้นแน่นอนว่ามีฝีมือการเดินหมากไม่เลว น่าเสียดายที่นางตั้งใจมุ่งมั่นที่จะละทิ้งชีวิตที่ผ่านมา ต่อให้เป็นลิ่นฉังเฟิงมาชวนนางเดินหมากนางก็ปฏิเสธโดยสิ้นเชิง มีเพียงเวลานี้ หนานกงมั่วเอ่ยปากให้นางนั่งเล่นฆ่าเวลาเป็นเพื่อนนาง จึงทำให้นางต้องนั่งลงและหยิบตัวหมากขึ้นมาอีกครั้ง ทว่าใจของทั้งคู่เห็นชัดว่าไม่ได้อยู่บนกระดานแล้ว

ชวีเหลียนซิงมองคิ้วสวยของหนานกงมั่วที่ผูกเข้าหากันจึงเอ่ยถาม “จวิ้นจู่กำลังเป็นห่วงซื่อจื่อและคุณชายเสียนเกอหรือเจ้าคะ”

หนานกงมั่วถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “อย่างไรก็เป็นโรคที่ติดต่อกันได้ จะไม่เป็นห่วงได้เยี่ยงไร”

“คุณชายเสียนเกอเป็นหมอเทวดา ซื่อจื่อเองก็เป็นจอมยุทธ์ยอดฝีมือ จวิ้นจู่ไม่ต้องกังวลเกินไปหรอกเจ้าค่ะ” ชวีเหลียนซิงเอ่ยให้กำลังใจ หนานกงมั่วส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “เรื่องแบบนี้…ไม่ใช่รู้ว่าไม่เป็นไรแล้วจะวางใจได้” ยิ่งไปกว่านั้น ยังไม่แน่นอนเลยว่าจะไม่เป็นอันใด

ชวีเหลียนซิงยิ้มร่า เอ่ย “เป็นข้าเองที่เอ่ยปลอบผิดไป เป็นห่วงคนสำคัญของตนเองนั้น เดิมก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว จะให้จวิ้นจู่ไม่กังวล นั่นคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก” หนานกงมั่วส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “มีเจ้าคอยอยู่กับข้านั้นดีที่สุดแล้ว อย่างน้อยเวลาก็ผ่านไปเร็วสักหน่อย”

ชวีเหลียนซิงพยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นข้าจะเดินหมากเป็นเพื่อนจวิ้นจู่อีกสักตาเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว ก้มลงไปมองบนกระดานจึงรู้ว่ายามนี้หมากสีดำของตนถูกกินไปจนพ่ายแพ้ราบคาบแล้ว ถอนหายใจออกมาอย่างจนปัญญา “ข้าแพ้แล้ว”

“เพราะจวิ้นจู่มิได้ใส่ใจเจ้าค่ะ” ชวีเหลียนซิงวางตัวหมากกลับลงไปบนกระดานทีละตัว เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้มบาง

“จวิ้นจู่” หลิ่วเดินรีบร้อนมาจากด้านนอก หนานกงมั่วหันกลับไปเงยหน้ามองนาง เอ่ยถาม “มีเรื่องอันใดหรือ”

หลิ่วเอ่ย “เย่ว์จวิ้นอ๋องส่งคนขึ้นเขาไปแล้วเจ้าค่ะ”

“อะไรนะ” หนานกงมั่วตื่นตระหนก รีบลุกขึ้นมาทันใด หลิ่วเอ่ย “ฟ้าพึ่งมืด เย่ว์จวิ้นอ๋องก็ส่งผู้มีวรยุทธ์ไม่กี่คนขึ้นเขาไปแล้ว เพียงแต่…ถูกข้าขวางเอาไว้ คนพวกนั้นจึงเข้าไปด้านในไม่ได้เจ้าค่ะ”

“คนอยู่ที่ไหน” หนานกงมั่วเอ่ยถาม หลิ่วตอบ “เอาตัวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วยอมให้ชวีเหลียนซิงคลุมเสื้อคลุมให้ เอ่ยเสียงเข้ม “ไปดูกันเถิด”

ชายชุดดำทั้งหมดห้าคนถูกมัดและโยนทิ้งไว้บนพื้นกลางห้องโถง มองเห็นหนานกงมั่วเดินเข้ามา ฝังและเวยจึงรีบคารวะ “จวิ้นจู่” หนานกงมั่วกวาดตามองคนที่อยู่บนพื้น เอ่ยถาม “พวกเขาว่าอย่างไร” ฝังเอ่ยตอบ “ปากแข็งยิ่งนักขอรับ ยังไม่ยอมรับ ล้วนเป็นผู้ที่ยอมพลีชีพทั้งนั้น เย่ว์จวิ้นอ๋องผู้นี้นับวันยิ่งน่าสนใจแล้ว” หลานฮ่องเต้ผู้หนึ่ง เลี้ยงทหารนับพันไม่นับว่าโดดเด่น ลอบเลี้ยงทหารก็ไม่นับประสาอันใด แต่ยังเลี้ยงหน่วยกล้าตายเอาไว้ด้วย จวิ้นอ๋องผู้นี้ไม่ได้โง่อย่างที่พวกเขาคิดเอาไว้จริงๆ

“ถามไม่ได้ความหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

ฝังยักไหล่ “ต้องใช้เวลาขอรับ” หน่วยกล้าตายนั้นแตกต่างจากผู้อื่น ต่างได้รับการฝึกฝนเป็นพิเศษ อีกทั้งคนพวกนี้นั้นไม่มีสิ่งใดต้องห่วงต้องกังวล ต้องการสิ่งใดจากปากของพวกเขายิ่งเป็นเรื่องที่ยากยิ่งขึ้นไปอีก หลายครั้งเพียงไม่ระวังก็ชิงฆ่าตัวตาย เมื่อก่อนหากวังจื่อเซียวเจอหน่วยกล้าตายเหล่านี้ต่างสังหารให้สิ้น เพราะต่อให้พวกเขายอมเปิดปาก เจ้าก็ไม่อาจเชื่อคำที่พวกเขาเอ่ยออกมาได้ แต่ตอนนี้นั้นแตกต่าง พวกเขาต้องการรู้ว่าเซียวเชียนเยี่ยคิดจะทำสิ่งใดกันแน่

หนานกงมั่วย่อตัวลงไป มองสำรวจหน่วยกล้าตายที่นอนอยู่บนพื้น มองเห็นเพียงดวงตาคู่นั้นที่ไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ ราวกับไม่ว่าต้องเจอกับสิ่งใด พวกเขาก็จะไม่สนใจ ไม่สนใจแม้กระทั่งว่าตนเองจะเผชิญกับอันตราย ยิ่งไม่สนใจที่คู่หูต้องเจอกับอันตราย คนแบบนี้ ยากที่จะถามอันใดจากพวกเขาได้ เพียงแต่หนานกงมั่วไม่รีบร้อน ในเมื่อจับได้แล้ว พวกเขาคิดอยากทำสิ่งใด คิดจะถามให้ได้ความ ก็ไม่จำเป็นต้องถามกับพวกเขาเท่านั้น

“มั่นใจว่าไม่มีใครรอดไปได้ใช่หรือไม่” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

ฝังยิ้ม เอ่ย “จวิ้นจู่วางใจได้ ไม่มีแน่นอนขอรับ เย่ว์จวิ้นอ๋องส่งมาทั้งหมดหกคน หนึ่งในนั้นฆ่าตัวตายไปแล้ว ที่เหลือห้าคนล้วนมาอยู่ตรงนี้หมดแล้ว”

หนานกงมั่วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ยิ้มพลางเอ่ย “เช่นนั้นก็ดี ทำภารกิจที่เซียวเชียนเยี่ยสั่งการไม่สำเร็จ คนที่ร้อนใจก็ไม่ใช่พวกเรา เพียงแต่…สิ่งที่ควรสอบถามก็ยังต้องถาม ทุกท่าน คิดว่าชีวิตนี้ไม่มีเรื่องให้อาลัยอาวรณ์แล้วหรือ”

แน่นอนหน่วยกล้าตายไม่ได้คิดว่าชีวิตไม่มีสิ่งให้อาลัยอาวรณ์หรอก พวกเขาไม่กล้วตายทว่าไม่ใช่ว่าพวกเขาอยากรนหาที่ตาย ต่อให้พร้อมจะตายเพียงใดแต่เมื่อยังไม่ตายก็ไม่จำเป็นต้องมุ่งมั่นไปเป็นหน่วยกล้าตาย ดังนั้นคำถามนี้จึงไม่มีใครตอบหนานกงมั่ว แน่นอนพวกเขาเองก็จนปัญญาจะตอบด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาฆ่าตัวตาย ย่อมรู้ว่าต้องสะกัดจุดเพื่อควบคุมไว้ ทั่วทั้งร่างของพวกเขานอกจากดวงตาแล้วก็ไม่มีส่วนใดขยับได้อีก รวมทั้งลิ้นด้วย

หนานกงมั่วยกมืองดงามไปกดจุดลมปราณของหนึ่งในนั้น จุดที่เคยถูกสะกัดควบคุมเอาไว้ถูกคลายออก หน่วยกล้าตายผู้นั้นคิดอยากต่อสู้ดิ้นรนขึ้นมา แม้กระทั่งคิดอยากจับตัวหนานกงมั่วเป็นตัวประกัน น่าเสียดายที่ฝังผู้ดูไม่น่าจะรอบคอบ ไม่เพียงสะกัดจุดพวกเขาเท่านั้นอีกทั้งยังมัดพวกเขาเอาไว้ด้วย ตอนนี้ถูกคลายจุดแล้ว แม้พวกเขาจะดิ้นรนขัดขืนได้แต่ก็ยังไร้ประโยชน์

หน่วยกลาตายผู้นั้นจ้องหนานกงมั่วเขม็ง ยังไม่ทันทำสิ่งใดก็ถูกหนานกงมั่วยื่นมือออกไปจับปลายคางของเขาเอาไว้แน่น เลือดไหลออกมาจากปากของเขา ฝังชะงัก “ได้อย่างไรกัน พิษที่อยู่ในปากของพวกเขาถูก…” หนานกงมั่วส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม “ไม่ใช่พิษ ไม่เป็นไร” ก้มลงไปแล้วยิ้มให้กับคนที่นอนอยู่บนพื้น “คิดจะกัดลิ้นฆ่าตัวตายหรือ ข้านึกว่านี่เป็นวิธีที่สตรีเท่านั้นจะทำ เพียงแต่…นี่ไม่ใช่วิธีฆ่าตัวตายที่ดีนัก ต่อให้พวกเจ้าเป็นหน่วยกล้าตาย คนที่จะใช้ก็คงมีไม่เยอะใช่หรือไม่” โดยทั่วไปแล้วหน่วยกล้าตายจะซ่อนพิษไว้ในปาก เมื่อภารกิจไม่สำเร็จหรือถูกจับ เพียงเคี้ยวพิษในปากก็จะตายไปในทันใด บ่อยครั้งที่หนานกงมั่วนึกสงสัยว่าจะเกิดบาดแผลโดยไม่ตั้งใจได้หรือไม่ อย่างไรคนเราเองยังไม่ระวังกัดลิ้นตนเองเลย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงสิ่งที่เพิ่มเข้ามาในปาก นอกจากนี้ กัดลิ้นตนเองนับเป็นวิธีการตายที่ทุกข์ทรมาน หากไม่มีความตั้งมั่นว่าจะตายแน่นอนก็ทำได้ยากทีเดียว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *