หมอหญิงยอดมือสังหาร 954 ตราประทับของเยี่ยนอ๋อง (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 954 ตราประทับของเยี่ยนอ๋อง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 954 ตราประทับของเยี่ยนอ๋อง (1)

กระโจมใหญ่เงียบไปชั่วขณะ ทว่าไม่นานก็กลับมาโต้เถียงกันอีกครั้ง

หนานกงมั่วมองภาพความวุ่นวายตรงหน้า เพียงรู้สึกว่าน่าขันและจนปัญญา เห็นได้ว่าผู้สนับสนุนของเซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยต่างก็ไม่ยอมกัน และเซียวเชียนชื่อหวังว่าเซียวเชียนเหว่ยน้องชายผู้นี้จะยอมถอยได้ แต่เซียวเชียนเหว่ยก็ไม่มีท่าทีคิดจะยอมถอย แม้เขาจะไม่ได้เอ่ยสิ่งใด แต่การเงียบก็เป็นการแสดงท่าทีอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน

หนานกงมั่วจูงมือเว่ยจวินมั่ว ทั้งสองหายออกไปจากกระโจมเงียบๆ

เมื่อห่างออกมาจากสถานที่แสนวุ่นวาย พลันรู้สึกว่าอากาศดีไม่น้อย หนานกงมั่วสูดหายใจเข้าลึก บิดขี้เกียจอย่างเกียจคร้าน ทั้งสองนั่งอยู่บนเนินเขานอกค่าย มองเมืองซื่อหยางที่อยู่ไกลออกไป ตอนนี้เมืองซื่อหยางตกมาอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว เพียงแต่เมืองเล็กๆ ไม่ได้มีความหมายอันใดมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเยี่ยนอ๋องบาดเจ็บหนักไม่อาจเคลื่อนย้ายได้ ดังนั้นกองกำลังจึงไม่ได้เข้าไปในเมือง เพียงส่งกองกำลังบางส่วนเข้าไปประจำการเพียงเท่านั้น

อิงอยู่ในอ้อมแขนของเว่ยจวินมั่ว หนานกงมั่วถอนหายใจออกมา

เว่ยจวินมั่วก้มหน้าลงไป ยื่นมือไปช้อนใบหน้าของนางขึ้นมองมาที่ตน เอ่ยถาม “เป็นอันใดหรือ”

หนานกงมั่วส่ายศีรษะ เอ่ย “เพียงไม่รู้ว่าเมื่อไรพวกเขาโต้เถียงกันเสร็จเท่านั้น”

“อู๋สยารำคาญหรือ” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้วพลางเอ่ย หนานกงมั่วพยักหน้า “ข้ายอมต่อสู้ฆ่าฟันอยู่ในสนามรบ ทว่าไม่อยากเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้” พี่น้องทะเลาะกัน ช่างน่าเศร้า หากคิดในมุมของทุกคน กลับเข้าใจถึงการกระทำของพวกเขา เซียวเชียนชื่อไม่สามารถถอยได้ เพราะเขาเป็นบุตรชายคนโตของเยี่ยนอ๋อง เซียวเชียนเหว่ยก็ไม่อาจถอยได้ เขามีความทะเยอทะยานอยู่ในใจ มีกลุ่มคนจำนวนมากสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง พอดีกับเยี่ยนอ๋องก็คิดว่าเซียวเชียนชื่อไร้ความสามารถจึงไม่สนับสนุน ในเมื่อเซียวเชียนเหว่ยเองก็คิดว่าเซียวเชียนชื่อสู้ตนเองไม่ได้ ไยจึงต้องบีบบังคับให้คนที่สนับสนุนตนไปสนับสนุนพี่ชายที่ไร้ความสามารถด้วยเล่า การยอมถอยในครั้งนี้ไม่ใช่การแก่งแย่งสมบัติของตระกูลคนรวย แย่งไม่ได้ตนเองไปหาเอาใหม่ก็พอแล้ว สิ่งที่พวกเขาแก่งแย่งกันอยู่คืออำนาจทางการทหารของกองกำลังรักษาการณ์โยวโจว กระทั่งแผ่นดินในเบื้องหน้า ก้าวเข้าใกล้หนึ่งก้าว นับแต่นี้ต่อไปลูกหลานจะนับถือแต่ข้า ถอยหนึ่งก้าว นับจากนี้ต่อไปลูกหลานต้องยอมจำนนต่อผู้อื่น จะไม่ต่อสู้แย่งชิงได้เยี่ยงไร

เพราะความเข้าใจเช่นนี้ ถึงได้เกิดเรื่องน่าเศร้าและไร้หนทางเพียงนี้ เพราะพวกเขารู้ดีว่านี่เป็นเรื่องที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงไปตลอดได้

เว่ยจวินมั่วกอดหนานกงมั่วเอาไว้ในอ้อมแขน เอ่ยเสียงเบา “รอเสด็จลุงฟื้นขึ้นมาแล้ว พวกเรากลับเฉินโจวกันเถิด”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านมั่นใจว่าเยี่ยนอ๋องจะยอมให้ท่านกลับหรือ” บุตรชายทั้งสองก่อเรื่องวุ่นวาย เยี่ยนอ๋องก็ยิ่งให้ความสำคัญต่อเว่ยจวินมั่ว หนานกงมั่วอิงแอบอยู่ในอ้อมแขนของเขา รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา เอ่ยถามเสียงเบา “จวินมั่ว ท่านไม่เคยคิดอยากได้แผ่นดินนี้เลยหรือ” เว่ยจวินมั่วมีความสามารถ หากเขาต้องการสามารถแยกตัวปกครองเฉินโจวแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นอ๋อง เมื่อเทียบกับเยี่ยนอ๋องที่ต้องปวดหัวกับการต่อสู้แย่งชิงของบุตรชายทั้งสอง เว่ยจวินมั่วถึงจะเป็นคนที่ไร้ความกังวลใดๆ เว่ยจวินมั่วไม่ขาดเงิน ทรัพย์สมบัติของฮั่นอ๋องเพียงพอเป็นค่าบำรุงกองทัพไปนานหลายปี ตอนนี้เว่ยจวินมั่วไม่ได้ขาดกำลังทหาร ไม่แปลกใจว่าไยเมื่อครั้งอยู่อิ่งชวนคนของเซียวเชียนเหว่ยจึงต้องคอยระมัดระวังเขานัก

“แผ่นดินหรือ” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว “เอามาทำไมกัน”

หนานกงมั่วกะพริบตาปริบ “ปกครองใต้หล้า ศรัทธาในตัวข้าเพียงผู้เดียว ไม่ใช่ความฝันของใครหลายคนหรือ”

“เหนื่อยเกินไป” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ

“เอ๋” หนานกงมั่วไม่เข้าใจ เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ข้าหวังว่าไม่มีสิ่งใดในโลกฉุดรั้งข้าเอาไว้ได้ ทว่าไม่คิดจะยกใต้หล้านี้มาแบกไว้บนหลัง ไม่ว่าจะเป็นแบบอดีตฮ่องเต้ หรือแบบเซียวเชียนเยี่ยนั่น” อดีตฮ่องเต้เป็นวีรบุรุษรุ่นแรก ชีวิตของเขาเป็นดั่งคลื่นซัดสาดอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยยิ่งกว่าคือชีวิตที่โดดเดี่ยวของเขา กี่วังกี่ตำหนักก็ไม่มีคนรู้ใจแม้เพียงคนเดียว แม้แต่ฮองเฮาที่สู้ลำบากมาด้วยกันยังจากไปก่อน มีโอรสธิดามากมาย แต่เพื่อความสงบของแผ่นดินและราชสำนักจะไม่ส่งโอรสออกไปตามเมืองต่างๆ ก็ไม่ได้ ไม่ได้รับการเรียกหาห้ามกลับเข้าเมืองหลวง ครองบัลลังก์มาเกือบสามสิบปี อดีตฮ่องเต้กับโอรสของเขาเกรงว่าคงได้เจอกันน้อยครั้ง

ส่วนเซียวเชียนเยี่ยยิ่งลำบากแล้ว การได้มาซึ่งบัลลังก์ด้วยวิธีเช่นนั้น ต้องคอยเฝ้าระมัดระวัง ยากที่จะสร้างสมดุลอำนาจระหว่างขุนนางและบุคคลผู้มีอำนาจ ต้องเผชิญหน้ากับเสด็จอาผู้ปกครองเมืองทั้งหลายของตนอีกทั้งภารกิจของแผ่นดิน เซียวเชียนเยี่ยสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ในอำนาจหรือไม่เขาไม่รู้ แต่แน่นอนว่าเซียวเชียนเยี่ยสามารถสัมผัสได้ถึงความกดดันและความยากลำบากอันใหญ่หลวงอย่างแน่นอน

เดิมทีบัลลังก์ก็เป็นพันธนาการอันหนักอึ้งที่สุดในโลกใบนี้อยู่แล้ว

หนานกงมั่วถอนหายใจออกมา เอ่ย “คุณชายเว่ยช่างมีชื่อเสียงและอำนาจโดยแท้จริง”

เว่ยจวินมั่วเล่นเส้นผมของนาง เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าไม่ต้องการอำนาจท่วมท้น ข้าเพียงต้องการให้คนที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่มาข่มขู่รุกรานข้าและคนที่ข้าปกป้องก็เพียงพอแล้ว หากข้าอยากได้จริงๆ ข้าจะไปเอามันมาด้วยตนเอง” หนานกงมั่วยิ้มร่า เอ่ยให้ชัดเจนก็คือขี้เกียจไม่อยากมีภาระรับผิดชอบ เพียงแต่…นางชอบ นางเองก็ไม่อยากให้เว่ยจวินมั่วต้องไปนั่งในตำแหน่งที่สูงส่งและกังวลใจเพื่อใต้หล้าในทุกๆ วัน กังวลกับชื่อเสียงทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง และนางยังต้องร่วมแสดงความรักในรูปแบบที่สืบทอดมาแต่โบราณ ยิ่งไม่ต้องการให้ตนเองนั่งอยู่ในวังลึกรอคนมาถวายพระพร จัดการวังหลังตำหนักมากมายอันใดนั่น

เงยหน้าขึ้นไปจูบเบาๆ บนใบหน้าของเขา “พวกเราช่างเหมาะสมกันโดยแท้”

คุณชายเว่ยเลิกคิ้ว ทำความเข้าใจกับวลีที่ว่าเหมาะสมกันโดยแท้อยู่ชั่วครู่ เขาก้มหน้าลงไปเอ่ยถามอย่างลึกซึ้ง “อู๋สยาอยากได้หรือไม่ ข้าจะเอามันมาให้เจ้าทั้งหมด” ต่อให้เป็นใต้หล้านี้ก็ตาม

หนานกงมั่วยิ้มบาง “มีท่าน มีเยาเยาและอานอานอยู่ ข้าก็ไม่ต้องการอันใดทั้งนั้น”

“มีอู๋สยา ข้าก็พึงพอใจแล้ว” ลูบเส้นผมของนางเบาๆ เว่ยจวินมั่วกระซิบเอ่ย

“คุณชายเว่ย ซิงเฉิงจวิ้นจู่” เสียงขุนพลหนุ่มคนหนึ่งวิ่งออกมาจากด้านใน เอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงร้อนรน หนานกงมั่วหันกลับไปมอง มองเห็นคนผู้นั้นที่เป็นคนข้างกายของเฉินอวี้ เหมือนจะเป็นคนที่ติดตามเฉินอวี้มาจากเมืองเผิง

“มีเรื่องอันใดหรือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว

ขุนพลผู้นั้นร้อนรน “จวิ้นจู่ คุณชายเว่ย ด้านในลงมือต่อยตีกันแล้วขอรับ แม่ทัพเฉินให้มาเชิญท่านทั้งสองไปดู” ด้านในร้อนระอุ ทั้งสองคนนี้กลับมานั่งจู๋จี๋กัน เหมาะสมแล้วหรือ ขุนพลหนุ่มผู้นั้นบ่นอยู่ในใจอย่างอดไม่ได้

“ต่อยตีกันหรือ ได้เยี่ยงไรกัน” เซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยต่างก็ไม่ใช่คนใจร้อน สองพี่น้องต่อสู้แย่งชิงกันทว่าไม่เคยถึงขั้นแตกหัก ไหนเลยจะมาทะเลาะกันต่อหน้าเฉินอวี้เล่า

ขุนพลหนุ่มร้อนรน เอ่ย “ลงมือกันแล้วจริงๆ ขอรับ ทั้งสองท่านไปดูเถิด แม่ทัพเฉินคนเดียวห้ามไม่อยู่ขอรับ” แม้เฉินอวี้จะเป็นหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีอำนาจของเยี่ยนอ๋อง แต่ว่าใต้บังคับบัญชาของเยี่ยนอ๋องนั้นมีขุนพลไม่น้อย สองปีมานี้ยิ่งมีคนใหม่ไม่น้อย อำนาจของเฉินอวี้ยังไม่ถึงขั้นกดข่มขุนพลใต้บังคับบัญชาของเยี่ยนอ๋องทั้งหมดได้ หากเซวียเจินและจูหงอยู่ที่นี่ ทั้งสามปรากฏตัวพร้อมกันไม่แน่ว่าอาจเป็นไปได้

ไม่รู้ว่าเพราะถูกคนรบกวนหรืออย่างไร สีหน้าของคุณชายเว่ยทะมึนขึ้นมา จนขุนพลหนุ่มผู้นั้นตัวสั่นเทาโดยมิอาจห้ามได้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *