หมอหญิงยอดมือสังหาร 967 ข้าไม่รู้เรื่องอันใดเลยจริงๆ (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 967 ข้าไม่รู้เรื่องอันใดเลยจริงๆ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 967 ข้าไม่รู้เรื่องอันใดเลยจริงๆ (2)

“พระชายารอง พวกเรารีบเข้าไปหาเสด็จพ่อกันเถิด” หย่งเฉิงจวิ้นจู่ทนรอไม่ไหว เอ่ยขึ้น

กงเสี่ยวเตี๋ยก็ไม่ได้เอ่ยอันใดมาก พยักหน้า เอ่ย “จวิ้นจู่เอ่ยถูกแล้ว รีบไปกันเถิด เด็กๆ รีบอุ้มคุณชายน้อยมา พวกเราจะไปหาท่านอ๋องกันแล้ว”

รถม้าด้านหลัง แม่นมกำลังอุ้มเด็กน้อยอายุยังไม่ครบสองปีเต็มเดินเข้ามา หย่งเฉิงจวิ้นจู่ยักไหล่ท่าทางไม่ใส่ใจ เด็กเล็กเพียงนี้เดิมทีก็ไม่เหมาะที่จะนั่งรถม้าเป็นเวลานาน กงเสี่ยวเตี๋ยดึงดันจะมาดูแลเสด็จพ่ออีกทั้งยังไม่ยอมเอาเด็กไว้ให้เสด็จแม่คอยดูแล กลัวว่าเสด็จแม่จะทำอันใดกับลูกของตน แต่ไม่ลองคิดดู เสด็จพ่อไม่อยู่จวนตลอดสองปีที่ผ่านมา หากเสด็จแม่คิดจะลงมือจริงๆ ไยจะต้องรอทำร้ายในตอนที่เด็กอยู่ในมือของตนเองให้คนสงสัยเล่า

เพียงแต่เด็กเป็นลูกของกงเสี่ยวเตี๋ย หากตัวนางเองไม่มีปัญหาหรือเดือดร้อน แน่นอนว่าคนอื่นยิ่งไม่ใส่ใจ

ดวงตาของจูชูอวี้พลันทะมึนลง ปรายตามองเด็กคนนั้นเล็กน้อยไม่เอ่ยสิ่งใด

“พี่สะใภ้” เดินเข้าไปในค่าย มองเห็นหนานกงมั่วเดินนำหลิ่วหันที่ถือกองหนังสือเดินผ่านไป ดวงตาของหย่งเฉิงจวิ้นจู่พลันเป็นประกาย เอ่ยเรียกเสียงดัง แม้ตอนที่หนานกงมั่วอยู่ที่โยวโจวจะไม่ค่อยได้อยู่ในจวนบ่อยจึงไม่สนิทมากนัก แต่เมื่อเทียบกับพี่สะใภ้ของตนเองทั้งสามคนแล้ว หย่งเฉิงจวิ้นจู่ชอบพี่สะใภ้ห่างๆ ผู้นี้มากกว่า อีกทั้ง แม้ว่าหนานกงมั่วจะนับว่าไม่ได้ใกล้ชิดกับนาง แต่ของขวัญที่ส่งกลับโยวโจวตลอดหลายปีมานี้ก็ไม่เคยลืมของขวัญของนางเลยสักครั้ง เมื่อเทียบกับพี่สะใภ้ทั้งสามของตนเองแล้วนางมีความเอาใจใส่กว่ามาก

หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นพลันมองเห็นเด็กสาวในอาภรณ์สีเหลืองกำลังวิ่งเข้ามาหาตนเอง ไม่ได้เจอกันเกือบสามปี หย่งเฉิงจวิ้นจู่โตขึ้นกว่าตอนที่อยู่โยวโจวมาก เป็นเด็กสาวที่สดใจและงดงามหมดจด อีกทั้งนิสัยก็ร่าเริงและมั่นคงมากขึ้น

หนานกงมั่วกลับไม่รู้ ยามนี้ทั่วทั้งเมืองโยวโจวนั้นอาศัยนายทหารที่ปรึกษาที่พระชายาเยี่ยนอ๋องและเยี่ยนอ๋องทิ้งเอาไว้ในจวนคอยดูแล หย่งเฉิงจวิ้นจู่ที่เติบโตมากับการเลี้ยงดูจากพระชายาเยี่ยนอ๋อง แน่นอนว่าได้ช่วยเหลือพระชายาเยี่ยนอ๋องจัดการธุระในจวนอยู่ไม่น้อย ผ่านการฝึกฝนมาหลายปี คนถึงได้คล่องแคล่วปราดเปรียวขึ้นมิใช่หรือ

หนานกงมั่วหยุดเท้าที่ก้าวเดิน รอจนกระทั่งหย่งเฉิงจวิ้นจู่วิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้า พลันยิ้มออกมา “หย่งเฉิง ไม่เจอกันนานเลยนะ”

หย่งเฉิงจวิ้นจู่ยิ้มพลางเอ่ย “ใช่เจ้าค่ะ สามปีกว่าแล้วที่ไม่ได้เจอกัน พี่สะใภ้สวยขึ้นเยอะเลยเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วหัวเราะ เจ้าต่างห่างเล่าที่สวยขึ้น เดินทางรีบเร่งมาไกลคงจะเหนื่อยแล้ว ไปพบเสด็จลุงก่อนเถิด ข้าให้คนจัดเตรียมที่พักเอาไว้ให้พวกเจ้าแล้ว”

หย่งเฉิงจวิ้นจู่พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณพี่สะใภ้มากนะเจ้าคะ”

“ซิงเฉิงจวิ้นจู่” ระหว่างที่ทั้งสองกำลังพูดคุย กงเสี่ยวเตี๋ยและจูชูอวี้ก็เดินเข้ามา ยิ้มและพยักหน้าให้กับหนานกงมั่ว สายตาของหนานกงมั่วหยุดชะงักที่เด็กน้อยในอ้อมแขนของแม่นมชั่วครู่ สายตาเย็นชามองเลยผ่าน สุดท้ายสายตาไปหยุดอยู่ที่จูชูอวี้ พยักหน้าเบาๆ เอ่ย “ซั่นจยาจวิ้นจู่ ชายารองกง เป็นอย่างไรบ้าง”

คิ้วสวยของกงเสี่ยวเตี๋ยขมวดมุ่น “ลำบากจวิ้นจู่ต้องเป็นห่วงแล้ว ข้าสบายดี เพียงแต่สงสารแต่บุตรชายของข้าที่เกิดมาก็ยังไม่เคยได้เจอหน้าบิดาเลยสักครั้ง แม้แต่ชื่อก็ยังไม่มี” คนงามขมวดคิ้ว ท่าทางน่าสงสารทำให้คนปวดใจ น่าเสียดายว่าหนานกงมั่วเป็นสตรี อีกทั้งยังเป็นสตรีที่จิตใจไม่ได้อ่อนโยน ดังนั้นนางเพียงเลิกคิ้วมองใบหน้างามของกงเสี่ยวเตี๋ย ใบหน้านี้…หลายปีแล้วยังคงไม่เคยเปลี่ยน ไม่รู้ว่าปกติแล้วกงเสี่ยวเตี๋ยดูแลอย่างไร นางยังจำใบหน้าเดิมของนางได้หรือไม่

สำหรับความขมขื่นของกงเสี่ยวเตี๋ยนั้น หนานกงมั่วไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ จูชูอวี้กลับใจกว้าง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ” หนานกงมั่วพยักหน้ายิ้ม “สบายดี เวลานี้เสด็จลุงอาจกำลังหารือธุระอยู่กับเว่ยจวินมั่ว ข้าจะพาพวกเจ้าไปหา”

“เจ้าค่ะ รบกวนพี่สะใภ้แล้ว”

กระโจมใหญ่ เยี่ยนอ๋องนอนหารืออยู่กับเว่ยจวินมั่วที่กำลังนั่งอยู่ แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเว่ยจวินมั่วเอ่ยเยี่ยนอ๋องฟัง แต่เดิมทีคุณชายเว่ยก็เป็นคนประหยัดคำพูด สิ่งที่คนอื่นใช้เวลาหนึ่งเค่อ แต่เขาเอ่ยเพียงสามถึงห้าประโยคก็จบแล้ว ดังนั้นหลายครั้งเยี่ยนอ๋องจึงทำได้เพียงส่งสายตาเขม็งไปยังหลานชาย หรือเป็นฝ่ายยอมยกหัวข้อขึ้นมาเอง ดังนั้นกล่าวได้ว่าหากเป็นเพียงการพูดคุย จะพูดกับเว่ยจวินมั่ว มาสู้พูดกับหนานกงมั่วยังจะสนุกมากกว่า

“รายงานท่านอ๋อง ซิงเฉิงจวิ้นจู่พาหย่งเฉิงจวิ้นจู่และพระชายารองกง ฮูหยินน้อย อีกทั้งคุณชายน้อยมาแลวพ่ะย่ะค่ะ”

ด้านนอก เสียงองครักษ์รายงาน

เยี่ยนอ๋องชะงัก เงยหน้ามองเว่ยจวินมั่ว “มาถึงเร็วเพียงนี้เลยหรือ”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า “ประมาณสองวันก็มาถึง”

เยี่ยนอ๋องย่นคิ้ว “พระชายายอมให้นางเอาเด็กมาด้วยได้เยี่ยงไร”

เว่ยจวินมั่วไม่สนใจ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา

“อู๋สยา เข้ามาเถิด” คุณชายเว่ยเอ่ยเสียงเข้ม

หนานกงมั่วพาคนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม มองดูเยี่ยนอ๋องที่ไม่รู้กำลังคิดสิ่งใดอยู่ หนานกงมั่วหันไปหาเว่ยจวินมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้รบกวนพวกท่านใช่หรือไม่”

เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ

“เสด็จพ่อ”

“ท่านอ๋อง”

มองเห็นเยี่ยนอ๋องที่ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ว่าหย่งเฉิงจวิ้นจู่หรือกงเสี่ยวเตี๋ยต่างก็ยินดี เพียงแต่หย่งเฉิงจวิ้นจู่ไม่อาจแสดงออกได้มากนัก ทำได้เพียงดวงตาแดงก่ำย่อตัวทำความเคารพเยี่ยนอ๋อง กงเสี่ยวเตี๋ยกลับร้องไห้สะอึกสะอื้นถลาเข้าไปยังข้างเตียงเยี่ยนอ๋อง “ท่านอ๋อง พระองค์เป็นอย่างไรบ้างเพคะ บาดเจ็บหนักหรือไม่ ยังเจ็บหรือไม่เพคะ”

เยี่ยนอ๋องหลุบตาลง ยกมือขึ้นลูบไหล่ปลอบโยนนาง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมามองหย่งเฉิงจวิ้นจู่ เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “หย่งเฉิง เดินทางมาเหนื่อยแล้ว เจ้าไปพักกับพี่สะใภ้เจ้าเถิด” หย่งเฉิงจวิ้นจู่พยักหน้าตอบรับด้วยดวงตาที่ยังแดงก่ำ เอ่ย “เสด็จพ่อปลอดภัย ลูกกับเสด็จแม่ก็วางใจแล้วเพคะ เสด็จแม่ให้หย่งเฉิงนำของกินมากมายที่เสด็จพ่อโปรดปรานมาด้วย อวี้หมิงเองก็มีของขวัญให้เสด็จพ่อด้วยเพคะ”

เยี่ยนอ๋องพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เด็กดี ทำให้พวกเจ้าเป็นห่วงแล้ว”

รู้ว่าเยี่ยนอ๋องไม่ต้อนรับตนเอง จูชูอวี้ทำได้เพียงทำความเคารพและยืนอยู่ด้านข้างเงียบๆ ไม่เอ่ยสิ่งใด

“ท่านอ๋อง นับตั้งแต่ได้ข่าวว่าท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บ หม่อมฉัน…หม่อมฉันกลัวมากเพคะ” กงเสี่ยวเตี๋ยหมอบอยู่กับเตียงเยี่ยนอ๋อง ดวงตาของนางแดงขึ้นมาเล็กน้อย น้ำตาคลอเบ้า เยี่ยนอ๋องมองไปยังนาง เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นไร ไยเจ้าจึงเอาลูกมาด้วยเล่า”

กงเสี่ยวเตี๋ยซับน้ำตา พร้อมกับรับเด็กมาจากแม่นม เอ่ย “ฝูเอ๋อร์จะสองขวบแล้ว ทว่าแม้แต่ชื่อก็ยังไม่มี ท่านอ๋องยังไม่เคยเห็นเขาเลยสักครั้ง หม่อมฉันจะทนได้เยี่ยงไรเพคะ ดังนั้นจึงได้ตั้งใจพาเขามาให้ท่านอ๋องได้พบ ขอท่านอ๋องได้โปรดอภัยด้วยเพคะ”

หันไปมองเด็กน้อยในอ้อมแขนของกงเสี่ยวเตี๋ย เด็กอายุสองขวบถูกกงเสี่ยวเตี๋ยเลี้ยงดูอวบอ้วน ใบหน้าดูเหมือนจะหล่อเหลา เพียงแต่ไม่เหมือนเยี่ยนอ๋อง และไม่เหมือนกงเสี่ยวเตี๋ยในตอนนี้ หนานกงมั่วกลับตกใจ แม้เด็กคนนี้จะไม่เหมือนกงเสี่ยวเตี๋ยหรือเยี่ยนอ๋อง แต่กลับเหมือนใครบางคนอย่างไรอย่างนั้น ขณะเดียวกันก็ยิ่งมั่นใจในตัวตนของกงเสี่ยวเตี๋ยมากขึ้น

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *