หมอหญิงยอดมือสังหาร 494 จวินมั่วกลับเมืองหลวง (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 494 จวินมั่วกลับเมืองหลวง (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 494 จวินมั่วกลับเมืองหลวง (3)
“ตื่นแล้วหรือ” หนานกงมั่วถาม “ไม่ได้นอนมากี่วันแล้ว”

“สองวัน” เสียงของชายหนุ่มที่เพิ่งตื่นขึ้นนั้นแหบเล็กน้อย แต่ก็ทำให้หัวใจของใครบางคนเต้นระรัวได้อย่างไม่คาดคิด หนานกงมั่วจนใจ “ไยจึงต้องรีบร้อนเพียงนี้ ต่อให้จะเกิดอันใดขึ้นในเมืองจินหลิง ไม่นานปัญหาก็คลี่คลายแล้ว” สิ่งที่ทำให้นางพูดไม่ออกมากที่สุดก็คือ ขนาดไม่ได้นอนมาสองวันแล้ว เมื่อคืนยังมีเรี่ยวแรงถึงดึกดื่น “นอนต่ออีกสักหน่อยเถิด” รวมแล้วเขาเพิ่งนอนไปเพียงครึ่งชั่วยามเท่านั้น

เว่ยจวินมั่วดึงนางเข้าไปในอ้อมอกของเขา “นอนเป็นเพื่อนข้า”

หนานกงมั่วเองก็ไม่ได้ขัดขืน ขยับตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเขา แม้ว่าตนจะไม่ได้กลัวหนาว ทว่ามีเตาให้ความอบอุ่นส่วนตัวในฤดูหนาวเช่นนี้ ก็ย่อมดีกว่านอนคนเดียว

หลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง หนานกงมั่วก็ไม่รู้สึกง่วงนอนแล้ว เมื่อเห็นว่าใครบางคนก็ไม่ได้อยากนอนต่อ หนานกงมั่วจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจินหลิงช่วงที่ผ่านมาให้เขาฟังคร่าวๆ ว่าหากต้องเข้าวังหลวงจะพบเจอกับเรื่องใดบ้าง

ผ่านไปครู่หนึ่ง รอให้หนานกงมั่วเล่าจนจบ เว่ยจวินมั่วจึงเอ่ยถาม “แสดงว่า พระประสงค์สุดท้ายที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทิ้งไว้…อยู่ในมือเจ้าหรือ”

หนานกงมั่วพยักหน้าแล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ท่านอยากดูหรือไม่”

เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ เอ่ยถาม “เจ้าดูแล้วหรือ”

“ข้ายังมิได้ดู” หนานกงมั่วตอบ รู้สึกมาตลอดว่าหากอ่านแล้วคงเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่ ราชโองการของฮ่องเต้คงจะไม่ได้เขียนถึงใครอื่นนอกจากเรื่องของเซียวเชียนเยี่ยหรอกหรือไม่ ที่จริงหนานกงมั่วก็รู้สึกเสียใจอยู่บ้างที่รับสิ่งนี้มาจากหลินกุ้ยเฟย สิ่งนี้เป็นเหมือนเผือกร้อนลวกมือ ยามนี้จะส่งต่อให้ใครก็ไม่ได้ แม้ว่านางจะยังไม่ได้อ่าน แต่หนานกงมั่วก็คิดเสมอว่าควรมอบราชโองการนี้ให้เซียวเชียนเยี่ย ทว่า…ฮ่องเต้พระองค์ก่อนกลับมอบราชโองการที่ควรให้เซียวเชียนเยี่ยกับนางแทน…เชื่อมั่นในตัวนางมากไปหรือไม่ นางเป็นผู้ปล่อยให้พระองค์ถูกปลงพระชนม์ไปต่อหน้าต่อตาแท้ๆ

เว่ยจวินมั่วเอ่ยอย่างเฉยเมย “ถ้าเช่นนั้นอย่าเพิ่งอ่านเลย” ฮ่องเต้พระองค์ก่อนสวรรคตไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นราชโองการสำคัญเพียงใดก็ไม่ส่งผลต่อสถานการณ์มากนัก และจะส่งผลกระทบต่อเมื่อราชโองการนี้อยู่ในมือของผู้มีอำนาจเช่นเซียวเชียนเยี่ย เซียวฉุน หรือผู้ปกครองเมืองต่างๆ แน่นอนว่าย่อมจะแตกต่างออกไป ทว่ายามนี้ยังคงอยู่ในมือของพวกเขา พระสนมหลินกุ้ยเฟยก็จากไปแล้ว เว่ยจวินมั่วย่อมไม่ปรารถนาให้คนนอกล่วงรู้ว่าหนานกงมั่วเคยได้รับสิ่งที่เรียกว่าราชโองการสั่งเสียฉบับนี้ได้

“อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้เลย เรื่องเซียวเชียนจย่งจะทำเยี่ยงไรดี” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

เว่ยจวินมั่วหลับตาลง ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เป็นแผนการของเซียวฉุนใช่หรือไม่”

“น่าจะเป็นเช่นนั้น”

เว่ยจวินมั่วกล่าวตอบ “อย่าเพิ่งให้เชียนชื่อไปหาผู้สืบทอดคังอ๋อง รอให้ข้ากลับมาแล้วข้าจะไปเอง”

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว “เหมาะสมแล้วหรือ” ไม่ว่าอย่างไรเซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเซียวเชียนจย่ง อีกทั้งเซียวเชียนชื่อยังเป็นผู้สืบทอดเยี่ยนอ๋องด้วย ดูอย่างไรก็เหมาะสมกว่าเว่ยจวินมั่วที่เป็นเพียงลูกพี่ลูกน้อง เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ผู้สืบทอดคังอ๋องเป็นคนฉลาดหลักแหลม ข้าเองก็พอสนิทสนมกับเขาอยู่บ้าง อย่ากังวลไปเลย”

หากเขามีแผนในใจแล้ว หนานกงมั่วจึงไม่คิดกังวลอื่นใดอีก นางพยักหน้าพลางเอ่ย “ได้ เอาอย่างที่ท่านว่า ในเมื่อท่านกลับมาแล้ว เรื่องต่อจากนี้ข้ายกให้ท่านแล้วกัน” เว่ยจวินมั่วพยักหน้า ลูบเส้นผมที่ระข้างแก้มของนางพลางเอ่ย “ช่วงที่ผ่านมาลำบากเจ้าไม่น้อยเลย”

หนานกงมั่วยิ้มบางๆ ไม่ตอบสิ่งใด ทุกอย่างจบลงในความเงียบ

รุ่งสาง กว่าองค์หญิงฉังผิงและคนอื่นๆ รู้ข่าวว่าเว่ยจวินมั่วกลับมาแล้ว เว่ยจวินมั่วก็เดินทางออกจากจวนเข้าวังหลวงไปแล้ว มองดูลูกสะใภ้ที่เข้ามาคารวะ องค์หญิงฉังผิงก็อดถอนหายใจไม่ได้ “พอมีชายาก็หลงลืมมารดาเสียแล้ว” หนานกงมั่วรู้ว่าองค์หญิงฉังผิงเอ่ยติดตลกจึงตอบด้วยรอยยิ้ม “เมื่อคืนเขากลับมาถึงดึกมากแล้ว เกรงว่าจะรบกวนเสด็จแม่พักผ่อนอันใด ไม่ใช่หรอกหรือเพคะ”

องค์หญิงฉังผิงยกมือแตะหน้าผากของนาง เอ่ย “เจ้าไม่ต้องมาแก้ตัวแทนเลย”

เซียวเชียนชื่อและคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านข้างต่างก็หัวเราะเช่นเดียวกัน เซียวเชียนเหว่ยยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เสด็จอา ใครไม่รู้บ้างเล่าว่าพี่ชายเป็นคนกตัญญูที่สุด หากพูดเช่นนั้น พี่ชายจะไม่เสียใจแย่หรือพ่ะย่ะค่ะ” องค์หญิงฉังผิงเอ่ย “เราไม่เคยเห็นเขาเสียใจเลยสักครั้ง” เว่ยซื่อจื่อมักหน้านิ่งเย็นชาต่อหน้าผู้คนมาโดยตลอด อย่าว่าแต่อยากเห็นเขาเสียใจเลย แค่ให้เขาทำหน้าดีๆ กับเจ้าสักหน่อยก็มิใช่เรื่องง่าย

เมื่อเว่ยจวินมั่วกลับมาแล้วก็ทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งใจอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เจอกันบ่อยนัก แต่เซียวเชียนชื่อสามพี่น้องค่อนข้างมั่นใจในความสามารถของลูกพี่ลูกน้องผู้นี้มาก มีเพียงเซียวเชียนจย่งเท่านั้นที่เอ่ยถามด้วยใบหน้าขมขื่น “เสด็จอา พี่ชายจะลงโทษหลานหรือไม่” แต่ถึงอย่างไรหว่างคิ้วของเขาก็ดูเหมือนคลายความกังวลลงไปบ้างแล้ว

องค์หญิงฉังผิงเลิกคิ้วพลางเอ่ย “ใครใช้ให้เจ้าไม่เชื่อฟังเล่า ยามนี้คิดได้แล้วหรือ”

เซียวเชียนจย่งก้มหน้าต่ำลง มองหนานกงมั่วอย่างน่าสงสาร หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “วางใจเถิด พี่ชายเจ้าย่อมลงมืออย่างรอบคอบ” ไม่มีทางทำอันใดเสียหาย

สิ่งที่คุณชายเซียวสามมิอาจรู้ก็คือ เว่ยจวินมั่วไม่ได้ลงโทษเขาหลังจากกลับมา ทว่าเพียงไม่กี่วันหลังจากที่เขาแอบหลงดีใจเพราะคิดว่ารอดพ้นจากอันตรายไปแล้วนั้น จดหมายจากเยี่ยนอ๋องก็ส่งจากทางเหนือมายังจินหลิงอย่างรวดเร็ว วันนั้นผู้ส่งสารที่เยี่ยนอ๋องส่งมาลงโทษคุณชายเซียวสามอย่างหนักต่อหน้าพี่ชายทั้งสอง รวมถึงลูกพี่ลูกน้องชายและพี่สะใภ้ด้วย ถึงขั้นไม่สามารถลุกขึ้นจากเตียงได้ไปสามวันห้าวัน

“กราบทูลฝ่าบาท ผู้ตรวจการสอบสวน ขั้นสอง ขุนนางเว่ย ขอเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ” ภายในห้องทรงอักษร ขณะเซียวเชียนเยี่ยกำลังตรวจฎีกา ขันทีที่อยู่หน้าประตูเอ่ยรายงานอย่างนอบนอบ รุ่งสางเซียวเชียนเยี่ยก็นั่งตรวจดูฎีกาอยู่ในห้องทรงอักษรแล้ว เขายังหนุ่มแน่น แม้ว่าการขึ้นครองบัลลังก์ของเขาจะมีหลายสิ่งที่ไม่เป็นไปอย่างใจ แต่ในเมื่อเขาอยู่ในสถานะนี้แล้ว เขาก็ปรารถนาที่จะเป็นกษัตริย์ที่ดีมีความอุตสาหะ

ได้ยินขันทีรายงาน เซียวเชียนเยี่ยตะลึงงันไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถาม “ใคร”

“กราบทูลฝ่าบาท เว่ยจวินมั่ว ขุนนางเว่ยพ่ะย่ะค่ะ” แม้ว่าเว่ยจวินมั่วจะมีฐานะเป็นผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง แต่เขาก็เข้ารับราชการในราชสำนักด้วยจึงจำเป็นต้องเรียกตำแหน่งทางราชการในโอกาสที่เป็นทางการเช่นนี้

“เว่ยจวินมั่ว เขากลับมาแล้วหรือ” เซียวเชียนเยี่ยเกือบจะทำถ้วยน้ำชาตรงหน้าหก เขานิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “ให้เขาเข้ามา”

เมื่อเห็นขันทีรีบออกไป เซียวเชียนเยี่ยอดนึกรำคาญปฏิกิริยาตอบสนองของตัวเองเมื่อครู่ไม่ได้ ที่จริงเขาไม่จำเป็นต้องกลัวเว่ยจวินมั่วเลย ต่อให้เว่ยจวินมั่วจะเก่งกาจมากกว่านี้ก็เป็นเพียงขุนนางคนหนึ่งและเป็นเพียงผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องเท่านั้น ไม่มีอำนาจหรือกำลังทหารอยู่ในมือด้วยซ้ำ จะมีปัญญาต่อกรอันใดกับเขาได้ เดิมทีเขากลัวว่าเรื่องในหลิงโจวจะถูกเว่ยจวินมั่วเปิดเผย ทว่าตอนนี้เขาขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว เว่ยจวินมั่วจะทำอันใดเขาได้

คิดมาถึงเรื่องนี้ เซียวเชียนเยี่ยก็รู้สึกมั่นใจขึ้นไม่น้อย กลับกลายเป็นยิ่งตั้งตารอให้เว่ยจวินมั่วเข้ามา

จากนั้นไม่นาน เว่ยจวินมั่วก็ปรากฏตัว ณ หน้าประตูห้องทรงอักษร ใบหน้าหล่อเหลาเย็นชาดุจน้ำแข็ง แม้แต่นัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นก็ดูสงบนิ่งราวกับไร้อารมณ์ความรู้สึก รูปร่างสูงสง่า แม้ว่าจะสวมเพียงชุดขุนนางสีม่วงธรรมดา ทว่าเขากลับโดดเด่นราวกับกระบี่ที่ชักออกมาจากฝัก

ไม่แปลกที่เขาไม่ชอบเว่ยจวินมั่ว เซียวเชียนเยี่ยแอบนึกในใจ คนเช่นเว่ยจวินมั่วนั้นมีความสามารถโดดเด่นเกินไป เพียงรูปลักษณ์ภายนอกก็พอจะทำให้บุรุษส่วนใหญ่นึกอิจฉาได้แล้ว อีกทั้งสีหน้าท่าทางอันเรียบเฉยเย็นชาอยู่เสมอ ก็ทำให้ผู้ที่ได้เห็นอดคิดอยากจะกระชากภาพลักษณ์ภายนอกอันแสนเฉยชาของเขาเสียไม่ได้ แล้วดูสิว่าท่าทางตื่นตระหนกของเขาจะเป็นเยี่ยงไร

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *