หมอหญิงยอดมือสังหาร 999 ไม่ได้ทำสุดกำลัง (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 999 ไม่ได้ทำสุดกำลัง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 999 ไม่ได้ทำสุดกำลัง (2)

เฉินซิวไร้ซึ่งคำพูด “การโจมตีคืนนี้ คุณชายไม่กลัวเกิดปัญหาหรือ” ในเมื่อไม่เชื่อในเนี่ยนหย่วน ทว่ากลับยกเรื่องสำคัญเพียงนี้ให้เขาทำ เฉินซิวคิดว่าอันตรายไปสักนิด

หนานกงชวี่เอ่ย “หากพวกเราสงสัยมากเกินไป คืนนี้ก็จะไม่มีปัญหา หากสงสัยถูกแล้ว เจ้าคิดว่าในใจของเขา ตัวเขาเองหรือหนานกงไหวสำคัญกว่า” นอกเสียจากว่าเนี่ยนหย่วนจะเป็นคนของเซียวเชียนเยี่ย ดังนั้นเขาไม่มีทางทำเรื่องที่ไม่เป็นผลดีต่อพวกเขาอย่างแน่นอน

เฉินซิวนิ่งเงียบ เขาคิดว่าเมื่อเทียบกับหนานกงชวี่เขาสามารถมองเห็นปัญหาได้มากมาย แต่ว่าความกล้ายังน้อย เมื่อเทียบกับการใช้คนที่รู้ว่าอาจเกิดอันตราย เขาชอบใช้คนที่ซื่อสัตย์และปลอดภัยมากว่า

เซวียปินและจูเหมิงมองสบตากัน ลอบบันทึกสิ่งที่ทั้งสองคนคุยกันเอาไว้ แม้พวกเขาไม่เก่งกาจเรื่องการวางแผนทว่าก็ไม่ใช่คนโง่ หลายเรื่องสามารถดูออกและเข้าใจได้เป็นอย่างดี

ชายชุดดำปรากฏตัวภายใต้ความมืดอย่างเงียบเชียบ ทำความเคารพอนอบน้อมกับร่างตรงหน้าที่อยู่ไม่ไกล “เจ้าสำนัก”

กงอวี้เฉินหันกลับมา มองไปยังชายชุดดำด้านหลัง “เมืองเผิงเป็นอย่างไรบ้าง”

ชายชุดดำเอ่ย “คุณชายเว่ยนำทัพมายังอวิ๋นตูด้วยตนเองแล้วขอรับ เฉินอวี้เริ่มตีเมืองแล้ว ตอนนี้สงครามเมืองเผิงกำลังดุเดือด”

กงอวี้เฉินพยักหน้า เอ่ย “ที่แท้…ปิดล้อมหยวนชุน คนที่จะซวยต่อไปก็คือหนานกงไหวแล้ว” ชายชุดดำเอ่ยถาม “เจ้าสำนัก ฝั่งหนานกงไหว เราต้องแจ้งเตือนหรือไม่” กงอวี้เฉินยิ้มหยัน “แจ้งเตือนหรือ ทำไมกันเล่า”

เอ่อ…หากหนานกงไหวพ่ายแพ้ ก็ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขวางกองทัพของเยี่ยนอ๋องได้ ถึงตอนนั้น…

กงอวี้เฉินแหงนมองดวงจันทร์เสี้ยว ถอนหายใจเบาๆ “เซียวเชียนเยี่ยจบสิ้นแล้ว หากยังช่วยเขาก็เสียแรงเปล่าเท่านั้น”

ดวงตาของชายชุดดำฉายแววตกตะลึง เยี่ยนอ๋องยังไม่ทันได้ข้ามแม่น้ำหลีเจียง อย่างน้อยเซียวเชียนเยี่ยยังมีประเทศอีกครึ่ง ทว่ายามนี้เจ้าสำนักกลับบอกว่าเซียวเชียนเยี่ยจบสิ้นแล้วอย่างนั้นหรือ

กงอวี้เฉินยิ้มเย็น “ตั้งแต่แรกเริ่ม…ข้าก็ไม่เคยคิดว่าเซียวเชียนเยี่ยจะเอาชนะได้ โชคดี…สองปีนี้นับว่าลดกำลังของทั้งสองฝ่ายลงไปได้มาก ไม่เสียเปล่าที่ข้าพยายามช่วยเขามานาน”

“เช่นนั้นพวกเรา…”

กงอวี้เฉินเอ่ย “ต่อไป ก็เป็นการใช้เล่ห์เหลี่ยมระหว่างข้ากับเยี่ยนอ๋องรวมไปถึงเว่ยจวินมั่วแล้ว สามพี่น้องตระกูลเซียวได้รับจดหมายจากเซียวเชียนเยี่ยแล้วมีปฏิกิริยาเยี่ยงไร”

ชายชุดดำเอ่ย “คุณชายเซียวสามอยู่ไกลถึงเฉินโจวตอนนี้ไม่อาจรู้ได้ เพียงแต่อีกสองคนที่เหลือดูเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาอันใดขอรับ เยี่ยนอ๋องสั่งให้พวกเขาติดตามคุณชายเว่ยมาโจมตีอวิ๋นตู ตอนนี้ต่างก็อยู่ในกองทัพของคุณชายเว่ย ดูเหมือนว่าแผนการของเซียวเชี่ยนเยี่ยจะไม่มีประโยชน์อันใด”

กงอวี้เฉินส่ายศีรษะ เอ่ย “จะเป็นไปได้เยี่ยงไร เพียงตอนนี้เท่านั้น เซียวเชียนจย่งบุ่มบ่ามไร้สมองไม่มีความทะเยอทะยานก็ช่างเถิด เซียวเชียนชื่ออ่อนแอไร้ซึ่งความกล้าไม่ต้องเอ่ยถึง แต่ว่า…เซียวเชียนเหว่ยสามารถอดทนเอาไว้ได้ ดูเหมือนว่าช่วงนี้คงได้รับการสั่งสอนเพียงพอแล้ว เข็มเล่นนี้ของเซียวเชียนเยี่ย เห็นได้ว่าเขาคงไม่ทันอยู่ถึงตอนที่ได้รับการตอบแทนแล้ว” แสงสว่างวาบอยู่ในหัวของชายชุดดำ “ความหมายของเจ้าสำนักก็คือตอนนี้พวกเขากำลังสะกดกลั้นเอาไว้อยู่อย่างนั้นหรือ”

กงอวี้เฉินส่งเสียงหยัน “ยามนี้เว่ยจวินมั่วแข็งแกร่ง อีกทั้งยังมีการสนับสนุนจากเยี่ยนอ๋อง ไม่ว่าใครเป็นศัตรูกับเขาก็ไม่ใช่เรื่องดี ยิ่งไปกว่านั้นแผ่นดินยังไม่สงบ หากตอนนี้ข้าเป็นเซียวเชียนเหว่ยก็เลือกที่จะเก็บเอาไว้”

ชายชุดดำยิ้มพลางเอ่ย “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว รอบ้านเมืองของเยี่ยนอ๋องมั่นคง เกรงว่าคงเป็นเวลาที่คุณชายเซียวเหล่านั้นจะสร้างความลำบากให้เว่ยจวินมั่วแล้ว”

“แผ่นดินมั่นคงหรือ ข้า…ไม่อยากรอให้ถึงตอนนั้น…” กงอวี้เฉินพึมพำเสียงเบา

“เจ้าสำนักหมายถึงอันใดหรือขอรับ”

กงอวี้เฉินครุ่นคิดอยู่นาน ก่อนจะโบกมือ เอ่ย “ช่างเถิด เยี่ยนอ๋องและเว่ยจวินมั่วเริ่มสงสัยข้าแล้ว ตอนนี้อย่าเพิ่งทำสิ่งใดบุ่มบ่าม” ชายชุดดำตกใจ “เช่นนี้สถานการณ์ของเจ้าสำนักกำลังตกอยู่ในอันตรายหรือไม่ขอรับ” กงอวี้เฉินยิ้มหยัน “ขอเพียงคุณชายเสียนเกอหายาถอนพิษไม่ได้ พวกเขาก็ไม่มีทางลงมือกับข้า เพียงแต่ข้าต้องการตัวเบี้ยมากกว่านี้ หากเว่ยจวินมั่วคิดว่าจะกักขังข้าได้ก็ลองดู”

“เจ้าสำนักสั่งการมาได้เลยขอรับ” ชายชุดดำเอ่ยอย่างนอบน้อม

กงอวี้เฉินยื่นซองจดหมายให้เขา เอ่ย “เอาไปให้หนานกงไหว”

ชายชุดดำคนนั้นมองกงอวี้เฉินอย่างสงสัย เจ้าสำนักบอกว่าไม่ช่วยหนานกงไหวและเซียวเชียนเยี่ยแล้วมิใช่หรือ

“ไปเถิด ข้ามีแผนของข้า”

“ขอรับ เจ้าสำนัก”

กลางดึก ค่ายรอบๆ อวิ๋นตูมีไฟโหมลุกไหม้ เสียงฆ่าฟันดังขึ้นเป็นระยะ ทหารที่เพิ่งออกมาจากเขาและทหารที่เว่ยจวินมั่วนำทัพมาต่างบุกเข้าโจมตีค่ายของหนานกงไหวพร้อมกัน เหล่าทหารสู้กันอย่างดุเดือด ทว่าหนานกงไหวมิใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน กระนั้นเขายังสามารถพาทหารตีฝ่าวงล้อมและถอยเข้าไปอยู่ในเมืองอวิ๋นตูได้

กองทัพทั้งสองมารวมตัวกันในสนามรบที่กำลังวุ่นวาย สีหน้าและอารมณ์ของคุณชายเว่ยก็ไม่ดีนัก

“คารวะคุณชายเว่ย”

สายตาเย็นยะเยือกของเว่ยจวินมั่วกวาดมองทุกคน เอ่ย “หนานกงไหวหนีกลับเข้าอวิ๋นตู การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้ทำอย่างสุดกำลัง พวกเจ้ายอมรับโทษหรือไม่”

หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเข้ม “ครั้งนี้พวกเราพลาดเอง ไม่คิดว่าหนานกงไหวจะไหวตัวเร็วเพียงนี้”

เว่ยจวินมั่วส่งเสียงหยัน “ไหวตัวเร็วหรือว่ารู้ข่าวอยู่ก่อนแล้ว”

หนานกงชวี่เงียบไม่เอ่ยวาจา เว่ยจวินมั่วหงุดหงิด โบกมือพลางเอ่ย “ช่างเถิด คืนนี้ถอนกำลังก่อน พรุ่งนี้เช้าตีอวิ๋นตู”

“ขอรับ คุณชาย”

ที่ตั้งค่ายของกองทัพ เว่ยจวินมั่วนั่งอยู่ตำแหน่งเหนือสุดกวาดตามองไปยังเหล่าขุนพลอย่างใจเย็น เอ่ยถาม “พรุ่งนี้โจมตีอวิ๋นตู ทุกท่านมีความเห็นเช่นไร”

นายทหารชั้นสูงหลายคนลุกขึ้นเสนอตัวนำทัพ “ข้ายินดีนำทัพไปก่อน”

สายตาของเว่ยจวินมั่วกวาดผ่านไป สุดท้ายไปหยุดอยู่ที่เนี่ยนหย่วน “ไต้ซือเนี่ยนหย่วน มีความเห็นเช่นไร”

เนี่ยนหย่วนเงียบไปนาน เอ่ย “ตามที่อาตมารู้ หนานกงไหวเชี่ยวชาญการโจมตี ไม่ถนัดการป้องกันเมืองนัก อวิ๋นตูมิได้แข็งแกร่งเท่าเมืองเผิง คิดว่าหากโจมตีคงไม่เป็นปัญหา”

เฉินซิวเอ่ยขึ้น “แม้อวิ๋นตูจะไม่ได้แข็งแกร่งเช่นเมืองเผิง แต่ว่าในเมืองนั้นมีทหารหลายแสน ไม่เป็นปัญหา…คงไม่อาจเอ่ยเช่นนี้ได้”

เนี่ยนหย่วนส่ายศีรษะ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รองแม่ทัพเฉินเข้าใจความหมายของอาตมาผิดแล้ว เมื่อครู่หนานกงไหวรีบร้อนถอยทัพ เสบียงอาหารจะเอาจากที่ใด”

เฉินซิวชะงัก “ความหมายของไต้ซือคือ ปิดล้อมไม่โจมตีอย่างนั้นหรือ”

เนี่ยนหย่วนส่ายศีรษะ “ก็ไม่ถูก ตีอย่างไรก็ต้องตี เพียงแต่ไม่ต้องเสียแรงมากก็เท่านั้น เมื่อเทียบกับการปิดล้อมหนานกงไหวเอาไว้ในเมือง ให้เขาพุ่งออกมาเกรงว่าคงจะวุ่นวายยิ่งกว่ากระมัง ในเมื่อเขายอมเข้าไปเอง ไยพวกเราจะไม่รับน้ำใจนั้นของเขากันเล่า”

เว่ยจวินมั่วหลุบตาลง ใบหน้าเย็นชาหล่อเหลาเผยให้เห็นว่ากำลังครุ่นคิด เห็นชัดว่ากำลังไตร่ตรองถึงสิ่งที่เนี่ยนหย่วนเอ่ย เนิ่นนานจึงพยักหน้า เอ่ย “ไต้ซือกล่าวมีเหตุผล เพียงแต่ข้ารับปากกับเสด็จลุงไว้แล้วว่าจะโจมตีอวิ๋นตูให้ได้ภายในครึ่งเดือน”

เนี่ยนหย่วนยิ้ม เอ่ย “หากคุณชายเว่ยเชื่อใจอาตมา อาตมารับรองได้ว่าจะตีอวิ๋นตูให้ได้ภายในครึ่งเดือน”

เว่ยจวินมั่วเงยหน้าขึ้นมามองสำรวจพระชุดขาวดุจหิมะตรงหน้า เนี่ยนหย่วนไม่หลบเลี่ยง นั่งนิ่งปล่อยให้เขามองได้ตามสบาย แม้แต่รอยยิ้มบนใบหน้าก็ไม่หายไป

เนิ่นนานจึงได้ยินเว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คงต้องรบกวนไต้ซือแล้ว”

“มิกล้า เป็นสิ่งที่อาตมาควรทำ”

เฉินซิวมองเนี่ยนหย่วน จากนั้นมองเว่ยจวินมั่ว พลันยิ้มเอ่ย “ไต้ซือปัญญาล้ำเลิศ ในเมื่อไต้ซือให้คำมั่นไว้แล้ว พวกเราก็คงไม่ต้องกังวลแล้ว”

เนี่ยนหย่วนยิ้ม เอ่ย “รองแม่ทัพเฉินชมเกินไปแล้ว”

คุยเรื่องสำคัญจบแล้ว เนี่ยนหย่วนจึงเอ่ยถาม “ไม่รู้ว่าตอนนี้ร่างกายเยี่ยนอ๋องเป็นอย่างไรแล้ว” นับตั้งแต่เยี่ยนอ๋องบาดเจ็บ เนี่ยนหย่วนได้เจอเยี่ยนอ๋องเพียงครั้งเดียว ในฐานะที่ปรึกษาของเยี่ยนอ๋องไม่ถามไถ่คงไม่เหมาะ เซียวเชียนชื่อเอ่ยตอบ “ขอบคุณไต้ซือที่ห่วงใย เสด็จพ่อสบายดี สามารถลุกขึ้นนั่งได้แล้ว”

“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” เนี่ยนหย่วนยิ้มพลางเอ่ย “ท่านอ๋องกำลังอยู่ในวัยกลางคน บำรุงรักษาให้ดีก็คงจะหายเป็นปกติได้โดยไว”

เซียวเชียนชื่อยิ้ม เอ่ย “ไต้ซือเอ่ยถูกแล้ว พอดีได้ยินมาว่าอีกสองวันคุณชายเสียนเกอก็คงกลับมาแล้ว ครั้งนี้เสด็จพ่อได้รับบาดเจ็บไม่เบา คุณชายเสียนเกอเองก็อยู่ข้างนอก มีคุณชายเสียนเกออยู่พวกเราก็วางใจแล้ว” เนี่ยนหย่วนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “โอ้ คุณชายเสียนเกอจะกลับมาแล้วหรือ ช่างเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ”

หนานกงชวี่เลิกคิ้ว เอ่ยถามเสียงเรียบ “ได้ยินมาว่าเพลงฉินของไต้ซือเนี่ยนหย่วนเองก็ยอดเยี่ยมเหมือนคุณชายเสียนเกอ น่าเสียดายที่ข้าไม่มีวาสนาได้ฟัง”

เอ่ยถึงเรื่องนี้ ทุกคนก็รู้สึกสนใจขึ้นมาไม่น้อบ เซวียปินยิ้ม เอ่ย “ไต้ซือเนี่ยนหย่วนเป็นปรมาจารย์ชั้นยอดในพระพุทธศาสนา ฉิน หมากล้อม อักษร และวาดภาพต่างก็เชี่ยวชาญ คุณชายเสียนเกอเองก็ถูกขนานนามว่าเพลงฉินและวิชาแพทย์ยอดเยี่ยม มีคนเยี่ยมยอดถึงสองคน พวกเรากลับไม่เคยได้ฟัง ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก หากมีโอกาสได้ฟังเพลงบรรเลงจากเซียนดนตรีทั้งสองท่านพร้อมกัน นั่นนับว่าเป็นวาสนาของชีวิตแล้ว”

เฉินซิวคล้ายจะยิ้มทว่าไม่ยิ้ม ปรายตามองเขา “ข้าไม่รู้มาก่อนว่าคุณชายเซวียมีอารมณ์สุนทรีย์เพียงนี้”

เซวียปินไม่มีความละอาย “ยังมีอันใดที่เจ้าไม่รู้อีกเยอะ”

เนี่ยนหย่วนยิ้ม เอ่ย “หากได้ฟังเพลงบรรเลงฉินงดงามของคุณชายเสียนเกอ อาตมาก็คงได้รับการปลอบโยนไปตลอดชีวิตแล้ว”

จูเหมิงตกใจ “เอ๋ คุณชายเสียนเกอและไต้ซือเนี่ยนหย่วนอยู่ในกองทัพของเยี่ยนอ๋องเช่นกัน ไยทั้งสองท่านจึงไม่สนิทกันเล่า” ทั้งสองต่างก็มีชื่อเสียงเรื่องการบรรเลงเพลงฉิน อยู่ในกองทัพเดียวกันกว่าหลายปีทว่าไม่เคยได้ยินเสียงฉินของอีกฝ่าย เห็นได้ว่าทั้งสองนั้นไม่สนิทกันเพียงใด

เซียวเชียนชื่อเองก็เอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม “เดิมทีคุณชายเสียนเกอไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร ไต้ซือเนี่ยนหย่วนเองก็เป็นปรมาจารย์ชั้นยอดในพระพุทธศาสนา มีธุระมากมาย ได้เจอกันน้อยมากจริงๆ” เดิมทีไม่ได้คิดอันใด อย่างไรเสียนเกอและเนี่ยนหย่วนต่างก็ไม่ใช่คนธรรมดาทั้งคู่ แต่เมื่อนั่งฟังพวกเขาพูดคุยกันเซียวเชียนชื่อจึงนึกขึ้นมาได้ว่าในความทรงจำของตนเองนั้นไม่มีความทรงจำที่พวกเขาปรากฏตัวพร้อมกัน สองคนนี้…ไม่สนิทกันมากจริงๆ เซียวเชียนชื่อไม่ได้คิดอันใดมาก เพียงคิดว่านิสัยของทั้งสองอาจจะเข้ากันไม่ได้ อย่างไรยอดฝีมือก็มักมีนิสัยแปลกประหลาด

เว่ยจวินมั่วเคาะที่พักแขนเบาๆ เอ่ยเสียงเรียบ “พวกเจ้าช่างจิตใจเอ้อระเหยนัก”

ได้ยินเช่นนั้น เซวียปินจึงรีบหดลำคอหัวเราะออกมา

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “แต่ก็ไม่เป็นไร อีกไม่กี่วันเสียนเกอก็มาแล้ว พวกเจ้าลองดูว่าจะกล้าฟังเพลงฉินของเขาหรือไม่ เพลงฉินของไต้ซือเนี่ยนหย่วนข้าเคยฟังมาแล้วไม่กี่ครั้ง เป็นเพลงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ”

เนี่ยนหย่วนหลุบตาลง ยิ้มบาง เอ่ย “คุณชายชื่นชม อาตมามิกล้ารับ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *