หมอหญิงยอดมือสังหาร 997 การปลอบใจของหนิงอ๋อง (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 997 การปลอบใจของหนิงอ๋อง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 997 การปลอบใจของหนิงอ๋อง (2)

“เอ่อ…ช่างเถิดพ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อเชื่อมั่นใจตัวพี่ชาย กระหม่อมเองก็เชื่อมั่นในตัวพี่ชาย ก่อนหน้านี้เป็นกระหม่อม…กระหม่อมเองที่พลาด” เซียวเชียนจย่งฝืนยิ้ม มักรู้สึกว่ารอยยิ้มของหนิงอ๋องยิ่งเป็นมิตรก็ยิ่งน่ากลัว

“จริงหรือ เจ้าจะไม่เสียใจหรือ” หนิงอ๋องเอ่ยเสียงเบา “ต่อให้ไม่มีเว่ยจวินมั่ว เจ้าไม่ลองคิดหน่อยหรือว่าจะดึงข้าไปเป็นพวกอย่างไร”

“ไม่…ไม่ต้องพ่ะย่ะค่ะ…” เซียวเชียนจย่งแทบอยากพุ่งตัวหนีออกไป เขายอมให้เสด็จพ่อโบยทุกวัน โดนพี่ชายโจมตีทุกด้านไร้ทางหนี แต่ไม่อยากเผชิญหน้ากับเสด็จอาสิบเจ็ดเช่นนี้อีกแล้ว เสด็จอาสิบเจ็ดเอ่ยถูกแล้ว เขาไม่เหมาะกับการคิดมาก

เห็นท่าทางเกือบจะร้องไห้ออกมาของเขา หนิงอ๋องก็สนุกสนานขึ้นมา “เพียงล้อเจ้าเล่น ไยจึงตกใจขนาดนี้เล่า เด็กดี ในเมื่อเข้าใจแล้วก็กลับไปพักผ่อนให้ดีเถิด อย่าได้ใจลอยบ่อยนัก ระวังจะถูกตัดหัวในสงคราม ข้าไม่มีคนไปคืนเสด็จพ่อเจ้านะ”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จอาสิบเจ็ด” เซียวเชียนจย่งราวกับได้รับการอภัยโทษ รีบลุกขึ้นกล่าวลาทันที

ด้านนอกกระโจมห่างออกไปไม่กี่ก้าว คุณชายฉังเฟิงกำลังเอนหลังพิงเสาธงหลับตาลง ผู้คนเดินไปมาเห็นเขาเป็นเช่นนั้นก็ไม่กล้าเข้ามารบกวน เดินผ่านเขาไปเงียบๆ ไม่นานคุณชายฉังเฟิงจึงลืมตาขึ้น ดวงตาฉายแววประหลาดใจและสนใจบางอย่างขึ้นมา หันไปมองกระโจมใหญ่ตรงหน้า สะบัดแขนเสื้อและเดินช้าๆ ออกไป

“เหอะ มิน่าเล่าครั้งนั้นเซียวเชียนเยี่ยถึงได้ไล่ล่าพวกเราราวกับหมาบ้า ที่แท้ก็เพราะเรื่องนี้เอง น่าสนใจ”

ค่ายทหารเมืองเผิง

“รายงานคุณชาย จดหมายลับจากคุณชายฉังเฟิงขอรับ” ในกระโจมใหญ่ องครักษ์คนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างรีบร้อน สองมือยื่นซองจดหมายให้เว่ยจวินมั่ว

เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้ว ยื่นมือไปรับซองจดหมายมาอ่านเนื้อหาด้านในหนึ่งรอบ “รู้แล้ว ออกไปเถิด” ใบหน้ายังคงเรียบนิ่ง เว่ยจวินมั่วกำจดหมายในมือเป็นก้อนกลมไว้ในมือ เวลาไม่นานพลันแหลกสลายเป็นชิ้นๆ ร่วงลงไป

“ขอรับ คุณชาย”

รอกระทั่งองครักษ์ออกไปแล้ว เว่ยจวินมั่วจึงหลุบตาลงครุ่นคิดอยู่นาน จึงอ่านหนังสือและสมุดพับในมือต่อไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น

“รายงานคุณชาย ท่านอ๋องเชิญขอรับ”

ด้านนอก มีเสียงดังขึ้น

“รู้แล้ว”

เว่ยจวินมั่วลุกขึ้น เดินตรงออกไป

ในกระโจมเยี่ยนอ๋อง เยี่ยนอ๋องผ่านการรักษามานานหลายวัน สามารถลุกขึ้นนั่งได้แล้ว ยามนี้กำลังนั่งอยู่บนเบาะนุ่ม ด้านหลังมีเบาะหนาหนุนอยู่เพื่อไม่ให้ออกแรงมาก ในกระโจมมีเฉินอวี้ เซียวเชียนชื่อ เซียวเชียนเหว่ย อีกทั้งเหล่านายทหารชั้นสูงอยู่ไม่กี่คน เห็นเว่ยจวินมั่วเดินเข้ามาทุกคนจึงรีบลุกขึ้นทำความเคารพ เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ “เสด็จลุง”

เยี่ยนอ๋องพยักหน้า ชี้ไปยังที่นั่งแรกขวามือของตนที่เว้นว่างอยู่เป็นเชิงให้เขานั่งลง เว่ยจวินมั่วลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นจึงเดินไปนั่งลง

เยี่ยนอ๋องรอจนเขานั่งลงแล้วจึงเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง “ช่วงที่ผ่านมา เพราะข้าบาดเจ็บจึงทำให้เสียเวลาไปหลายเรื่อง เมื่อครู่ได้รับข่าว สือจิ้งเซียงได้รับคำสั่งให้นำทัพทหารสามแสนนายมุ่งหน้าไปเฉินโจวแล้ว ยามนี้รอบๆ เมืองเผิงบวกกับทหารในเมืองของเซ่าจงแล้วมีไม่ถึงห้าแสน พวกเรา…ควรลงมือได้แล้ว” แม้ว่าทหารของราชสำนักจะมีจำนวนมากกว่าพวกเขา แต่ความแตกต่างเพียงเท่านี้ใช่ว่าจะไกลจนไม่อาจเอื้อม ยิ่งไปกว่านั้นกองทัพเฉินโจวเป็นอย่างไรยังไม่เอ่ยถึง เยี่ยนอ๋องมั่นใจว่าทหารของกองกำลังรักษาการณ์โยวโจวเก่งกาจกว่าทหารของราชสำนักอย่างแน่นอน

เซียวเชียนเหว่ยมองเยี่ยนอ๋อง ลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “แต่ว่า เสด็จพ่อ…บาดแผลของพระองค์…” แม้เยี่ยนอ๋องจะลุกนั่งได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาสามารถนำทัพโจมตีเมืองได้ แม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องให้เขาออกรบเอง แต่ตกอยู่ในวงล้อมก็ไม่ได้ ตอนนั้นหนานกงมั่วเองก็บอกว่าบาดแผลของเยี่ยนอ๋องจำเป็นต้องรักษาอยู่หลายเดือน แน่นอนว่าไม่ใช่การพูดเล่น

เยี่ยนอ๋องโบกมือพลางเอ่ย “ข้ารู้ แต่เวลาไม่รอใคร แม้ว่าแผนการของจวินเอ๋อร์จะทำให้กองทัพของราชสำนักอ่อนล้า แต่อย่างไรเราก็ต้องแข่งกับเวลา หากพวกเขาวกกลับมาหรือสามารถช่วยหยวนชุนออกมาได้ สิ่งที่ทำมาก่อนหน้านี้คงสูญเปล่า”

เซียวเชียนเหว่ยพยักหน้าไม่เอ่ยสิ่งใดอีก

เยี่ยนอ๋องเอ่ย “ดังนั้น ทุกคนฟังคำสั่ง”

“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”

เยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงเข้ม “ทหารแบ่งออกเป็นสองทาง เฉินอวี้นำทัพกองกำลังรักษาการณ์โยวโจวบุกโจมตีเมืองเผิงเต็มกำลัง ภายในครึ่งเดือนไม่อาจโจมตีเมืองเผิงได้…”

เฉินอวี้ฮึกเหิม เอ่ยเสียงเข้ม “ภายในครึ่งเดือน หากไม่อาจโจมตีเมืองเผิงได้ กระหม่อมจะยอมสู้จนตัวตายพ่ะย่ะค่ะ” แม้ทุกวันนี้ก็ยังสู้กันอยู่ ความจริงต่างฝ่ายต่างสะกดกลั้น ไม่เพียงคนคุ้มกันเมืองที่รู้สึกไม่ชอบใจ พวกเขาเองก็โมโหอยู่ในใจเช่นกัน

เยี่ยนอ๋องพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เว่ยจวินมั่ว จัดการกับหนานกงไหวเสีย”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เยี่ยนอ๋องหันไปมองบุตรชายทั้งสอง เอ่ย “พวกเจ้าสองคน ติดตามจวินเอ๋อร์เถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”

เยี่ยนอ๋องหันไปมองเว่ยจวินมั่ว เอ่ย “ครึ่งเดือน สามารถยึดอวิ๋นตูได้หรือไม่”

เว่ยจวินมั่วหลุบตาลง พยักหน้าเบาๆ

เห็นได้ว่าเยี่ยนอ๋องพอใจเป็นอย่างยิ่ง “เอาล่ะ ไปเถิด”

“กระหม่อมขอตัวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ทุกคนค่อยๆ ทยอยออกไป ในกระโจมใหญ่เหลือเยี่ยนอ๋องเพียงคนเดียว เยี่ยนอ๋องนิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะยกมือเคาะพนักเก้าอี้ไม่กี่ครั้ง เวลาไม่นานก็มีคนที่ดูเหมือนองครักษ์ทั่วไปเดินเข้ามา เดินมาคุกเข่าลงตรงหน้าเยี่ยนอ๋อง “ท่านอ๋อง”

เยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงเข้ม “จดหมายของเซียวเชียนเยี่ย ถูกส่งไปถึงมือคุณชายทั้งสามแล้วหรือ”

“กระหม่อมไร้ความสามารถ ช้าไปหนึ่งก้าว คุณชายทั้งสามได้…”

เยี่ยนอ๋องยิ้มหยัน “เซียวเชียนเยี่ยเจ้าเด็กคนนั้นชอบเล่นอันใดโง่ๆ เสียหมากดีๆ ทิ้งไปจำนวนมาก”

“ท่านอ๋อง คุณชายทั้งสาม…” องครักษ์เอ่ยเสียงเบา

เยี่ยนอ๋องหลับตาลงเงียบไปนาน “บนโลกใบนี้ไม่มีความลับตลอดไป ฝั่งเชียนจย่งข้าไม่กังวล มีน้องสิบเจ็ดอยู่เขาไม่อาจก่อเรื่องอันใดได้ ให้คนจับตามองเชียนชื่อและเชียนเหว่ยเอาไว้” องครักษ์พยักหน้า “กระหม่อมจะกลับไปจัดการ ท่านอ๋อง…” องครักษ์ไม่เข้าใจเล็กน้อย “ในเมื่อท่านอ๋องกังวลคุณชายทั้งสอง ไยถึงส่งไปอยู่ข้างกายคุณชายเว่ยพ่ะย่ะค่ะ”

เยี่ยนอ๋องถอนหายใจ เอ่ย “ข้าหวังมาตลอดว่าการติดตามจวินเอ๋อร์ พวกเขาจะได้เรียนรู้สิ่งใดมาบ้าง ยามนี้ดูเหมือน…”

สำหรับความคิดของเยี่ยนอ๋อง องครักษ์ไม่เห็นด้วยนัก ความจริงคุณชายทั้งสามใช่ว่าจะไร้ความสามารถ หากอยู่ในตระกูลทั่วไปคงเป็นอัจฉริยะ น่าเสียดายที่พวกเขาเกิดในตระกูลเชื้อพระวงศ์ มีคุณชายเว่ยที่ยอดเยี่ยมมาเปรียบเทียบก็ยิ่งดูธรรมดามากขึ้น อีกทั้งคนอย่างคุณชายเว่ย เห็นชัดว่าไม่ใช่คนที่คนทั่วไปจะเลียนแบบได้ หากเอ่ยถึงการศึกษา คุณชายในจวนอ๋องทั้งสามคนจะด้อยไปกว่าคุณชายเว่ยที่ไม่ได้รับการยอมรับและไม่เป็นที่โปรดปรานตั้งแต่เด็กหรือ ทว่าดูตอนนี้ ไม่ว่าเซียวเชียนเยี่ยที่เป็นหวงจั่งซุน คุณชายผู้สืบทอดจวนต่างๆ มีสักคนหรือที่จะเทียบคุณชายเว่ยได้ อย่างเช่นท่านอ๋องและหนิงอ๋อง คนหนึ่งวุ่นอยู่ในสงคราม อีกคนอยู่ในวังหลังไม่มีคนสนใจ ทว่าต่างสามารถกุมอำนาจบัญชาการเขตชายแดนได้ บรรดาผู้ปกครองเมืองในตอนนี้ไม่มีผู้ใดได้รับการสั่งสอนมาจากนักปราชญ์อาจารย์ผู้มีชื่อเสียงมาตั้งแต่ยังเด็ก เห็นได้ว่าสิ่งเหล่านี้ได้มาโดยธรรมชาติจริงๆ

เพียงแต่ท่านอ๋องมีความคิดเช่นนี้ นั่นเป็นเพราะความรักของบิดาที่มีต่อลูก แม้ว่าท่านอ๋องจะไม่เคยเอ่ยออกมา แต่ก็คอยไตร่ตรองเผื่อคุณชายทั้งสามมาตลอด แต่คุณชายทั้งสามจะรับรู้หรือไม่ก็ไม่อาจบอกได้

ลังเลอยู่ชั่วครู่ องครักษ์จึงตัดสินใจถามให้ชัดเจนจะดีกว่า “หากคุณชายทั้งสอง…” คุณชายเว่ยมีดวงชะตาวันเกิดเช่นนั้น แม้แต่อดีตฮ่องเต้และฮ่องเต้องค์ปัจจุบันยังไม่อาจปล่อยวางได้ ยิ่งไปกว่านั้นคุณชายทั้งสอง

เยี่ยนอ๋องดวงตาทะมึนลง เอ่ยเสียงเข้ม “ดูไปก่อนเถิด อย่าให้พวกเขาทำเสียเรื่องเป็นพอ”

“กระหม่อมรับบัญชา” องครักษ์เอ่ยเสียงเข้ม

ในกระโจมที่เงียบสงัด เซียวเชียนชื่อนั่งเหม่อลอยมองจดหมายในมือ นับตั้งแต่สองวันก่อนที่ได้รับจดหมายฉบับนี้เขาก็ไม่อาจนอนหลับได้สนิท ที่แท้…เสด็จอาฉังผิงยอมถูกเข้าใจผิดมายี่สิบกว่าปีก็ไม่ยอมเผยชาติกำเนิดของพี่ชาย เพราะเหตุนี้เองหรอกหรือ

ดวงดาวทั้งสามพร่างพราวพร้อมเพรียง วีรบุรุษถือกำเนิด แผ่นดินเปลี่ยนผู้ปกครอง

จดหมายในมือเป็นดั่งของร้อน ร่วงหล่นลงไปบนโต๊ะ ตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัวเดิมทีควรจะธรรมดา เวลานี้ดูเหมือนจะทำให้คนต้องตระหนกตกใจ

หลายวันมานี้ เซียวเชียนชื่อคิดไปมากมาย สติปัญญาของพี่ชาย กองทัพเฉินโจวของพี่ชาย อีกทั้งความเชื่อใจและความสำคัญที่เสด็จพ่อมีให้พี่ชาย เสด็จพ่อคงรู้วันเกิดของพี่ชายอย่างแน่นอน เช่นนั้น…เสด็จพ่อไม่เชื่อหรือ ยิ่งคิดสมองก็ยิ่งสับสน สีหน้าของเซียวเชียนชื่อแสดงออกถึงความเจ็บปวด เนิ่นนานจึงสูดหายใจเข้าลึกลืมตาขึ้นมา

เขายื่นมือไปหยิบจดหมายที่อยู่บนโต๊ะ ขย้ำเป็นก้อนกลมแล้วโยนลงไปในเตาไฟตรงหน้า เวลาผ่านไป ในเตาจึงเกิดควันขึ้นมา จดหมายถูกเผาไหม้กลายเป็นเถ้าไปแล้ว

เห็นเช่นนั้น คิ้วที่ขมวดมุ่นของเซียวเชียนชื่อจึงคลายออก ในเมื่อแม้แต่เสด็จพ่อยังไม่ใส่ใจ เช่นนั้น…เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องสนใจนัก ด้วยความสามารถของพี่ชาย…ต่อให้เขาต้องการบัลลังก์เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องยาก หากไม่ใช่เพราะพี่ชาย ไม่แน่ว่าจวนเยี่ยนอ๋องและกองทัพโยวโจวคงพ่ายแพ้ไปนานแล้ว ดังนั้น…เอาเช่นนี้ไปก่อนแล้วกัน

มองดูควันค่อยๆ สลายหายไป ในที่สุดมุมปากของเซียวเชียนชื่อจึงปรากฏรอยยิ้มจางๆ ขึ้นมา

“พี่ใหญ่” เสียงดังของหย่งเฉิงจวิ้นจู่ดังมาจากด้านนอก ม่านกระโจมถูกเปิดมาจากด้านนอก หย่งเฉิงจวิ้นจู่เดินเข้ามา เพียงเดินเข้าประตูมาก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “พี่ใหญ่ ท่านเผาอันใดในกระโจมหรือ” เซียวเชียนชื่อยิ้มพลางเอ่ย “ไม่มีอันใด หย่งเฉิงมาทำไมหรือ”

หย่งเฉิงจวิ้นจู่เอ่ย “พี่ใหญ่ พี่ชายถามว่าท่านเตรียมตัวเสร็จแล้วหรือ จะออกเดินทางแล้ว”

เซียวเชียนชื่อจริงจังขึ้นมา ลุกขึ้นพลางเอ่ยตอบ “เตรียมตัวเสร็จแล้ว ข้าจะไปหาพี่ชายเดี๋ยวนี้”

หย่งเฉิงจวิ้นจู่รู้สึกอิจฉาเซียวเชียนชื่อ “น่าเสียดายหย่งเฉิงเป็นสตรี ไม่อาจไปสนามรบกับพี่ใหญ่ได้”

เซียวเชียนชื่อยิ้มลูบผมน้องสาว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าอยู่ในค่ายเป็นเพื่อนเสด็จพ่อให้ดีก็พอ เดี๋ยวพี่ใหญ่ก็กลับมา”

หย่งเฉิงจวิ้นจู่พยักหน้า เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ได้เจ้าค่ะ ขอให้พี่ใหญ่ได้รับชัยชนะ”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเซียวเชียนชื่อยิ่งชัดเจนมากขึ้น “พี่ใหญ่ขอบคุณหย่งเฉิง ไปกันเถิด”

สองพี่น้องเดินตามกันออกไปจากกระโจม นอกประตูค่ายห่างออกไปไม่ไกล กองทัพเฉินโจวยืนรออย่างพร้อมเพรียง เตรียมพร้อมออกเดินทาง เซียวเชียนชื่อสูดหายใจเข้าลึกแล้วเดินมุ่งหน้าตรงออกไป

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *