หมอหญิงยอดมือสังหาร 865 พ่อลูกพบกัน (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 865 พ่อลูกพบกัน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 865 พ่อลูกพบกัน (1)

หญิงสาวในอาภรณ์สวยงามจับแขนของชายผู้นั้นแล้วเอ่ยเสียงหวาน “พี่ใหญ่หวง ท่านคุยอันใดไร้สาระกับพวกนางกัน ปล่อยให้พวกนางถูกจับไปเลย หญิงชั้นต่ำสองคนนี้กล้าหลอกข้าทำให้ข้าดูเป็นตัวตลก ข้าอยากฟาดหน้าพวกนางนัก”

ชวีเหลียนซิงหาวอย่างเกียจคร้านด้วยท่าทางสง่างาม “อิจฉาก็พูดมาเถิด ข้าเองก็รู้…ว่าตนเองน่าอิจฉาจริงๆ”

“เจ้า…”

“อาจารย์ พวกท่านมีอันใดกันหรือ อาจารย์ฉินบอกว่าเดินหลงกับพวกท่าน” ซังเจี้ยวเบียดตัวออกมาจากด้านหลังฝูงชน และรีบวิ่งไปยังข้างกายหนานกงมั่วทันที

“อา…อาเจี้ยวหรือ” ด้านหลังแววตาประหลาดใจฉายชัดบนใบหน้าของชายหนุ่ม ท่าทางเขาไม่แน่ใจเล็กน้อย

เมื่อได้ยินเสียงของเขาร่างกายของซังเจี้ยวก็หยุดชะงักไปชั่วคราวและแข็งเกร็งขึ้นเล็กน้อย

หนานกงมั่วเลิกคิ้วแล้วจึงตบไหล่เขาอย่างปลอบโยน เอ่ยถามเบาๆ ว่า “คนรู้จักหรือ”

“ไม่รู้จัก” น้ำเสียงและสีหน้าของซังเจี้ยวยิ่งเย็นชาและไร้อารมณ์ใดๆ หนานกงมั่วราวกับเห็นเด็กคนนั้นที่เดินตามลำพังบนถนนและทะเลาะกับคนอื่นเพราะความโชคร้ายของมารดาและน้องสาว แม้ว่าซังเจี้ยวจะมีชีวิตชีวามากขึ้นในทุกวันนี้ แต่ทุกคนที่รู้จักเขาล้วนรู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ร่าเริงและประพฤติดีเหมือนตอนที่เขาอยู่ต่อหน้าหนานกงมั่ว ในทางกลับกันเขาปฏิบัติต่อคนทั่วไปแปลกแยกและเย็นชามาก

ชายหนุ่มมีสีหน้าอึมครึมลงทันทีเมื่อได้ยินวาจานั้น “เหลวไหล เจ้าลูกดื้อ…”

“แล้วอย่างไร” ซังเจี้ยวหันกลับไป จ้องมองชายตรงหน้าอย่างเย็นชา ชายหนุ่มมองหญิงสาวในอาภรณ์สวยข้างๆ เขาอ้าปากขึ้นแต่กลับไม่ได้เอ่ยอันใดออกมา แม้ว่าหญิงสาวจะเอาแต่ใจแต่ก็ไม่ใช่คนโง่ นางหันศีรษะไปมองชายหนุ่ม จากนั้นมองไปที่ซังเจี้ยวแล้วจึงเอ่ย “พี่ใหญ่หวง เขาคือเด็กคนที่ท่านป้าบอกว่าไปกับผู้หญิงคนนั้นหรือ”

สีหน้าชายหนุ่มกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เอ่ยเสียงต่ำ “เวยเอ๋อร์ ทำให้เจ้าขบขันแล้ว”

หญิงสาวในอาภรณ์สวยงามแย้มยิ้ม “จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร เรื่องพวกนี้ท่านป้าบอกกับข้าแล้ว ทั้งยังมิใช่ความผิดของพี่หวงสักหน่อย ข้าไม่ใส่ใจหรอก แต่ว่า…เด็กคนนี้เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลหวง พี่ใหญ่หวงพาเขากลับบ้านดีกว่าหรือไม่เจ้าคะ”

ชวีเหลียนซิงที่ยืนอยู่ข้างๆ หนานกงมั่วเลิกคิ้วเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ ดูท่าคุณหนูผู้สูงส่งคนนี้จะไม่ใช่พวกหุนหันพลันแล่นไร้ประโยชน์เสียทีเดียว เพียงเห็นสายตาที่นางมองซังเจี้ยวเพียงแวบเดียวนั้นแล้ว ชวีเหลียนซิงที่ไม่เพียงแต่เคยอยู่ในหอนางโลมทว่ายังเคยอยู่ในเรือนหลังของคนมีเงินด้วยก็เข้าใจเจตนาของนางได้ถึงเจ็ดส่วนแล้ว

แล้วก็เป็นเช่นที่คิด ชายหนุ่มผู้นั้นมองหญิงสาวอย่างซาบซึ้ง “เวยเอ๋อร์ เจ้าเป็นผู้หญิงที่ใจดีและมีคุณธรรมจริงๆ”

ร่องรอยของความเป็นปรปักษ์วาบขึ้นในดวงตาของซังเจี้ยวทันที แต่ก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว เขาดึงแขนเสื้อของหนานกงมั่วพลางเอ่ย “อาจารย์ พวกเรากลับกันเถิดขอรับ”

หนานกงมั่วเหลือบตามองชายหญิงคู่นั้นเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า “ไปกันเถิด” เดิมทีนี่ก็เป็นเรื่องของซังเจี้ยว หากซังเจี้ยวไม่ต้องการจะใส่ใจ นางก็จะไม่ไปเข้าไปยุ่งวุ่นวายแทนเขา หนานกงมั่วส่งสัญญาณให้ชวีเหลียนซิงจัดการให้คนไปส่งชายชรากลับบ้านก่อนจะดึงซังเจี้ยวให้หันหลังกลับ เงินยี่สิบตำลึงไม่ใช่จำนวนน้อยๆ ที่ตรงนั้นมีผู้ชมเหตุการณ์มากมายเพียงนั้น นางและหญิงสาวในอาภรณ์สวยงามที่ทะเลาะกัน แต่หากมันทำให้ชายชราต้องเจ็บตัวในท้ายที่สุดก็คงเป็นความผิดของพวกนางแล้ว

“หยุดนะ” เมื่อชายหนุ่มเห็นว่าทั้งสองเพิกเฉยต่อตนเองก็ยิ่งโกรธรุนแรงขึ้น “แม่เจ้าสอนเจ้ามาแบบนี้หรือ พอเห็นพ่อแล้วจึงไม่รู้จักทักทายถามไถ่สักคำ”

ไม่พูดถึงมารดาก็ยังดี แต่พอซังเจี้ยวได้ยินคำนั้น มือของเขาที่หนานกงมั่วจับมือไว้อยู่ก็สั่นขึ้นมาทันที ในที่สุดเขาก็ดึงมือออกมาจากมือนาง แล้วหมุนกายพุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มทันที ชายหนุ่มชะงักงันไปครู่หนึ่ง แต่เขาไม่รู้ว่าซังเจี้ยวต้องการจะทำสิ่งใด หนานกงมั่วเห็นท่าไม่ดี ร่างของนางจึงวาบไปปรากฏขึ้นด้านหลังซังเจี้ยวในชั่วพริบตาก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งจับมือขวาของเขาและบิดไพล่ไปด้านหลัง หยิบเอามีดสั้นเล่มหนึ่งออกไปจากมือเขาในชั่วพริบตาที่ไม่มีใครเห็น ไม่ว่าซังเจี้ยวอยากจะแก้แค้นคนผู้นี้อย่างไรแต่จะให้เขาฆ่าคนผู้นี้กลางถนนไม่ได้ การฆ่าบิดาด้วยมือของตนเองไม่ใช่สิ่งที่ซังเจี้ยวในวัยนี้จะทนรับได้ หนานกงมั่วไม่สนใจชีวิตของผู้ชายเลวๆ คนนี้ แต่ไม่สามารถปล่อยให้ชีวิตผู้ชายเลวๆ คนนี้มาทำลายชีวิตที่เหลือของซังเจี้ยวได้

“อาจารย์! อาจารย์ท่านปล่อยข้านะ!” เห็นได้ชัดว่าซังเจี้ยวสะเทือนใจมากจนเสียสติและดิ้นรนอยู่ในอ้อมแขนของหนานกงมั่วไม่หยุด

ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็เข้าใจได้ในทันทีว่าการกระทำก่อนหน้านี้ของซังเจี้ยวที่พุ่งเข้ามาหาเขาน่าจะเป็นเจตนาไม่ดี จึงโกรธมากจนหน้าเขียวหน้าแดง นิ้วที่ชี้ไปที่ซังเจี้ยวสั่นเทา “ลูกเนรคุณ! เจ้ายังคิดที่จะ…”

สายตาเย็นชาและเคร่งขรึมของหนานกงมั่วทำให้เขาหยุดพูด หนานกงมั่วควบคุมศิษย์ของตนที่กำลังดิ้นรนด้วยมือข้างหนึ่ง เอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “ในเมื่อเป็นคนรู้จักของอาเจี้ยว เราก็ไปคุยกันที่อื่นกันเถิด”

ชายหนุ่มและหญิงสาวในอาภรณ์สวยงามย่อมมิใช่คนโง่เช่นกัน เมื่อสลัดความโกรธและความริษยาในตอนแรกออกไปได้แล้ว พวกเขาย่อมเห็นได้ชัดว่าสถานะของพวกหนานกงมั่วไม่ใช่ธรรมดา ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น เพียงดูเครื่องแต่งกายของซังเจี้ยวที่แม้จะไม่ได้หรูหราหรือดูร่ำรวย แต่วัสดุและทักษะฝีมือนั้นเป็นของชั้นยอด เขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าสภาพของซังเจี้ยวกับมารดาและน้องสาวเป็นอย่างไรยามที่ถูกไล่ออกจากบ้านไป เพียงในเวลาไม่นานซังเจี้ยวพลันเปลี่ยนแปลงกลับตาลปัตร เห็นได้ชัดว่าพวกเขาโชคดีพอที่จะได้พบกับครอบครัวที่ดี เมื่อครู่นี้ก็เหมือนจะได้ยินซังเจี้ยวเรียกหญิงในอาภรณ์สีน้ำเงินว่าอาจารย์ด้วย…พอคิดถึงเรื่องนี้ก็อดรู้สึกดูถูกดูแคลนมากขึ้นไม่ได้ ตัวเขาเป็นถึงบัณฑิต แล้วผู้หญิงคนนั้นจะสั่งสอนอันใดเด็กนั่นได้หรือ

“พวกเจ้าคิดจะทำอันใด” หญิงสาวในอาภรณ์สวยจับจ้องพวกเขาอย่างระแวดระวัง เอ่ยขึ้นเสียงดัง “อย่าได้คิดจะใช้อำนาจกลั่นแกล้งผู้อื่น อย่าคิดว่าพวกเจ้ามีคนมากแล้วจะทำอันใดรก็ได้ พวกเราก็พาคนมาด้วยเช่นกัน”

ชวีเหลียนซิงมองไปรอบๆ โดยไม่เอ่ยอันใด เอ่ยถามขึ้นว่า “แม่นางท่านนี้บอกว่าพวกข้ามีคนมากนี่หมายถึงเด็กคนนี้หรือ” อีกฝ่ายเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง แม้ว่าพวกนางจะมีชายหนึ่งหญิงสอง แต่เจ้าเด็กซังเจี้ยวเพิ่งจะอายุสิบเอ็ดขวบเท่านั้น พวกนางเอาเปรียบตรงไหนกัน

สายตาของชายหนุ่มหันมองไปรอบกายหนานกงมั่วและชวีเหลียนซิง ทันใดนั้นเขาก็ยื่นมือออกไปห้ามหญิงสาวไว้แล้วประสานมือให้คนทั้งสอง “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เอาตามแม่นางทั้งสองว่าเถิด”

หนานกงมั่วพยักหน้าแล้วดึงให้ซังเจี้ยวหมุนตัวเดินไปข้างหน้า ไม่นานคนทั้งกลุ่มก็มาถึงทะเลสาบซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาดกลางคืนแต่ดูเงียบสงบกว่า ยามนี้ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว ผู้คนบนถนนต่างพากันไปเดินตลาดกลางคืนเพื่อชมโคมไฟ ข้างทะเลสาบจึงเงียบสงบ เนื่องจากเป็นเทศกาลไหว้พระจันทร์ ค่ำคืนนี้ในเมืองจึงไม่มีกำหนดเวลาไม่ให้ออกจากบ้าน เพียงบางครั้งอาจเห็นคนเดินถือโคมไฟริมทะเลสาบอยู่บ้างคนสองคน ยิ่งทำให้ทั้งทะเลสาบดูสงบและมืดมากขึ้นเท่านั้น

หนานกงมั่วยืนอยู่ใต้ต้นหลิวริมทะเลสาบ ปล่อยมือของซังเจี้ยวเป็นอิสระแล้วจึงเอ่ยเสียงเรียบ “หุนหันพลันแล่นเช่นนี้จะมีอันใดดีกับเจ้า ถ้าเจ้าเกลียดเขามากเพียงนี้จริงๆ ให้อาจารย์ช่วยเจ้าฆ่าคนก็ได้แล้ว”

ซังเจี้ยวเม้มริมฝีปากไม่ยอมเอ่ย

ชายหนุ่มที่ตามมาได้ยินคำพูดครึ่งหลังของหนานกงมั่ว ทันใดนั้นใบหน้าของเขาพลันซีดเซียวลงทันที เขาเพียงแต่มองไปยังซังเจี้ยวด้วยสายตาโกรธขึ้งกว่าเดิม “ลูกเนรคุณ เจ้าอยากจะฆ่าพ่อตัวเองจริงหรือ เนรคุณอะไรอย่างนี้…”

“หุบปาก” สีหน้าซังเจี้ยวเย็นชา “ท่านแซ่หวง ข้าแซ่ซัง ท่านมีสิทธิ์อันใดมาบอกว่าเป็นพ่อข้าหรือ พ่อของข้าเป็นสัตว์เดรัจฉาน ท่านเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *