หมอหญิงยอดมือสังหาร 215 ลุงที่คอยปกป้อง (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 215 ลุงที่คอยปกป้อง (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การเคลื่อนไหวครั้งนี้ของฮ่องเต้ดูไม่ธรรมดาเลย ไม่เพียงทดสอบนาง ขณะเดียวกันยังเป็นการระมัดระวังต่อโอรสของตนอีกด้วย คิดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของหนานกงมั่วจึงสงบและอ่อนโยนขึ้นมาก ราวกับคลื่นในใจเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้น

“ชิงสิงก็นั่งลงเถิด” เยี่ยนอ๋องเอ่ย “น้องห้า ที่ข้าบอกกับเจ้าก่อนหน้านี้…รอชิงสิงแต่งกับอู๋สยาแล้วไปอยู่โยวโจว เจ้าคิดเช่นไร”

องค์หญิงฉังผิงชะงัก หลุบตาลง เอ่ยเสียงเบา “พี่สาม…หากจวินเอ๋อร์ไปเช่นนี้ จะไม่เท่ากับละทิ้งตำแหน่งอ๋องหรอกหรือ เว่ยหงเฟยไม่มีทางเก็บตำแหน่งนี้ไว้ให้จวินมั่วเป็นแน่”

เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน เอ่ยขึ้นเสียงเรียบ “เพียงตำแหน่งจวิ้นอ๋องมันคุ้มหรือ ชิงสิงเป็นโอรสเพียงคนเดียวของเจ้า มีข้าและน้องหกอยู่ หากขอตำแหน่งจวิ้นอ๋องกับเสด็จพ่อหรือองค์รัชทายาทย่อมต้องได้ตำแหน่งจวิ้นอ๋องมาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ความสามารถของชิงสิงเจ้าเองก็รู้ ต่อให้ไม่ต้องพึ่งยศตำแหน่ง อาศัยเพียงตัวเขาเอง มีสิ่งใดที่เขาจะคว้ามันมาไม่ได้ด้วยหรือ”

ไปถึงโยวโจว ความสามารถของจวินมั่วจึงจะสามารถแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ อาศัยฐานะโอรสเพียงคนเดียวขององค์หญิงฉังผิง อนาคตหากมีอำนาจกองกำลังเพียงพอ นับประสาอันใดกับตำแหน่งจวิ้นอ๋องนี่

“ข้า…” ใบหน้างดงามขององค์หญิงฉังผิงหาได้ยากยิ่งที่จะมีความสับสนและเจ็บปวดปรากฏอยู่บนนั้น แน่นอนว่านางรู้ดีว่าบุตรชายของนางอาศัยความสามารถของตนเองเพียงอย่างเดียวก็สามารถมีตำแหน่งและฐานะได้ แต่ว่า…แต่นั่นไม่เหมือนกันนี่นา จวินเอ๋อร์ของนาง… เห็นความเจ็บปวดของน้องสาว ดวงตาของเยี่ยนอ๋องไหววูบ ถอนหายใจเบาๆ “ช่างเถิด เจ้าคิดไตร่ตรองให้ดี เจ้ารู้ดี พี่สามไม่มีทางทำร้ายชิงสิง”

“ข้ารู้” องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า เอ่ยตอบ “ข้ารู้ว่าพี่สามทำเพื่อจวินเอ๋อร์ ขอให้ข้าได้ไตร่ตรองดูเสียก่อน”

เยี่ยนอ๋องพยักหน้าไม่เอ่ยอันใดอีก ทว่าฉีอ๋องนั้นทนไม่ไหว เอ่ยขึ้นบ้าง “น้องห้า เจ้าเว่ยหงเฟยนั่นมีอันใดไยเจ้าต้องมาเจ็บปวดเพราะเขา พี่หกจะไปเชือดมันแทนเจ้า”

“เหลวไหล” เยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงเข้ม กวาดตามองฉีอ๋อง “เจ้าคิดว่าจินหลิงคือถิ่นของเจ้าหรืออย่างไร เจ้าคิดจะเชือดใครก็เชือดได้อย่างนั้นหรือ เสด็จพ่อมีความละอายต่อจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง เจ้าจะเหลวไหวไปวันๆ ก็แล้วแต่เจ้า หากทำร้ายเว่ยหงเฟยขึ้นมาจริงๆ เจ้าคิดว่าจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจะเป็นเช่นไร” ฉีอ๋องไม่สนใจ “พวกเขากล้าเอาชีวิตของข้าเพียงเพราะเว่ยหงเฟยคนเดียวอย่างนั้นหรือ เป็นเพียงญาติที่สู้ตระกูลเซียวของเราไม่ได้ก็เท่านั้น ข้าเป็นถึงองค์ชายนะ”

“อย่าลืมว่าจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมีป้ายทองอาญาสิทธิ์” เยี่ยนอ๋องเอ่ยเตือน “ป้ายทองอาญาสิทธิ์ที่เสด็จพ่อออกให้ด้วยตนเอง หากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่ยอมและใช้ป้ายทองนั่นเล่า หรือว่าเสด็จพ่อจะผิดคำพูดต่อผู้คนทั่วหล้าได้หรือ หากต้องประหารเจ้าขึ้นมาใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

ฉีอ๋องส่งเสียงไม่พอใจ ไม่เอ่ยอันใดอีก

องค์หญิงฉังผิงกล่าวเสียงเบา “พี่หก ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะลองไตร่ตรองให้ดีก่อน”

ฉีอ๋องมองน้องสาวอย่างจนปัญญา พวกเขาเติบโตและไปอยู่ปกครองในอาณาเขตของตนเอง หลายปีมานี้น้องสาวได้รับความลำบากจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องมากเพียงใดก็มิอาจรู้ได้ ทว่าน้องสาวกลับมีใจมั่น ไม่ว่าจะกล่าวเช่นใดก็ไม่ยอมหย่าขาด ต่อให้หญิงสาวหย่าขาดเสียชื่อเสียงแล้วอย่างไร นางมีพี่ชายทั้งสอง อีกทั้งยังมีบุตรชาย ใครจะกล้ารังแกนางได้ น้องสาวที่เขาเลี้ยงดูมาตั้งแต่ยังเด็กมีหรือเขาจะไม่รู้ ฉังผิงเป็นคู่รักกับเว่ยหงเฟยมาตั้งแต่วัยเยาว์ ไม่มีทางหักหลังเขาได้ อย่างไรก็ตามต่อให้หลายปีมานี้หัวใจของนางต้องแหลกละเอียดเป็นผุยผง ทว่ากลับไม่แยกจากเว่ยหงเฟย แต่ก็ไม่อธิบายถึงการคลอดเร็วของนาง ปล่อยให้ยืดเยื้อจนเขาผู้เป็นพี่ชายเห็นแล้วต้องร้อนใจ

“เอาล่ะ ไม่พูดถึงเรื่องนี้แล้ว พี่สาม ช่วงนี้ร่างกายท่านดีขึ้นบ้างหรือไม่” องค์หญิงฉังผิงเอ่ยถาม ก่อนหน้านี้ที่หนานกงมั่วได้ตรวจรักษาอาการของเยี่ยนอ๋อง บุตรชายของนางเล่าให้ฟังบ้างแล้ว แน่นอนเว่ยซื่อจื่อไม่ได้บอกนางว่าการรักษาครั้งนี้เขาต้องจ่ายค่ารักษาไปมากเพียงใด คิ้วคมของเยี่ยนอ๋องคลายออก มองไปยังหนานกงมั่ว “ไม่เลวเลย สองเดือนมานี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก ข้ายังไม่ทันได้ขอบคุณอู๋สยาเลย” แต่ยานั้นเมื่อใช้แล้วราวกับจะเอาชีวิตคนให้ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เยี่ยนอ๋องที่แข็งแกร่งราวกับเหล็กยังต้องยอมแพ้

หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ยตอบ “ท่านอ๋องกล่าวหนักไปแล้วเพคะ ได้ผลก็ดีแล้ว เดี๋ยวหม่อมฉันจะช่วยตรวจอีกครั้งเพคะ”

แน่นอนเยี่ยนอ๋องไม่ถือตัว ยื่นมือออกไปวางลงบนโต๊ะให้หนานกงมั่วจับชีพจร หนานกงมั่วคิ้วขมวดตรวจดูอย่างตั้งใจ ชีพจรของเยี่ยนอ๋องดีขึ้นกว่าเมื่อสองเดือนก่อนมาก ดึงมือกลับคืนแล้วหนานกงมั่วจึงเอ่ยว่า “อาการบาดเจ็บของพระองค์ดีขึ้นได้เจ็ดแปดส่วนแล้วเพคะ ต่อไปก็รักษาอย่างค่อยเป็นค่อยไปได้แล้ว พอดีตอนนี้ในมือของหม่อมฉันมีตัวยาดีอยู่บ้าง อีกไม่กี่วันศิษย์พี่ของหม่อมฉันก็จะมาถึงแล้ว เดี๋ยวขอให้เขาช่วยปรับตัวยาให้ท่านอ๋องอีกครั้งเพคะ”

“รบกวนแล้ว” เยี่ยนอ๋องเอ่ยพลางพยักหน้าตอบรับ

ฉีอ๋องเอ่ยขึ้นด้วยความแปลกใจ “อาการป่วยของพี่สามนั้นมีมายี่สิบกว่าปีแล้ว ไม่มีใครรักษาได้เลย ไม่คิดว่าเจ้าเด็กนี่จะเก่งกว่าหมอหลวงไร้ความสามารถพวกนั้นเสียอีก”

หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องกล่าวเกินไปแล้วเพคะ ทุกคนล้วนมีความสามารถที่ต่างกันออกไปเพคะ” วิชาการแพทย์ของหมอหลวงแน่นอนว่าไม่ธรรมดา แต่ผู้ที่พวกเขารักษาล้วนแล้วแต่เป็นเชื้อพระวงศ์มีอำนาจสูงส่ง ผู้คนเหล่านี้จะบาดเจ็บสาหัสได้สักกี่คน อย่างมากก็เป็นโรคเล็กน้อยของคนรวยทั้งนั้น เยี่ยนอ๋องครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก็ถามขึ้น “ได้ข่าวมาว่าก่อนหน้านี้อู๋สยาลงไปช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บในสนามรบหรือ”

หนานกงมั่วเอ่ยตอบ “หม่อมฉันเพียงช่วยในสิ่งที่ช่วยได้เพคะ ท่านอ๋องกล่าวเกินจริงแล้ว”

เยี่ยนอ๋องโบกสะบัดมือ “หากต่อไปอู๋สยาไปอยู่โยวโจว ข้าหวังอยากให้อู๋สยาช่วยสอนทหารในกองทัพ กองกำลังทหารโยวอวิ๋นทำสงครามกับเป่ยหยวนทุกๆ ปี อากาศเหน็บหนาวทำให้มีทหารบาดเจ็บล้มตายมากว่าที่อื่น”

หนานกงมั่วชะงัก คาดไม่ถึงว่าเยี่ยนอ๋องจะเอ่ยเช่นนี้ เรื่องเมื่อครั้งนางเข้าไปอยู่ในสนามรบไม่มีใครกล้าเอ่ยถึงเพราะนางถูกแต่งตั้งเป็นซิงเฉิงจวิ้นจู่ ทว่าความจริงแล้วกลับมีผู้คนมากมายในราชสำนักที่รู้สึกขัดแย้ง เพราะเหตุนี้ไม่ว่าหนานกงมั่วจะมีความคิดอันใดก็ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจไม่พูดออกมา ไม่คิดว่าเยี่ยนอ๋องจะไม่มีแนวคิดไม่ชื่นชอบสตรีที่มีหน้ามีตาในสังคม ตรงกันข้ามเขายังหวังว่านางจะช่วยเขาได้

“หากมีโอกาส หม่อมฉันจะทำเต็มที่เพคะ” หนานกงมั่วเอ่ยตอบ

เยี่ยนอ๋องพยักหน้าพึงพอใจ สายตาที่มองไปยังหนานกงมั่วเต็มไปด้วยความชื่นชม

หลังบอกลาเยี่ยนอ๋องและฉีอ๋อง องค์หญิงฉังผิงร่างกายไม่แข็งแรงจึงขอตัวไปพักผ่อน เว่ยจวินมั่วที่ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองกำลังคุ้มกันเมืองหลวง เขาย่อมต้องปฏิบัติหน้าที่ในงานพิธีวันนี้ ไม่มีเวลาว่างมากนัก หนานกงมั่วจึงต้องไปหาเซี่ยเพ่ยหวน จะว่าไปแล้วก็ไม่ได้เจอกับเซี่ยเพ่ยหวนมาหลายวันแล้ว ครั้งก่อนเจอกันที่จวนรัชทายาทก็มีแต่ความเร่งรีบวุ่นวาย เมื่อมองเห็นหนานกงมั่วเดินเข้ามาเซี่ยเพ่ยหวนที่นั่งโดดเดี่ยวอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบรรดาคุณหนูจึงมีรอยยิ้มเบิกบานปรากฏขึ้น รีบลุกขึ้นและพุ่งเข้าไปหา “มั่วเอ๋อร์”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ไม่เจอกันหลายวัน เซี่ยสามดูสดใสขึ้นหรือไม่”

เซี่ยเพ่ยหวนจ้องนางเขม็งพลางตอบ “ไหนเลยจะสู้คุณหนูใหญ่หนานกงได้เล่า วิ่งไปยังสนามรบคนเดียว มีความกล้าไม่เบา”

หนานกงมั่วลอบยิ้ม หากเจ้ารู้ว่าข้าทำอะไรบ้าง เจ้าจะไม่ตกใจตายเลยหรือ

เซี่ยเพ่ยหวนลากนางมานั่งลง เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางตื่นเต้น “อยากไปหาเจ้าตั้งนานแล้ว แต่ท่านยายบอกว่าใกล้ถึงงานพิธีแต่งงานของเจ้าแล้วคงจะยุ่งไม่น้อยจึงต้องทนเอาไว้ รีบเล่ามา เรื่องที่เจ้าไปสนามรบนั่น” ไม่เพียงแต่เซี่ยเพ่ยหวน ผู้คนรอบข้างที่อยู่ไม่ไกลต่างพยายามแอบฟังทั้งที่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *