หมอหญิงยอดมือสังหาร 672 ลอบสังหาร โกลาหล (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 672 ลอบสังหาร โกลาหล (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 672 ลอบสังหาร โกลาหล (1)
หนานกงมั่วหดลำคอลง ก้มหน้า “จวินมั่ว”

เว่ยจวินมั่วเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว กวาดตามองหลูเซียงเซียงที่อยู่บนเตียง ดวงตาทะมึนขึ้นมา เอ่ยเสียงเข้ม “เปลี่ยนเสื้อผ้ากับนาง”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว บอกใบ้ให้เว่ยจวินมั่วหมุนตัวกลับไป เว่ยจวินมั่วส่งเสียงหยัน สุดท้ายจึงหมุนตัวหันหลังให้ หนานกงมั่วเปลี่ยนเสื้อผ้าของตนเองและหลูเซียงเซียงอย่างรวดเร็ว ยังไม่ลืมห่มผ้าให้กับหลูเซียงเซียงด้วย จากนั้นเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างตะเกียง ยื่นมือไปดีดผงแป้งกระจายละลายหายไปในน้ำมันในตะเกียง

“จวินมั่ว”

“ตามข้ามา” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเย็น เอ่ยจบก็เลิกม่านประตูขึ้นแล้วเดินออกไป

ยามนี้ท้องฟ้าได้มืดสนิทไปแล้ว ทั่วทั้งค่ายมองเห็นเพียงส่วนที่แสงไฟส่องถึง แต่นายทหารที่เดินผ่านพวกเขากลับไม่รู้สึกว่าคนที่เดินผ่านตนนั้นมีอันใดไม่ถูกต้อง เว่ยจวินมั่วจูงมือหนานกงมั่วเข้าไปยังกระโจมหนึ่งอย่างคุ้นเคยเส้นทาง ด้านในว่างเปล่าไม่มีใคร หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “จวินมั่ว นี่คืออันใดหรือ”

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ที่นี่คือกระโจมของสตรีนางนั้น”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้” หนานกงมั่วรู้ได้ในทันใด มองขึ้นลงกวาดตาสำรวจเว่ยจวินมั่ว เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ “นี่ท่านแต่งตัวอันใดกัน นี่คือ…ชุดของหอธารามิใช่หรือ”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เอ่ยเสียงเข้ม “กงอวี้เฉินไม่อยู่ที่นี่ เพียงแต่ในค่ายทหารมีคนของหอธาราอยู่บ้าง ข้าสังหารไปหนึ่งคนแล้วสวมรอยเขา”

จะโทษก็ต้องโทษกงอวี้เฉิน เขาชอบทำตัวลึกลับ ดังนั้นคนทั้งสำนักหอธาราจึงทำตัวลึกลับตามไปด้วย คนนอกส่วนใหญ่จึงไม่รู้ว่าคนของสำนักหอธาราหน้าตาเป็นอย่างไร ขอเพียงเว่ยจวินมั่วหลีกเลี่ยงจากคนรู้จัก เวลาหนึ่งชั่วยามครึ่งเค่อก็ยากที่จะรู้ตัว ยิ่งไปกว่านั้น คนที่กงอวี้เฉินทิ้งไว้ที่นี่ก็มีเพียงสี่ห้าคน ต่างคนต่างมีหน้าที่ของตนเอง ไม่สื่อสารกัน ต่อให้มีอันใดหลุดลอดออกไปก็คงหลายวันกว่าจะรู้ตัว

มองสีหน้าที่ยังคงเย็นยะเยือกของเว่ยจวินมั่ว หนานกงมั่วลอบถอนหายใจ กอดเอวของเขาจากด้านหลัง เอ่ยเสียงเบา “ไม่ใช่ว่าข้าไม่สนใจความปลอดภัยของตนเอง ท่านก็รู้ ในเมื่อข้ามาแล้วแน่นอนว่ามั่นใจว่าจะพาตัวเองออกไปได้”

เว่ยจวินมั่วก้มหน้าลงมา “เจ้ามีวิธีอย่างไร หากถูกจับได้และข้าไม่อยู่…”

“ข้าจับฮูตุนเป็นตัวประกันแล้วหนีออกไปก็ได้” หนานกงมั่วเอ่ยตอบ

สีหน้าของเว่ยจวินมั่วยิ่งไม่น่ามองมากขึ้น เอ่ยเสียงเข้ม “ฮูตุนผู้นี้เป็นตัวปลอม เจ้าจับเขาเป็นตัวประกันแล้วจะมีประโยชน์อันใด”

“ตะ…ตัวปลอมหรือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้วด้วยความตื่นตระหนก นางเคยเห็นฮูตุนเพียงครั้งเดียว เพียงรู้สึกว่าคนผู้นั้นมีไอสังหาร แต่ไม่เคยนึกถึงปัญหาเรื่องการเป็นตัวปลอม เว่ยจวินมั่วเอ่ย “หากมิใช่ว่าสืบเจอว่าฮูตุนมีปัญหา ข้าคงลงมือไปนานแล้ว”

“เป็นตัวปลอมได้เยี่ยงไร” หนานกงมั่วขมวดคิ้ว

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “คงเป็นแผนการของกงอวี้เฉิน” ในเมื่อกงอวี้เฉินรู้เบื้องหลังของหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่ว ไยจึงไม่ป้องกันการลอบสังหารเล่า ไม่แน่ กงอวี้เฉินคงคาดการณ์เอาไว้แล้วว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องมาจึงได้วางกับดักไว้ที่นี่

หนานกงมั่วถอนหายใจอย่างจนปัญญา นึกถึงกงอวี้เฉินผู้นั้นขึ้นมาพลันรู้สึกปวดหัว

เว่ยจวินมั่วดึงนางมาอยู่ตรงหน้า “เจ้ายังไม่บอกข้า ฮูตุนเป็นตัวปลอม เจ้าจะทำเช่นไร”

“เอ่อ…” ดวงตาของหนานกงมั่วกลอกไปมา “วรยุทธ์ของข้าไม่เลว อีกทั้ง…ยังมีท่านมิใช่หรือ”

เว่ยจวินมั่วก้มลงไป กัดเข้าที่ลำคอของนาง หนานกงมั่วรู้สึกเจ็บที่ลำคอ รีบยกมือขึ้นปิดเอาไว้ ความจริงเว่ยจวินมั่วไม่ได้กัดแรงนักและไม่มีเลือดซึม เพียงเป็นรอยให้มองเห็นที่ลำคอของนางก็เท่านั้น ปิดลำคอเอาไว้ หนานกงมั่วมองเขาอย่างขุ่นเคือง เขาเรียนรู้การทำเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน

เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงกระซิบ “อู๋สยา หากครั้งหน้าเจ้าพาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายอีก ข้าจะจับเจ้าขังเอาไว้”

หนานกงมั่วลอบแลบลิ้น รีบเอ่ยปลอบโยนเขา “รู้แล้ว ครั้งนี้เพราะข้าไม่ระวัง เป็นความผิดของข้าดีหรือไม่ ตอนนี้เรามากังวลเรื่องต่อไปจะดีกว่า ที่เหลือกลับไปแล้วค่อยว่ากันดีหรือไม่” เว่ยจวินมั่วจ้องลึกลงไปในดวงตาของนางไม่เอ่ยสิ่งใด หนานกงมั่วรู้สึกขนลุกขนพองอยู่ในใจ รีบเอ่ยเสียงหวาน “จวินมั่ว…”

เว่ยจวินมั่วถอนหายใจ ยื่นมือไปสัมผัสลำคอของนาง ดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด

มุมปากหนานกงมั่วกระตุกยิ้มขึ้นมา เบียดร่างกายเข้าหาอ้อมอกของเขา

“เซียงเซียง” ด้านนอก เสียงหลูอวิ๋นเฟิงที่ดูเมามายเอ่ยขึ้น

หนานกงมั่วยืดตัวตรงทันใด นึกถึงน้ำเสียงของหลูเซียงเซียง ใช้น้ำเสียงปนความง่วงงุน เอ่ย “พี่ใหญ่…มีเรื่องอันใดหรือ”

“เจ้านอนแล้วหรือ” หลูอวิ๋นเฟิงเอ่ยถาม

“อืม” หนานกงมั่วเอ่ย “ข้าง่วงเล็กน้อยจึงนอนก่อนแล้ว มีเรื่องอันใดหรือ”

หลูอวิ๋นเฟิงถอนหายใจ เอ่ย “ไม่มีอันใด เพียงเห็นว่าเจ้ารีบกลับมาก่อนจึงเป็นห่วงตามมาดูก็เท่านั้น” หนานกงมั่วเอ่ยตอบ “ข้าไม่เป็นไรเจ้าค่ะ เพียงเหนื่อยจากหลายวันมานี้เท่านั้น พี่ใหญ่ท่านเองก็รีบพักผ่อนเถิด”

“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าก็รีบพักผ่อน” หลูอวิ๋นเฟิงดื่มเหล้าไปไม่น้อย รู้สึกเวียนหัว ไม่ได้สังเกตว่าน้ำเสียงของนอกสาวมีอันใดผิดปกติ ส่ายศีรษะหมุนตัวเดินกลับกระโจมของตนเองไป เดินไปได้เพียงสองก้าว หันกลับไปมองยังกระโจมที่อยู่ด้านข้างกระโจมใหญ่ ดวงตาฉายแววโศกเศร้าเสียใจ ถอนหายใจออกมา สุดท้ายจึงหมุนตัวเดินออกไป

หลูอวิ๋นเฟิงไปแล้ว หนานกงมั่วเองก็พ่นลมหายใจออกมา อย่างมากนางก็ดัดเสียงให้เหมือนหลูเซียงเซียงสักหกเจ็ดส่วน หากไม่ใช่เพราะเป็นตอนกลางคืน หากไม่ใช่เพราะหลูอวิ๋นเฟิงดื่มเยอะเกินไปจนเมา หันกลับมา เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ไม่ต้องกังวล ไปกันเถิด”

ยังเอ่ยไม่ทันจบ ตนพลันถูกกระแสลมเย็น เห็นคนที่ล้มลงบนเตียงด้านข้าง หนานกงมั่วเบื่อหน่าย “จวินมั่ว…”

มือข้างหนึ่งยกขึ้นมาปิดริมฝีปากนาง เว่ยจวินมั่วเอายเสียงเรียบ “อย่าโวยวาย อีกหน่อยยังมีเรื่องที่ต้องทำ พักผ่อน”

หนานกงมั่วแปลกใจ เว่ยจวินมั่วอยู่ในกองทัพเป่ยหยวนหลายวันสืบเจออันใดแล้วบ้าง เพียงแต่เห็นชัดว่าคุณชายเว่ยกำลังโกรธที่แม่นางหนานกงไม่เห็นความสำคัญของความปลอดภัยตนเอง ไม่บอกเรื่องราวอันใดกับนาง เพียงบอกให้หนานกงมั่วพักผ่อนให้ดีๆ อย่าหนีไปที่ไหน จากนั้นตนเองก็หนีออกไปจากกระโจม

หนานกงมั่วที่ถูกทอดทิ้งไหวไหล่เบาๆ ยอมนอนอยู่บนเตียง หลับตาพักผ่อน มั่นใจว่าอย่างไรก็ต้องมีเรื่องน่าตื่นเต้น ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่สนุก พักผ่อนก่อนสักหน่อยก็ดี

ยามค่ำคืนในกองทัพเป่ยหยวนถูกคุ้มกันเข้มงวด แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับกำลังภายในของเว่ยจวินมั่ว ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้เขาเองมีตัวตนอย่างเป็นทางการในเป่ยหยวน ต่อให้เจอกับใครแล้วน้อยคนนักจะสงสัยเขา เว่ยจวินมั่วยังคงหลบหลีกจากคนเฝ้าประตู ลอบเข้ามาด้านในกระโจมแห่งหนึ่งราวกับเงาในความมืด ด้านในกระโจมกำลังมีฉากเร่าร้อน หลูเซียงเซียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด ดวงตานั้นหวาดกลัวและรวดร้าว แต่ชายที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าอยู่บนตัวนางนั้นกลับมองไม่เห็นภาพนั้น แม้กระทั่งเสียงที่แปลกออกไปของนางก็ยังไม่อาจแยกแยะออกมาได้ ยังคงต่อสู้อย่างหื่นกระหาย เจ้าของดวงตาทะมึนฉีกทึ้งเสื้อผ้าบนร่างกายของหลูเซียงเซียงอย่างบ้าคลั่ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *