หมอหญิงยอดมือสังหาร 486 เจ้าเด็กกวนประสาท (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 486 เจ้าเด็กกวนประสาท (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 486 เจ้าเด็กกวนประสาท (3)
หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จริงๆ แล้วเจ้าก็ยังสู้ได้ หากรู้สึกคันไม้คันมือเมื่อใด ก็มาเรียนรู้จากข้าได้ ข้า..ยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

เซียวเชียนจย่งเบะปาก สายตาที่มองไปยังหนานกงมั่วไม่ได้ดูหมิ่นและไม่พอใจเช่นเมื่อก่อนแล้ว แต่ทำราวกับเขากำลังเห็นปีศาจเสียมากกว่า หญิงผู้นี้เป็นบุตรีของหนานกงไหวจริงหรือ แม้ว่าหนานกงไหวจะเป็นแม่ทัพผู้เลื่องชื่อ แต่ฝีมือต่อสู้ของหนานกงไหวจะเก่งได้สักครึ่งหนึ่งของสตรีผู้นี้หรือไม่ คิดจริงๆ หรือว่าเขาเป็นคนโง่เง่า การต่อสู้กับสตรีผู้นี้อีกครั้งเป็นการหาเรื่องใส่ตัว ไม่ต่างไปจาก…พี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องผู้นั้นเลย

แท้จริงแล้วเซียวเชียนจย่งไม่คุ้นเคยกับเว่ยจวินมั่วเท่าใดนัก ตอนที่เขาได้พบกับเว่ยจวินมั่วตนเองเพิ่งอายุเก้าขวบเท่านั้น แต่ตอนนั้นเว่ยจวินมั่วอายุสิบหกปีแล้ว แม้ว่าเขาจะเติบโตมาทางตอนเหนือ แต่เขาก็มีสุขภาพแข็งแรงกว่าคนส่วนใหญ่ ตอนอายุเก้าขวบดูอ่อนกว่าเด็กอายุสิบสองสิบสามไม่เท่าใด แต่เมื่อเขาได้ต่อสู้กับเว่ยจวินมั่วกลับแพ้อย่างราบคาบ จากนั้นเป็นต้นมา เป้าหมายสำคัญของคุณชายเซียวสามคือเอาชนะพี่ชายผู้ได้รับการยกย่องจากบิดาตนตลอดมา แต่ยามนี้เขากลับไม่สามารถแม้แต่จะเอาชนะพี่สะใภ้ได้เลย แล้วเขาจะมีโอกาสชนะพี่ชายได้หรือ

คุณชายสามผู้น่าสงสารยังไม่รู้ว่าวิทยายุทธ์ของพี่ชายเขาได้เพิ่มขึ้นอีกระดับเมื่อไม่นานมานี้ หากเขารู้เรื่องนี้ ชาตินี้คงไม่มีความคิดจะเอาชนะเว่ยจวินมั่วอีกเลย

“เจ้าสาม” เซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยก้าวไปช่วยพยุงเซียวเชียนจย่งขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือก องค์หญิงฉังผิงเดินมาข้างหน้า เอ่ยถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ไม่เจ็บใช่หรือไม่ ไยจึงลุกไม่ได้ ให้หมอมาดูหรือไม่” เซียวเชียนจย่งเหลือบมองหนานกงมั่วอย่างขุ่นเคือง รู้สึกว่าหญิงผู้นี้มีเล่ห์เหลี่ยมและกลับกลอก เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเขาได้รับบาดเจ็บ ทว่าไม่มีตรงไหนมีรอยแผลเลย หากเชิญหมอมาคงขายหน้าน่าดู

หนานกงมั่วก้าวเข้าไปประคององค์หญิงฉังผิง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เสด็จแม่ไม่ต้องกังวล เจ้าสามไม่ได้รับบาดเจ็บอันใด เจ้าสาม ใช่หรือไม่”

“ใช่!” เซียวเชียนจย่งกัดฟัน มองดูสีหน้าสงสัยขององค์หญิงฉังผิงแล้วจึงเอ่ย “ไม่เป็นไรจริงๆ พ่ะย่ะค่ะเสด็จอา ข้าเพียงแต่ฝึกกับพี่สะใภ้เท่านั้น ข้าเติบโตมาในค่ายทหาร อดทนได้” องค์หญิงฉังผิงพยักหน้าแล้วถอนหายใจ “ที่จริงก็ไม่มีอันใดหรอก พี่น้องเล่นกันก็เท่านั้น พรุ่งนี้เป็นพิธีราชาภิเษก อย่าให้มีปัญหาเป็นอันขาด” หากเซียวเชียนจย่งได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเข้าร่วมพิธีได้ คนอื่นคงคิดว่าจวนเยี่ยนอ๋องไม่พอใจกับการขึ้นครองบัลลังก์ของฮ่องเต้พระองค์ใหม่

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สามพี่น้องต่างรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เซียวเชียนจย่งและเซียวเชียนเหว่ยเก็บอาการได้ดี ทว่าเซียวเชียนจย่งกลับแสดงความไม่พอใจทางสีหน้าของเขาอย่างเปิดเผย องค์หญิงฉังผิงทำได้เพียงส่ายศีรษะอย่างหนักใจ ไม่น่าแปลกใจที่ทั้งสามจะถูกกำชับให้จับตาดูจย่งเอ๋อร์ให้ดี มาอยู่เมืองจินหลิงมีนิสัยเช่นนี้จะเข้าท่าได้เยี่ยงไร เอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจ “ช่วงนี้พวกเจ้าอยู่ในจินหลิงอย่างสำรวมเถิด สิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก เมื่อพิธีราชาภิเษกสิ้นสุดลงและส่งเสด็จปู่ไปยังพระราชสุสานแล้วก็รีบกลับให้เร็วที่สุด หากกล้าก่อเรื่องอีก อย่าหาว่าข้าใจร้าย” จินหลิงมิใช่ที่พำนักที่ควรอยู่นาน

กับเซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยนั้นไม่จำเป็นต้องกังวล องค์หญิงฉังผิงต้องการเอ่ยถ้อยคำนี้เพื่อให้เซียวเชียนจย่งฟังเพียงผู้เดียว เซียวเชียนจย่งย่อมรู้ว่าองค์หญิงฉังผิงหวังดีต่อเขา แม้ไม่อยากเชื่อฟังนัก แต่ก็ยอมพยักหน้ารับปาก

หลังจากส่งองค์หญิงฉังผิงกลับไปพักผ่อนยังเรือนแล้ว เซียวเชียนเหว่ยยิ้มให้หนานกงมั่ว “นิสัยของเจ้าสาม ในโยวโจวมีเพียงเสด็จพ่อและเสด็จแม่สองคนเท่านั้นที่สามารถกำราบได้ เป็นเรื่องยากที่เขาจะยอมรับพี่สะใภ้เช่นนี้” สิ่งที่เซียวเชียนเหว่ยไม่ได้พูดก็คือ พี่สะใภ้ที่เป็นลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ดูอ่อนโยน แต่ดูวิธีการสั่งสอนแล้วกลับเหมือนดั่งเสด็จพ่อของเขาอย่างหาได้ยาก ไม่ว่าจะเชื่อฟังหรือไม่ ก็ต้องกำราบจนเชื่อฟังให้ได้ สำหรับคนอย่างเซียวเชียนจย่ง นี่เป็นวิธีเดียวที่จะกำราบเขาได้ หากเป็นวิธีอื่นต่อให้จะยกเหตุผลร้อยพันมาพูด เขาจะหาว่าจู้จี้จุกจิกเพียงเท่านั้น

หนานกงมั่วเหลือบมองเซียวเชียนจย่งด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า “ข้าชอบเด็กว่านอนสอนง่ายมากที่สุดแล้ว”

“ใครเป็นเด็ก!” เซียวเชียนจย่งพูดอย่างพาลโกรธ

หนานกงมั่วกล่าวว่า “หากเจ้าเชื่อฟังและไม่สร้างปัญหา ข้าจะสอนวิทยายุทธ์ให้ตอนที่เจ้าออกจากจินหลิง” อย่างไรเสียเคล็ดวิชายุทธ์ที่อาจารย์อารวบรวมไว้ก็มีมากมาย ถึงแม้ส่วนใหญ่จะสูญหายไปแล้ว แต่เพียงหาเคล็ดวิชาง่ายๆ สอนให้เซียวเชียนจย่งก็พอแล้ว เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเซียวเชียนจย่งก็เป็นประกาย “จริงหรือ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ข้าไม่โกหกเจ้าหรอก”

เซียวเชียนจย่งหันหน้าหนี “ข้าไม่อยากมีวิทยายุทธ์เช่นเจ้า อ่อนช้อยดั่งเช่นที่สตรีใช้กัน”

“เช่นนั้นหรือ” ดวงตาของหนานกงมั่วเป็นประกาย รอยยิ้มสดใสปรากฏขึ้นบนใบหน้าอันงดงามของนาง ยังไม่ทันที่เซียวเชียนจย่งจะหันกลับมา เขาก็เห็นร่างหนึ่งโผล่แวบไปมาอยู่ตรงหน้าแล้ว เซียวเชียนจย่งยกมือขึ้นปัดป้อง แต่ยังไม่ถึงสามกระบวนท่า กริชเย็นเฉียบก็จี้ลงบนคอของเขา เซียวเชียนจย่งตกใจร้องออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น เข้าใจแล้วว่าก่อนหน้านี้หนานกงมั่วเพียงเล่นกับเขาจริงๆ เมื่อครู่เขารู้สึกถึงจิตสังหารดุร้ายได้อย่างชัดเจน เขาเคยผ่านสนามรบมาแล้ว จิตสังหารอันแท้จริงหรือเพียงล้อเล่นเขาย่อมสามารถแยกแยะได้

แปะ แปะ จิ้นจั๋วที่อยู่ด้านข้างยกมือขึ้นปรบมือชื่นชม “ทักษะยอดเยี่ยม ไม่แปลกที่จวิ้นจู่…อยู่กับเว่ยซื่อจื่อได้” ไม่สิ ดูเพียงไม่กี่กระบวนท่านี้ หนานกงมั่วดูเหมือนมือสังหารยิ่งกว่าเว่ยจวินมั่วเสียอีก เหล่าจอมยุทธ์ล้วนสนใจกระบวนท่าที่ใช้เคลื่อนไหวเป็นอย่างมาก แม้วิทยายุทธที่โหดเหี้ยมก็ยังเทียบกับกระบวนท่าสังหารของหนานกงมั่วไม่ติด หากอยู่ในฝูงชน แม้แต่ยอดฝีมือชั้นหนึ่งก็สามารถถูกนางสังหารอย่างเงียบๆ ได้ในพริบตาเดียว

หนานกงมั่วดึงกริชออกและมองดูสีหน้าคาดหวังของเซียวเชียนจย่ง “เป็นอย่างไร ตกลงแล้วหรือ”

“พี่สะใภ้ ข้าจะเชื่อฟังท่าน” ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงเด็กอายุสิบสี่เท่านั้น แม้ว่าเด็กคนนี้จะนิสัยไม่ดี แต่เมื่อกำราบได้แล้วก็ยอมเชื่อฟังและทำตาม ตัวอย่างเช่นตอนนี้ มองดูเด็กหนุ่มที่จ้องมองตนด้วยดวงตาเป็นประกาย ไหนเล่าท่าทางเย่อหยิ่งอย่างเมื่อครั้งแรกที่พบกัน

“เด็กดี สิ่งนี้ให้เจ้าไว้เล่น” หนานกงมั่วลูบหัวเขาด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นเขากำลังจ้องมองมา ก็หยิบกริชอันประณีตออกมาแล้วมอบให้เขา

ยังไม่ทันที่เซียวเชียนจย่งจะโกรธก็ต้องตกตะลึงกับกริชที่ฝังด้วยอัญมณีหลากสีสันในมือ เมื่อดึงออกมาดูก็เห็นแสงส่องระยิบระยับ เห็นได้ชัดว่าเป็นกริชชั้นเยี่ยมที่สามารถตัดทองและหยกให้ขาดได้ พี่สะใภ้ผู้นี้…ใจกว้างเกินไปหรือไม่ เซียวเชียนจย่งลูบมือหาสิ่งของที่ติดตัวมา รู้สึกอับอายที่พบว่าเขาไม่มีของขวัญตอบแทน เขาจึงลำบากใจไม่กล้ารับไว้ ทว่าภายในก็ยังลังเล หากรับไว้ก็รู้สึกอายอยู่บ้าง

“นี่คือสินสอดที่บิดาข้าให้มา ข้าเก็บเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์อันใด เจ้าเก็บไว้เถิด” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม แค่คิดว่าจะหาของขวัญตอบแทน แล้วยังรู้สึกเขินอายอีก ก็หมายความว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไป กริชเล่มนี้ยอดเยี่ยมมาก แต่สำหรับนางแล้ว นอกจากราคาของมันแล้วก็เรียกว่าน่ารำคาญ ตอนเจอกันครั้งแรกเยี่ยนอ๋องก็มอบหยกให้นางชิ้นหนึ่ง ครานี้จะมอบกริชให้เด็กน้อยเพียงเล่มเดียวย่อมไม่เป็นไร

เซียวเชียนเหว่ยหัวเราะแล้วเอ่ยติดตลกขึ้นบ้าง “พี่สะใภ้ใจดีมาก ไม่รู้ว่ามีของขวัญให้ข้ากับพี่ใหญ่บ้างหรือไม่”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *