หมอหญิงยอดมือสังหาร 942 สงครามตัดสิน (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 942 สงครามตัดสิน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 942 สงครามตัดสิน (1)

ตกดึก หนานกงมั่วได้นำกำลังคนมาปรากฏตัวบริเวณหน้าผาบนหุบเขาฟู่อวิ๋นอีกครั้ง เพียงแต่ว่าครั้งนี้ต่างจากครั้งแรกตรงที่ไม่มีผู้มีวรยุทธ์สูงส่งเช่นคุณชายเว่ยมาด้วย หลิ่วหันก้มหน้ามองลงไปยังหน้าผาที่มองไม่เห็นพื้นตรงหน้า อดถอนหายใจออกมาไม่ได้ “จวิ้นจู่ นี่ช่างสมกับเป็นหน้าผาเสียจริง” หากไม่ลงไปก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ทว่าแม้แต่มือสังหารอย่างพวกเขาก็ไม่คิดอยากลงไปสักนิด

หนานกงมั่วก็ถอนใจออกมาเช่นกัน ก่อนจะไหวไหล่อย่างช่วยไม่ได้ “ไม่มีทางอื่นแล้ว นี่เป็นหนทางเดียว นอกจากเจ้าจะสามารถเข้าไปตรงทางเข้าหุบเขาได้” ที่นี่นับว่าเป็นจุดที่ต่ำและมั่นคงที่สุดในหุบเขาฟู่อวิ๋นแล้ว

หากพวกเขาสามารถบุกฝ่าเข้าไปจากทางเข้าหุบเขาฟู่อวิ๋น เยี่ยนอ๋องคงจะตายไปแล้วไม่รู้กี่ครา

หนานกงมั่วตบมือ “เอาเถิด ทำตามที่ข้าบอกก่อนหน้านี้ คงไม่มีปัญหาใช่หรือไม่”

คนที่มากับนางย่อมต้องเป็นมือสังหารของวังจื่อเซียว หรือไม่ก็เป็นองครักษ์ชั้นยอดของจวนเยี่ยนอ๋องนั่นเอง แน่นอนว่าวรยุทธ์ย่อมไม่อ่อนด้อย พวกเขาพยักหน้าพร้อมๆ กันเพื่อยืนยันว่ามิได้ติดปัญหาใด หนานกงมั่วเห็นดังนั้นก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะเหวี่ยงเชือกลงไป ท่ามกลางสายตาทุกคน หนานกงมั่วก็จับเชือกไว้แล้วกระโดดลงไปอย่างชำนาญ ผ่านไปชั่วครู่ เชือกที่ตึงก็พลันหย่อนคล้อยลงเล็กน้อย ก่อนจะกระตุกอยู่สองสามครั้ง ซิงเวยที่ยืนถือกระบี่อยู่จึงเอ่ยเสียงทุ้มว่า “ลงไปเถิด”

“ขอรับ!”

การเคลื่อนไหวด้านล่างหุบเขาทำให้ทหารวังจื่อเซียวที่อยู่ในหุบเขาพลันตื่นตัว คนที่อยู่ด้านบนยังลงมาไม่ทันครบ เยี่ยนอ๋องก็รีบเร่งพาคนมาหาแล้ว ดูท่ายาที่หนานกงมั่วทำไว้ให้จะมีประโยชน์อยู่บ้าง แม้หน้าตาเยี่ยนอ๋องยังซีดเซียวอยู่บ้าง แต่ก็นับว่าดีกว่าสองวันก่อนที่นางมาอยู่มากทีเดียว

“อู๋สยา?” เมื่อเห็นหนานกงมั่ว เยี่ยนอ๋องก็อดชะงักไปไม่ได้ ตั้งแต่วันที่เว่ยจวินมั่วกับหนานกงมั่วลงมาจากหน้าผาเข้าสู่หุบเขาฟู่อวิ๋นนั้น ไม่กี่วันนี้พวกเขาพยายามขึงตรึงกำลังรอบๆ ที่นี้ไว้ หากสุดท้ายพวกเขาเข้ามาได้ คนอื่นก็ย่อมเข้ามาได้เช่นกัน แต่เห็นได้ชัดเจนว่าเยี่ยนอ๋องคิดมากเกินไป หน้าผาบนหุบเขาฟู่อวิ๋นไม่ใช่ที่ที่ทหารธรรมดาทั่วไปจะปีนลงมาได้ เว้นแต่เซียวเชียนเยี่ยจะส่งองครักษ์เงามาหรือเป็นกงอวี้เฉินส่งนักฆ่าของหอธารามา แต่เห็นได้ชัดว่าเซียวเชียนเยี่ยนไม่อาจทายอนาคตได้ และกงอวี้เฉินผู้ที่มักจะขัดขวางทุกหนทางก็เงียบหายไปนานสองปีแล้ว ไม่รู้ว่าตายไปแล้วจริงๆ หรือกำลังลอบวางแผนเตรียมเคลื่อนไหวทำการใหญ่อยู่กันแน่ หนานกงมั่วคาดเดาว่าคงจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า

“เสด็จลุง” หนานกงมั่วยิ้ม “ดูเหมือนร่างกายของเสด็จลุงจะดีขึ้นมากนะเพคะ”

เยี่ยนอ๋องขมวดคิ้ว “เจ้ามาได้เยี่ยงไร”

หนานกงมั่วถอนหายใจ พลางส่งสัญญาณให้เยี่ยนอ๋องไปคุยกันที่อื่น เยี่ยนอ๋องมองนางอย่างไม่อาจคาดเดาได้แล้วจึงพยักหน้าลง หันหลังเดินเข้าไปทางหุบเขา หนานกงมั่วโบกมือให้คนที่เหลือดำเนินตามแผนการ ส่วนตนหมุนกายเดินตามเยี่ยนอ๋องไป

“จะบอกว่าเซียวเชียนเยี่ยปล่อยหนานกงไหวออกมาอีกครั้ง แล้วคนที่นำทัพซื่อหยางเป็นเขาเช่นนั้นหรือ” เยี่ยนอ๋องก้าวเดินช้าๆ ในหุบเขาฟู่อวิ๋น ก่อนจะหันไปมองทางหนานกงมั่วพลางเลิกคิ้ว

หนานกงมั่วยิ้มขื่นออกมาอย่างไร้ทางเลือก พยักหน้ารับ “ถูกต้องเพคะ”

เยี่ยนอ๋องพลันส่งเสียงหึขึ้นมา “เขาช่างใจกว้างมากเสียจริง!” แน่นอนว่านี่มิใช่คำชื่นชมต่อเซียวเชียนเยี่ยแต่อย่างใด เป็นถ้อยคำประชดประชันต่างหาก หากมิใช่เพราะถูกคะยั้นคะยอ เซียวเชียนเยี่ยจะปล่อยหนานกงไหวออกมาได้เยี่ยงไรกัน

หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถามออกมา “แล้วเรื่องในกองทัพ…เสด็จลุงพอจะรู้บ้างหรือไม่เพคะ” เมื่อเห็นดวงตาที่ดูผ่านอันใดมามากของเยี่ยนอ๋อง หนานกงมั่วจึงเอ่ยต่อไปว่า “หนานกงไหวมิใช่เทพเซียนอันใด แม้เซียวเชียนเยี่ยจะปล่อยเขาออกมาแต่เขาจะรู้ได้เช่นไรว่าควรจะให้ทหารซุ่มโจมตีที่ซื่อหยาง ข้าได้ยินแม่ทัพเฉินอวี้บอกว่าแผนการโจมตีเมืองซื่อหยางนั้นเป็นการตัดสินใจอย่างฉับพลัน”

เยี่ยนอ๋องพยักหน้า “เรื่องนี้ใจข้ารู้ดี กลับไปแล้วข้าจะเล่าให้ฟัง”

หนานกงมั่วได้แต่ครุ่นคิดแต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอีก หากไม่อาจผ่านหุบเขาฟู่อวิ๋นแห่งนี้ออกไปได้ เรื่องอื่นก็ไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว

จนยามฟ้าสาง ทางเข้าหุบเข้าฟู่อวิ๋นก็พลันวุ่นวายในบัดดล เห็นได้ชัดว่าเหล่าทหารข้าศึกเริ่มบุกโจมตีเข้ามาแล้ว แม้ทหารภายในหุบเขาฟู่อวิ๋นจะมีอยู่ราวหนึ่งหมื่นนาย แต่การตึงกำลังไว้ตรงทางเข้าเล็กๆ ของหุบเขาฟู่อวิ๋นในช่วงระยะหนึ่งย่อมมิใช่เรื่องยากอันใด ที่ทางเข้าหุบเขาฟู่อวิ๋นที่เดินสามคนหน้ากระดานก็เบียดเสียดเช่นนี้ อีกทั้งยังสูงเหนือระดับทะเลสาบฝูหลิงที่ตั้งอยู่ด้านนอกอีกด้วย นับเป็นสถานที่ง่ายต่อการป้องกัน ยากต่อการการโจมตีอย่างยิ่ง และนี่ก็เป็นเหตุผลที่เยี่ยนอ๋องถึงเลือกถอยทัพเข้ามาในตอนนั้นเอง แม้สถานการณ์จะเลวร้าย แต่ก็เลือกสถานที่ถอยทัพได้ไม่เลว

ทหารของทัพโยวโจวเตรียมคันและลูกธนูพร้อมสรรพ เพียงด้านนอกมีทหารบุกมาก็จะถูกสังหารในทันที เพียงเวลาไม่นานปากทางเข้าของหุบเขาฟู่อวิ๋นก็เต็มไปด้วยร่างของทหารข้าศึกกองพะเนิน ทำให้ยิ่งเป็นอุปสรรคอย่างช่วยไม่ได้

หนานกงมั่วและเยี่ยนอ๋องยืนอยู่ข้างกันมองอยู่เพียงชั่วครู่แล้วจึงหันหลังเดินจากไป ตอนนี้พวกเขาไม่จำเป็นจะต้องกังวลกับเรื่องนี้ แต่หนานกงมั่วยังสั่งให้ซิงเวยและคนอื่นๆ ผลัดกันเฝ้าไว้ เผื่อเกิดเหตุอันใดที่นอกเหนือจากที่คาดการณ์ไว้

ขณะเดียวกัน ด้านนอกเมืองซื่อหยาง หนานกงชวี่ก็นำกองกำลังเฉินโจวประกบเฝ้าประตูเมืองซื่อหยางที่ปิดอยู่

เซียวเชียนจย่งที่อยู่ข้างกายเขาเอ่ยเสียงกระซิบ “ท่านแน่ใจหรือว่าตอนนี้หนานกงไหวยังอยู่ในเมือง มิใช่ว่าอยู่ที่หุบเขาฟู่อวิ๋นแล้วหรือ”

หนานกงชวี่เลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยเบาๆ “ไปหุบเขาฟู่อวิ๋นทำอันใดเล่า ที่นั่นไม่ว่าใครจะไปก็เหมือนกันทั้งนั้น หากหนานกงไหวมีวิธีอื่นบุกเข้าไปในหุบเขาฟู่อวิ๋นได้จะรอจนถึงตอนนี้ทำไมกัน หรือเจ้าคิดว่าเขากำลังรอเจ้าอยู่หรือ”

เซียวเชียนจย่งลูบจมูกแก้เก้อ รู้สึกว่าสองปีที่ไม่ได้พบคุณชายใหญ่หนานกงก็เข้ากันได้ยากขึ้น เขาจำได้ลางๆ ว่าตอนนั้นความสัมพันธ์ของพวกเขาก็ไม่ได้แย่อันใด หรือว่า…เป็นเพราะโกรธเคืองที่ตนไม่ได้เข้าข้างตอนที่ทะเลาะกับพี่รองตอนนั้นกันนะ

หนานกงชวี่ไม่ได้ใส่ใจสีหน้าท่าทางที่แสดงออกอย่างหมดเปลือกของคุณชายเซียวสาม เอ่ย “เป้าหมายสูงสุดของกองกำลังราชสำนักคือการคว้าชัยเหนือกองทัพโยวโจว ได้สังหารเยี่ยนอ๋องที่เป็นเพียงเป้าหมายหนึ่ง ทว่าหากเมืองซื่อหยางถูกบีบคั้นหรือแย่ไปกว่านั้นก็คือเมืองเผิงถูกล้างบาง แม้เขาจะฆ่าเยี่ยนอ๋องทิ้งแล้วจะอย่างไร หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์เป็นตายเช่นนี้ เจ้าคิดว่าเขาจะเป็นคนประเภทเสียสละตนเองเพื่อจะคว้าชัยเหนือข้าศึกงั้นหรือ”

เซียวเชียนจย่งส่ายหัวไปมา หนานกงไหวเป็นคนประเภทที่ต่อให้กองทัพทั้งหมดถูกฆ่าตายล้างบางแต่ตนยังรอดนั้นก็เพียงพอแล้ว

ลิ่นฉังเฟิงที่อยู่ด้านข้างลูบคางพลางครุ่นคิด “ดังนั้น ท่านจะให้คนไปปิดกั้นบริเวณทางแยกแม่น้ำหลีเพื่อขัดขวางทางหนีของเขางั้นหรือ แต่ท่านก็เกรงว่าเขาจะเป็นหมาจนตรอกขอสู้จนตัวตายกับพวกเราใช่หรือไม่”

หนานกงชวี่พลันยิ้มหยัน สีหน้าเย็นชา “ตอนนี้เขาไม่คิดว่าจะแพ้ให้กับพวกเราหรอก ต่อให้จะแพ้จริง เขาก็ยังสามารถถอยไปยังเมืองเผิงได้”

เมืองเผิงที่มีกองทัพนับหลายแสนของเฉินอวี้อยู่! คุณชายฉังเฟิงกลืนคำพูดที่เตรียมจะเอ่ยลงไปทันที

เซียวเชียนชื่อที่ทักษะการต่อสู้อ่อนด้อยที่สุดในหมู่พวกเขาอดถามขึ้นไม่ได้ “เช่นนั้นแล้ว ตอนนี้พวกเราจะทำเช่นไรกันดีขอรับ”

ลิ่นฉังเฟิงยิ้ม “บุกเมืองสิ”

“พวกเราแค่ต้องจับตัวหนานกงไหวไว้ก็พอแล้ว แต่…อาจบุกโจมตีไม่สำเร็จกว่าแปดถึงเก้าส่วน” ทว่าหากหนานกงไหวคิดจะไปช่วยทางหุบเขาฟู่อวิ๋นแล้วล่ะก็ พวกเขาคงขัดขวางไว้ได้ไม่ยาก

“แล้วเช่นนั้น?” เซียวเชียนจย่ง

หนานกงชวี่หลุบตาลง “เช่นนั้น…ถึงตอนนั้นด้านแม่ทัพเฉินอวี้ก็คงกำลังสู้ศึกอยู่ หากพวกเราขัดขวางหนานกงไหวไม่ได้ ก็มีแต่จะต้องไปขุดเปิดทางน้ำของทะเลสาบฝูหลิงแล้ว”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *