หมอหญิงยอดมือสังหาร 919 เมืองเหยี่ยนแตกพ่าย ขุนพลวางแผน (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 919 เมืองเหยี่ยนแตกพ่าย ขุนพลวางแผน (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 919 เมืองเหยี่ยนแตกพ่าย ขุนพลวางแผน (2)

เว่ยจวินมั่วมองเขาท่าทีเรียบเฉย เอ่ยว่า “หากอู๋สยาไม่ไหว เช่นนั้นเจ้าก็คงไม่ไหวหรอก” คุณชายเว่ยกำลังดูถูกวรยุทธ์ของสหายตัวเองอย่างเปิดเผย คุณชายฉังเฟิงเอ่ยอันใดไม่ออก เอ่ยถึงวรยุทธ์แล้ว…หากเทียบกับแม่นางมั่วเขาอาจจะดูด้อยกว่าสักหน่อยจริงๆ แต่ว่าก็ไม่ได้แตกต่างกันมากเพียงนั้น แต่ในเมื่อเขาดูถูกตนเช่นนี้… คุณชายฉังเฟิงยักไหล่ ไม่เป็นไร เว่ยจวินมั่วยังไม่เป็นห่วงภรรยาตัวเอง เขาจะเป็นห่วงไปทำไมกัน

และในยามนี้ ณ เมืองเหยี่ยน ภายในซอยอันมืดมิด เหล่าคนชุดดําเดินไปข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ กระทั่งรวมตัวกันภายในซอยเล็กๆ แห่งนี้ ทั้งที่ด้านนอกมีทหารรักษาการณ์อยู่มากมาย

“จวิ้นจู่”

หนานกงมั่วสวมชุดสีดํา ท่ามกลางแสงสลัวในยามดึก ยิ่งทำให้นางดูผอมเพรียวมากกว่าเดิม แต่คนที่มากับนางกลับไม่มีใครกล้าดูถูกนาง ตรงกันข้ามสายตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความนับถือและเชื่อใจ หนานกงมั่วเงยหน้ามองออกไปด้านนอกซอย ถนนกว้างขวาง แล้วยังมีจวนว่าการขนาดใหญ่แต่กลับดูไม่ค่อยยิ่งใหญ่นัก ทั้งยังไม่มีป้ายจวน แม้แต่ตอนนี้ทั้งนอกและในจวนก็เต็มไปด้วยทหารมากมายล้อมรอบอย่างแน่นหนา

หนานกงมั่วหยิบภาพวาดออกมาดู เอ่ยเบาๆ “ตอนนี้พวกเขากำลังประมาท ก่อนหน้านี้มีคนสํารวจแล้ว ที่นี่ ที่นี่ แล้วยังมีที่นี่ ล้วนแต่เป็นจุดที่คุ้มกันอ่อนแอที่สุด หลังจากส่งทหารเข้าไปสามทางนี้ จัดการทุกคนที่อยู่ในลานก่อน ยึดคลังเสบียง จากนั้นค่อยส่งสัญญาณบอกคนข้างนอกให้เตรียมบุกเมืองทันที”

ชายชุดดําที่ยืนอยู่ข้างๆ พยักหน้า เขามองหนานกงมั่วด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ย “จวิ้นจู่ แล้วท่านล่ะขอรับ”

หนานกงมั่วยิ้มมุมปาก “จับโจรก็ต้องจับหัวหน้าใหญ่”

“จวิ้นจู่ แต่…” ถึงแม้พวกเขาจะมีวรยุทธ์แข็งแกร่ง แต่การยึดคลังเสบียงทั้งหมดย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถแบ่งคนไปกับจวิ้นจู่ได้ แต่หากเกิดอันใดขึ้น…

หนานกงมั่วเอ่ยขัดจังหวะเขา “เข้าเมืองแล้ว ต้องฟังข้า”

ทหารคนนั้นไม่มีทางเลือก เขาพยักหน้าตอบรับ คุณชายบอกไว้ว่าต้องฟังคำสั่งของจวิ้นจู่

หนานกงมั่วยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วพยักหน้า “เอาล่ะ ไปกันเถิด”

“จวิ้นจู่โปรดระวังตัวด้วย”

มองดูกลุ่มชายชุดดําหายไปในความมืดเงียบๆ หนานกงมั่วหันไปเอ่ยกับหลิ่วหันที่อยู่ด้านข้าง “เราไปกันเถิด”

หลิ่วหันมองซ้ายมองขวา ถอนหายใจออกมาเบาๆ “จวิ้นจู่จะไปเสี่ยงอันตรายอีกแล้ว ไยถึงไม่พาซิงเวยมาด้วยเจ้าคะ” หากเกิดอันใดขึ้น คุณชายต้องถลกหนังนางแน่นอน หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด ซิงเวยคอยช่วยอยู่นอกเมืองดีกว่า”

หนานกงมั่วกับหลิ่วหันเหาะขึ้นลงอยู่ภายในจวนที่ว่าการอันใหญ่โตในเมือง หลบเหล่าองครักษ์มากมาย จากนั้นก็พบเป้าหมายของพวกนางอย่างรวดเร็ว ลานที่กว้างใหญ่ที่สุดหลังจวนยังคงเงียบสงัด ทั้งสองคนหมอบตัวอยู่บนหลังคา หลิ่วหันใช้สายตาถามหนานกงมั่ว หนานกงมั่วยิ้มอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงพยักหน้าส่งสัญญาณให้นางลงมือได้

หลิ่วหันก็ไม่เกรงใจ แกะกระเบื้องบนหลังคาออกทีละชิ้น เมื่อมองลงไปจากหลังคาก็จะสามารถมองเห็นห้องที่สว่างไสวข้างใน

“ใครกัน” คนที่อยู่ในห้องไม่ใช่คนธรรมดา เขารู้ตัวในทันที หลิ่วหันเลิกคิ้วขึ้น โยนเศษกระเบื้องลงไป คนที่เพิ่งลุกขึ้นนั่งบนเตียงก็หลบได้อย่างรวดเร็ว

ชายวัยกลางคนที่อยู่บนเตียงมองดูสตรีชุดดําทั้งสองเหาะลงมาจากหลังคาด้วยสีหน้าหวาดกลัว เขาอ้าปากขึ้นแต่กลับเอ่ยอันใดไม่ออก

หนานกงมั่วยิ้ม ดึงเข็มเงินออกมาก่อนจะส่งไปยังหลายจุดบนร่างกายเขา จากนั้นจึงเอ่ย “ตอนนี้เจ้าเอ่ยได้แล้ว แต่ว่า…ทางที่ดีอย่าส่งเสียงดัง หากไม่ระวังทําให้เข็มเงินเคลื่อนที่ไป เทพเซียนจากแดนต้าหลัว[1]ก็ช่วยเจ้าไม่ได้”

ชายวัยกลางคนขยับตัวเบาๆ รู้สึกเจ็บตรงจุดที่มีเข็มเงินปักอยู่ เขากัดฟันพลางเอ่ยเบาๆ “พวกเจ้า…เป็นใคร ข้าไม่ได้มีความแค้นต่อแม่นางทั้งสอง…”

“ไม่มีความแค้นหรือ” หนานกงมั่วยิ้ม “ไม่มีความแค้นจริงๆ”

ชายวัยกลางคนรู้สึกยินดีขึ้นมา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้…”

หนานกงมั่วถอนหายใจ เอ่ยว่า “แต่น่าเสียดาย…ที่แม่ทัพถังของเจ้าล้อมแม่ทัพเซวียของพวกข้า เจ้าคิดว่าเรื่องนี้ควรจะจัดการเช่นไร”

“พวกเจ้า! พวกเจ้าคือ…คนของเยี่ยนอ๋องหรือ” ชายวัยกลางคนตกใจจนหน้าซีด เขาคือคนที่ถังเจิงส่งมาประจําการดูแลเสบียงอาหารของกองทัพที่เมืองเหยี่ยนโดยเฉพาะ เขาเป็นคนไม่มีความทะเยอทะยาน แล้วยังดีใจที่ไม่ต้องไปตายแนวหน้า แต่ใครจะรู้ว่ากำลังสนับสนุนของศัตรูไม่เดินตามไพ่ แต่กลับวิ่งมายังเมืองเหยี่ยน

หนานกงมั่วไม่ปฏิเสธ ยิ้มอย่างแผ่วเบาแล้วเอ่ย “ดังนั้น ตอนนี้แม่ทัพรู้แล้วใช่หรือไม่ว่าพวกข้ามาทำไม”

“พวกเจ้า…ต้องการอันใด”

หนานกงมั่วครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ยว่า “ท่านแม่ทัพอย่าห่วงไป เพียงเจ้าให้ความร่วมมือกับพวกข้า พวกข้าไม่มีทางทำอันใดเจ้า”

“พวกเจ้าอยากให้ข้าทรยศเช่นนั้นหรือ ไม่มีทาง!” ถึงแม้เขาจะไม่มีความทะเยอทะยาน แต่เขาก็ไม่คิดจะทำให้ตระกูลเดือดร้อน การทรยศอาจทำให้ถูกประหารทั้งตระกูล

หนานกงมั่วยิ้มร่าแล้วเอ่ย “ไม่ใช่เช่นนั้น เพียงท่านแม่ทัพให้ความร่วมมือกับพวกข้า เจ้าจะยังได้เป็นแม่ทัพนำทัพของเจ้าดังเดิม”

ชายวัยกลางคนมองนางด้วยสีหน้าสงสัย “พวกเจ้าจะให้ข้าทําอันใด”

หนานกงมั่วยื่นมือให้เขา ในมือมียาเม็ดสีดําเม็ดหนึ่งวางอยู่ “เพียงท่านแม่ทัพกินยาเม็ดนี้ก็พอ”

ชายวัยกลางคนมองยาตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ราวกับมันเป็นสิ่งน่ากลัว หนานกงมั่วยิ้มอย่างอ่อนโยนและงดงาม “แน่นอนว่าท่านแม่ทัพสามารถปฏิเสธได้”

ปฏิเสธ…เขาก็ต้องตาย เขาไม่อยากตาย

“ข้า…ข้ากิน”

หนึ่งเค่อต่อมามีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านนอกประตู ในไม่ช้าก็มีคนปรากฏตัวขึ้นที่ประตู “ท่านแม่ทัพแย่แล้ว มีข้าศึกล้อมเมือง มีคนบุกรุกคลังเสบียงขอรับ”

สีหน้าชายวัยกลางคนซีดเซียว เขายืนขึ้นแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ข้ารู้แล้ว ประกาศกองทัพเตรียมพร้อม ข้าจะออกไปเดี๋ยวนี้”

“ขอรับท่านแม่ทัพ”

เสียงฝีเท้าค่อยๆ จางหายไป หนานกงมั่วที่นั่งอยู่ด้านข้างยืนขึ้นแล้วยิ้มอย่างแผ่วเบา “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านแม่ทัพ พวกข้าคงต้องขอตัวก่อนแล้ว”

ชายวัยกลางคนมองสตรีทั้งสองที่อยู่ตรงหน้าด้วยสีหน้าเหม่อลอย “พวกเจ้า…เป็นใครกันแน่”

หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “ข้าแซ่หนานกง ขอตัวลาแล้ว”

ชายวัยกลางคนตกใจ

แซ่หนานกง หนานกงมั่ว

ซิงเฉิงจวิ้นจู่

หลังออกมาจากจวนของรองแม่ทัพหลิว ท้องฟ้าก็เริ่มสว่างขึ้นแล้ว ทั้งเมืองกำลังสับสนวุ่นวาย ไม่มีคนสังเกตเห็นสตรีสองคนที่เดินอยู่บนถนน หลิ่วหันที่เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วเดินอยู่ข้างๆ หนานกงมั่ว นางเอ่ยถามเบาๆ “จวิ้นจู่ ตอนนี้พวกเราจะทำอันใดเจ้าคะ” ทางคลังเสบียงประสบความสําเร็จแล้ว ตอนนี้ถึงพวกนางทั้งสองรีบไปก็คงช่วยอันใดไม่ได้อยู่ดี กองทัพใหญ่ที่ประตูเมืองกําลังบุกโจมตีเมือง ดูเหมือนพวกนางทั้งสองจะไม่มีสิ่งใดให้ทำแล้ว

[1] แดนต้าหลัว อยู่เหนือไตรภพและแดนฟ้าทั้งหลายนี้ ถือเป็นสถานที่พำนักแห่งเทพเซียนผู้สูงส่งทั้งหลาย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *