หมอหญิงยอดมือสังหาร 493 จวินมั่วกลับเมืองหลวง (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 493 จวินมั่วกลับเมืองหลวง (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 493 จวินมั่วกลับเมืองหลวง (2)
“เซียวฉุน! เขาต้องการทำอะไรกันแน่ ข้ามิได้มีความแค้นอันใดกับเขาสักหน่อย…” เซียวเชียนจย่งโกรธมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น

หนานกงมั่วยิ้มบางแล้วจึงกล่าวว่า “เขาอาจไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เจ้า แต่อาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ…ใครให้เจ้าพลั้งมือพอดิบพอดีเล่า” ไม่ว่าจะเป็นคุณชายในอ๋องคนใดที่พลั้งมือฆ่าคุณชายในคังอ๋อง ผลลัพธ์ก็จะเหมือนเดิมอยู่ดี อย่างไรเสียก่อนที่เหล่าผู้ปกครองเมืองจะเล็งเป้าไปยังเซียวฉุน พวกเขาก็คงจะเริ่มหาเรื่องกันเองไปแล้ว ถึงแม้เป็นเพียงคุณชายในนางสนม แต่ผู้ปกครองเมืองที่ต้องสูญเสียลูกชายไปทั้งคนคงไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่

เซียวเชียนจย่งรู้สึกอึดอัด “แล้วพวกเราควรทำเช่นไรขอรับ”

หนานกงมั่วกลอกตา เอ่ยว่า “รีบเขียนจดหมายถึงเสด็จพ่อของเจ้าว่าจะทำเยี่ยงไร เจ้าคงไม่คิดหรอกนะว่าการฆ่าคุณชายในผู้ปกครองเมืองไปทั้งคนจะไม่ส่งผลอันใดเลย แม้ว่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่ลูกเขาก็ตายไปแล้ว” ฉะนั้นท้ายที่สุดก็ยังต้องให้เยี่ยนอ๋องเป็นผู้แก้ปัญหาให้ ลูกชายของตนฆ่าลูกชายของพี่น้อง หากผู้เป็นบิดาไม่คิดจะทำสิ่งใดเลย รู้ไปถึงไหนคงอายไปถึงนั่น

“เชียนชื่อ พรุ่งนี้เจ้ากับเชียนเหว่ยและเชียนจย่งไปหาผู้สืบทอดคังอ๋องสักครั้งเถิด ข้าคิดว่าผู้สืบทอดคังอ๋องเป็นคนฉลาด จะเป็นการดีที่สุดหากเขายอมถอยด้วยตัวเอง สุดท้ายแล้วการสอบสวนเหตุในครั้งนี้จะตัดสินโดยศาลต้าหลี่ แต่หากสามารถโยกย้ายไปที่กรมอาญาได้ย่อมดีกว่า” หนานกงมั่วเอ่ย

“ทำไมหรือขอรับ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้วพลางอมยิ้ม กล่าวว่า “คุณชายสาม เจ้าคงไม่ลืมที่หร่วนอวี้จือพูดในตำหนักเมื่อครู่นี้ใช่หรือไม่ อ้อ จริงสิ ข้าลืมบอกเจ้าไปว่าข้ามีความแค้นกับหร่วนอวี้จือ”

“ฉะนั้น…”

หนานกงมั่วเอ่ยต่อ “ฉะนั้นหากตกอยู่ในกำมือเขาแล้ว ย่อมไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”

เซียวเชียนชื่อขมวดคิ้ว เอ่ย “แล้วถ้าหากฝ่าบาทปฏิเสธ ไม่ให้กรมอาญารับคดีล่ะขอรับ ยามนี้…ฝ่าบาทก็ทรงทราบดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับหร่วนอวี้จื่อไม่ค่อยดีใช่หรือไม่” หากไม่ลงรอยกันก็จะสามารถระงับหน้าที่ไปได้ เช่นนั้นก็ไม่แน่ว่าเซียวเชียนเยี่ยคงจะให้ศาลต้าหลี่มาพิจารณคดีแทน

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “หากเปลี่ยนศาลต้าหลี่ไม่ได้ ก็ต้องเปลี่ยนเส่าชิงแห่งศาลต้าหลี่” คนอย่างหร่วนอวี้จือต่อให้เคยได้รับบทเรียนมาก่อนทว่าก็คงยังไม่เข็ด คนที่อยากจัดการกับเขาในเมืองจินหลิงแห่งนี้ไม่ได้มีเพียงนางคนเดียว

พี่สะใภ้ช่างกล้าหาญนัก! เซียวเชียนจย่งมองไปยังหนานกงมั่วอย่างนับถือ

เซียวเชียนชื่อพยักหน้า “เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้ากับเจ้าสองจะพาเจ้าสามไปหาผู้สืบทอดคังอ๋องด้วยกันขอรับ” พวกเขาทั้งสามเดินทางมาพร้อมกัน เขาเป็นทั้งพี่ใหญ่และผู้สืบทอด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพาน้องชายกลับไปยังโยวโจวอย่างปลอดภัยให้ได้ เซียวเชียนชื่อลอบถอนหายใจ ภายในใจเกิดความกังวลเรื่องในอนาคตอยู่เช่นกัน

เมื่อเดินทางกลับถึงจวน หลังจากไปส่งองค์หญิงฉังผิงกลับถึงเรือนด้วยตัวเองแล้ว หนานกงมั่วจึงค่อยกลับไปยังเรือนของตน

เพียงก้าวเข้ามาในเรือนก็อดไม่ได้ต้องหยุดชะงักไป แสงจันทร์สลัวเผยให้เห็นร่างสูงร่างหนึ่งยืนอยู่ภายใต้ชายคา ขณะสายตานิ่งมองไปยังโคมริมระเบียงทางเดินพลันได้ยินเสียงฝีเท้า เขาจึงหันมามองนาง แม้สีหน้าจะยังคงเรียบเฉยอยู่ ทว่านัยน์ตาสีม่วงคู่นั้นกลับทอประกายอ่อนโยนภายใต้แสงจันทร์

หนานกงมั่วอ้าปากเหมือนต้องการจะเอ่ยบางอย่าง แต่กลับไม่สามารถเอ่ยออกมาได้ เดิมภายในใจมีหลายสิ่งหลายอย่างอยากจะพูดอยากจะบ่น แต่ดูเหมือนว่าฉับพลันนั้นได้สลายหายไปแล้ว สายตาของนางจับจ้องไปยังใบหน้างดงามไร้ที่ติของเขา “ท่าน…”

“อู๋สยา ข้ากลับมาแล้ว” เว่ยจวินมั่วมองหน้านางเอ่ยเสียงเบา

“ทำไมท่านถึง…” หนานกงมั่วที่เพิ่งได้สติขึ้นมาเอ่ยถามด้วยความสงสัย หลังจากที่จับมือนางไว้และดึงนางเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของเขาแล้ว เดิมทีนางคิดว่าต่อให้กลับได้เร็วสักหน่อย อย่างไรเว่ยจวินมั่วก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนถึงจะกลับมาถึง เว่ยจวินมั่วก้มหน้าลงแล้วจึงเอ่ย “ข้าเป็นห่วงเจ้า ขอโทษด้วยที่ทิ้งเจ้าไว้ที่จินหลิงคนเดียว” เดิมทีก็คาดเดาไว้แล้วว่าคงจะต้องเกิดเรื่องในจินหลิง ทว่าคิดไม่ถึงเลยว่าจะเกิดเรื่องใหญ่โตเพียงนี้ องค์รัชทายาทและฮ่องเต้สวรรคตตามกันไปในเวลาไม่ถึงสิบวัน แม้ว่าเว่ยจวินมั่วจะบ้าบิ่น ทว่าก็คิดไม่ถึงว่าเซียวฉุนจะกล้าทำเรื่องเช่นนี้ได้

หนานกงมั่วส่ายหน้า “ข้ารับมือได้”

เว่ยจวินมั่วยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ค่อนข้างเย็นของนาง “ข้าไม่เคยคิดจะให้เจ้ารับมือกับเรื่องเหล่านี้”

เมื่อเข้าไปในเรือนแล้ว พบว่าเรือนนอนที่ตกแต่งอย่างสวยงามและอบอุ่นนั้นกลับว่างเปล่าไม่มีใคร เห็นได้ชัดว่าบ่าวรับใช้รู้ว่าซื่อจื่อกลับมาแล้ว ฉะนั้นพวกนางจึงรู้ดีว่าควรมีเวลาให้ทั้งสองอยู่ด้วยกันตามลำพัง

“อู๋สยา…”

หนานกงมั่วยิ้มบาง ปล่อยให้ตัวเองพักพิงอยู่ในอ้อมแขนของเขา แม้จะบอกว่าสามารถรับมือได้ แต่เมื่อแบกรับหลายอย่างไว้คนเดียว แรงกดดันเรื่องความปลอดภัยของผู้คนมากมาย ทำให้แม้แต่อดีตมือสังหารอันดับหนึ่งก็ย่อมจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยอย่างเลี่ยงไม่ได้ นางเงยหน้าขึ้นมองใบหน้าหล่อเหลาของเขา เทียบกับตอนที่อยู่หลิงโจวแล้วดูซูบผอมไปไม่น้อยเลย เห็นได้ชัดว่าที่ผ่านมาคงไม่ได้สบายนัก “อาการบาดเจ็บหายดีแล้วหรือไม่”

เว่ยจวินมั่วยื่นมือไปรวบนิ้วเรียวของนางมากุมไว้ในมือของเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “มีคุณชายเสียนเกออยู่ จะไม่หายได้อย่างไร”

หนานกงมั่วยิ้ม ก็จริง หากถามเช่นนี้ต่อหน้าศิษย์พี่แล้วศิษย์พี่ไม่โวยวายกลับคงจะแปลก

“กลับมาดึกดื่นเช่นนี้ไม่ใช่ว่ามีเรื่องสำคัญหรือ ไม่ต้องรีบเข้าวังไปรายงานตัวหรอกหรือ” ที่จริงเว่ยจวินมั่วออกจากจินหลิงไปตามราชโองการ ยามนี้กลับมาแล้วก็ควรเข้าไปถวายรายงาน แม้ว่าฮ่องเต้จะมิใช่ฮ่องเต้พระองค์เดิมอีกต่อไปแล้วก็ตาม

“ยังไม่ต้อง ยามนี้ประตูวังคงปิดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเข้าไป” เว่ยจวินมั่วเอ่ย ทอดสายตาจ้องมองใบหน้างดงามของนาง เอ่ยเสียงกระซิบ “หลายวันมานี้อู๋สยาคิดถึงข้าบ้างหรือไม่”

“เอ่อ” หนานกงมั่วตกตะลึง ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าบรรยากาศตรงหน้ากลับร้อนรุ่มคลุมเครือขึ้นมา คิดจะลุกหนีไปก็ไม่ทันเสียแล้ว ริมฝีปากอุ่นประทับลงมา ถูกเขาโอบกอดไว้ เรียวลิ้นจู่โจมเข้าไปภายในปากของนาง ช่วงชิงสัมผัสหอมหวน สองมือกอดนางแนบแน่นราวกับจะสิงนางอยู่แล้ว ความเร่าร้อนพลันแผ่ซ่านทั่วร่างกาย

“จวิน…จวินมั่ว ข้ายังมีบางอย่างจะบอก” หนานกงมั่วเอ่ยอย่างยากลำบาก เดิมทีพวกเขาก็เป็นคู่แต่งงานใหม่ ออกเรือนได้ไม่นานก็จำต้องอยู่ห่างกัน ที่จริงแล้วห่างกันไปสักเล็กน้อยนั้นกลับยิ่งทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น หนานกงมั่วถอนหายใจ ทิ้งเรื่องทุกอย่างไว้ข้างหลัง โอบรอบคอเขาไว้แน่น

ทั้งสองล้มลงบนเตียงแล้วปิดผ้าม่าน ก็ได้ยินเสียงคลุมเครือดังแว่วมาจากในห้อง พระจันทร์นอกหน้าต่างหลบซ่อนตัวในหมู่เมฆอย่างเงียบงันราวกับต้องการซ่อนใบหน้าแดงก่ำของนาง

เอาเถิด จริงๆ นางก็คิดถึงชายผู้นี้มากเช่นกัน

เมื่อตื่นจากความฝัน หนานกงมั่วก็เงยหน้าขึ้นเพราะความอบอุ่นที่ส่งมาจากด้านข้าง สิ่งแรกที่เข้าสู่สายตาคือใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังหลับอยู่ของเว่ยจวินมั่ว ชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่นั้นดูอ่อนโยนและไร้พิษสงแตกต่างจากยามปกติอยู่บ้าง ความเย็นชาเองก็ลดน้อยลงด้วย ใบหน้าอันหล่อเหลาดูอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย ใต้ดวงตามีรอยคล้ำจางๆ เห็นได้ชัดว่าสองสามวันนี้คงไม่ได้พักผ่อนเท่าใดนัก คิดแล้วก็เข้าใจว่าที่เขาสามารถมาปรากฏตัวในจินหลิงได้รวดเร็วเพียงนี้ คงเป็นเพราะรีบควบม้ากลับมาโดยไม่ได้พักเลยเป็นเวลาหลายวัน

ยกมือขึ้น อยากจิ้มใบหน้าหล่อเหลาของเขาเบาๆ แต่กังวลว่าจะปลุกเขาตื่นจึงยั้งมือเอาไว้ “คราวนี้จะปล่อยท่านไปก่อนแล้วกัน” อย่างไรบุรุษผู้นี้ก็เป็นของนาง

มือข้างหนึ่งยกขึ้นจับมือนางเอาไว้ ชายหนุ่มที่นอนหลับอยู่ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมอง ดวงตาสีม่วงของเขาทอประกายอ่อนโยน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *