หมอหญิงยอดมือสังหาร 125 ชายสวมหน้ากากลึกลับ (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 125 ชายสวมหน้ากากลึกลับ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องยกเท้าขึ้นถีบไปยังโต๊ะข้างๆ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินออกไปด้วยความกรุ่นโกรธ

“องค์หญิง…” ความเงียบปกคลุมไปทั่วห้อง สาวใช้ต่างพากันคุกเข่าลง หวาดกลัวความเกรี้ยวกราดของจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง ไม่กล้าเอ่ยวาจาใด หนานกงมั่วมององค์หญิงฉังผิงที่ดูเหม่อลอย เอ่ยขึ้นด้วยความกังวล องค์หญิงฉังผิงจึงได้สติกลับมา เอ่ยตอบเสียงราบเรียบ “น่าอายแล้ว”

“องค์หญิงกล่าวเกินไปแล้ว องค์หญิงกับจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง…” หนานกงมั่วเองก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ยุยงให้องค์หญิงเลิกกับจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องหรือ หากลาขาดกันได้จริงๆ ก็คงไม่ดึงดันอยู่กันมาหลายปีเช่นนี้ ไม่ว่าองค์หญิงไม่ยอมหรือจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่ยอม หรือบางทีอาจเพราะราชวงศ์ไม่ต้องการเสียหน้า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผู้น้อยอย่างนางจะพูดมากได้

องค์หญิงฉังผิงยิ้ม เอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไร ชาตินี้ข้าขอเพียงได้เห็นจวินเอ๋อร์มีความสุขก็เพียงพอแล้ว ข้าอยากเห็นจวินเอ๋อร์นั่งบนตำแหน่งจวิ้นอ๋อง แบบนี้…ข้าจึงจะวางใจ”

หนานกงมั่วย่นคิ้ว “องค์หญิงเพคะ บางที เว่ยจวินมั่วอาจมิได้สนใจตำแหน่งจวิ้นอ๋อง”

“เด็กโง่” องค์หญิงฉังผิงส่ายศีรษะพร้อมกับถอนหายใจออกมา “ในเมืองจินหลิง หากไม่มีตำแหน่งอำนาจใดๆ เจ้าก็จะกลายเป็นคนที่ทุกคนพร้อมเหยียบย่ำ ยิ่งไปกว่านั้น…ตำแหน่งจวิ้นอ๋องนี้เป็นตำแหน่งที่บุตรชายของข้าควรได้รับ หากจวินเอ๋อร์มิได้ตำแหน่งนี้ไป เช่นนั้นจวนจิ้งเจียงก็ไม่ควรมีอยู่อีกต่อไป”

มองสายตามาดมั่นขององค์หญิงฉังผิง หนานกงมั่วทำได้เพียงถอนหายใจอยู่ภายใน นี่นับเป็นความมัวเมาอีกอย่างหนึ่งสินะ

หลังจากบอกลาองค์หญิงฉังผิง เดินทางออกจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง หนานกงมั่วมิได้ตรงกลับจวนในทันทีแต่อย่างใด เพียงออกคำสั่งให้บรรดาหมิงฉินกลับไป ตนเองนั้นหมุนตัวเดินไปตามท้องถนน ยามนี้เว่ยจวินมั่วไม่อยู่จินหลิง ลิ่นฉังเฟิงก็ไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน กิจการต่างๆ พึ่งเปิดไปได้ไม่นาน นางต้องไปดูบ้างเป็นครั้งคราวถึงจะวางใจได้

ลิ่นฉังเฟิงแม้จะดูเสเพล แต่ก็พึ่งพาได้ หาได้ยากนักกับลูกหลานชนชั้นสูงที่จะมีความสามารถด้านการทำกิจการ และไม่รู้ไปหาคนมาจากไหน ในร้านถูกจัดการเป็นอย่างดี หนานกงมั่วคิดอยู่ในใจ การลงทุนครั้งนี้แม้จะนับว่ามากทีเดียว ทว่าโชคดีที่ไม่เสียเปล่า

เมื่อตรวจดูกิจการร้านสุดท้ายเรียบร้อยก็ถึงยามเย็นเสียแล้ว หนานกงมั่วเลือกซื้อของว่างที่ตนชอบ จากนั้นหมุนตัวเดินมุ่งหน้ากลับจวนฉู่กั๋วกงไป

“เจ้าตามข้ามานานเพียงนี้ ออกมาเจอกันหน่อยไม่ดีกว่าหรือ” ไม่รู้เมื่อใดที่ถนนตรงหน้าร้างไร้ซึ่งผู้คน หนานกงมั่วค่อยๆ หันกลับไปมองถนนที่ว่างเปล่าด้านหลัง

“คุณหนูหนานกงช่างสมคำร่ำลือ รู้ตัวว่าข้าติดตามท่านมาได้รวดเร็ว นับถือจริงๆ” เสียงแปลกประหลาดของชายผู้หนึ่งดังขึ้น หนานกงมั่วสัมผัสได้ถึงสายลมพัดวูบผ่านศีรษะ รีบก้มตัวลงพลิกตัวหลบการโจมตีที่พุ่งเข้ามา หันกลับไปมองชายที่ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

ชายผู้นั้นสวมหน้ากากจึงมองไม่ออกว่าหน้าตาเช่นไร ทว่าดวงตาที่เผยให้เห็นภายใต้หน้ากากเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและความชั่วร้าย เขาอยู่ในชุดสีดำ ปักลายดอกไม้สีทองดูซับซ้อน เขายืนอยู่ตรงนั้นอย่างไร้ความกังวล ทำให้คนรู้สึกกดดันอย่างหาที่เปรียบมิได้

หนานกงมั่วจ้องมองชายผู้นั้นด้วยความระแวดระวัง สายตาจับจ้องอยู่ที่ดอกไม้สีทองบนชุดของเขา ดวงตาเรียวสวยหรี่แคบ

ชายผู้นั้นมองตามสายตาของหนานกงมั่วมายังชุดของตอน เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “โอ๊ะ ถูกเสี่ยวมั่วรู้ฐานะที่แท้จริงแล้ว ต้องฆ่าเจ้าปิดปากหรือเปล่านะ แต่ข้าคงยอมมิได้หรอกที่จะให้สตรีงดงามดั่งหยกต้องมาตายง่ายๆ เช่นนี้ มิสู้…เจ้าไปอยู่กับข้าเป็นอย่างไร”

หนานกงมั่วมองชายตรงหน้าที่กำลังคุยกับตัวเอง เอ่ยขึ้น “คิดมากไปแล้ว ข้าเพียงคิดว่าดอกไม้ธรรมดาเช่นนี้ไยเจ้าไม่เอาไว้บนศีรษะเจ้าเล่า ไม่แน่อาจโดดเด่นขึ้นมาบ้าง”

ภายใต้หน้ากาก มุมปากของชายผู้นั้นยกขึ้นในแบบที่เห็นได้ยาก ไม่นานก็หัวเราะออกมา “หากเสี่ยวมั่วชอบ ข้าจะทำดอกไม้แบบนี้ให้เจ้าใส่ไว้บนศีรษะ ต้องสวยกว่าปิ่นอันใดนั่นที่เว่ยจวินมั่วมอบให้เจ้าอย่างแน่นอน”

หนานกงมั่วเอ่ย “ขอบใจ รสนิยมของข้ามิได้ประหลาดเช่นเจ้า เจ้าเอ่ยมาตามตรงเถิด ตามมาเพื่อสิ่งใด”

“ข้าบอกเจ้าไปแล้ว อยากให้เสี่ยวมั่วมาเป็นผู้หญิงของข้า” ชายผู้นั้นเอ่ยตอบ

หนานกงมั่วยิ้มเย็น “ในเมื่อมิต้องการบอก เช่นนั้นก็คงมิเล่นด้วยแล้ว”

“ฮ่าๆ ผู้หญิงของเว่ยจวินมั่วช่างน่าสนใจ อยากหนีหรือ ต้องถามข้าก่อนว่าข้าจะปล่อยเจ้าไปหรือไม่” ชายผู้นั้นยิ้มร้าย เพียงสะบัดมือ แส้ยาวสีแดงก็ปรากฏขึ้นในมือขวาของเขา จากนั้นสะบัดตรงเข้าหาหนานกงมั่วอย่างไร้ความปรานี หนานกงมั่วรีบก้าวเท้าหลบแส้ยาว ตวัดเข็มเงินในมือพุ่งเข้าหาชายผู้นั้น ชายผู้นั้นส่งเสียงหยัน กวาดแขนเสื้อพาเข็มพวกนั้นเบี่ยงไปอีกฝั่ง ร่างของเขาเสียหลักถอยหลังไปหลายก้าว เลิกคิ้วพลางกล่าวชื่นชม “ฝีมือยอดเยี่ยม สมแล้วที่เป็นสตรีจวนแม่ทัพ เกรงว่าหนานกงไหวก็คงมีฝีมือไม่สู้เสี่ยวมั่วสินะ”

หนานกงมั่วส่งเสียงหยัน ทว่ามิได้กล่าวโต้ตอบ ได้ยินเพียงเสียงกึกกักสองครั้ง ดาบสั้นที่เดิมยาวไม่ถึงหนึ่งฉื่อ ยามนี้ยาวออกมากว่าสองฉื่อ

ชายคนนั้นหยุดลง มองดาบยาวในมือหนานกงมั่วด้วยความสนใจ เอ่ยขึ้น “น่าสนใจ”

เลียมุมปากด้วยความตื่นเต้น แส้ยาวในมือสะบัดแรง ตวัดไปยังหนานกงมั่วอีกครั้ง หนานกงมั่วกวัดแกว่งดาบมุ่งหน้าเข้าหาแส้ยาวนั่น นางเป็นนักฆ่า แน่นอนว่าต้องต่อสู้อย่างกล้าหาญไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ชายผู้นี้แม้มีวรยุทธ์สูงส่ง แต่ใช่ว่านางจะไร้ทางต่อสู้ หนานกงมั่วไม่คิดล่าถอย ปรับมือกับผู้มีวรยุทธ์สูงส่ง ความเชื่อนั้นสำคัญที่สุด ต่อให้ฝีมือจะแตกต่างกันเพียงใด หากยอมแพ้ตั้งแต่ต้นเช่นนั้นเจ้าก็จะไม่มีวันเอาชนะได้

บนเส้นทางที่ว่างเปล่า ทั้งสองต่อสู้กันไปมา กระบวนท่าของทั้งสองคล่องแคล่วว่องไว ชั่วพริบตาก็ปรับมือกันไปกว่าร้อยกระบวนท่า แขนซ้ายของหนานกงมั่วถูกแส้ฟาดเข้าไปหนึ่งครั้ง ไหล่ข้างขวาของชายผู้นั้นถูกดาบของหนานกงมั่วเฉือนไปหนึ่งคราว ชายผู้นั้นก้มหน้ามองบาดแผลที่ไหล่ ไม่ได้หนักหนาอันใดเป็นเพียงแผลเล็กน้อยเท่านั้น แต่นางเป็นเพียงหญิงสาวกลับสามารถทำให้เขามีบาดแผลได้ คงไม่พูดไม่ได้เลยว่าทำให้เขารู้สึกสนใจหญิงสาวตรงหน้ามากขึ้นทีเดียว

“น่าสนใจ วิชาดาบเสียนอวิ๋น เสียนเกอเป็นอันใดกับเจ้า” ชายผู้นั้นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

หนานกงมั่วถือดาบมั่นคง แววตาเย็นยะเยือก

ชายผู้นั้นยิ้มออกมา “วรยุทธ์ของเจ้าดีกว่าเสียนเกอเสียอีก ดูเหมือนว่า…คงจะเป็นศิษย์น้องของเขาสินะ เพียงแต่…น่าเสียดายที่ข้าเองก็ไม่รู้ว่าอาจารย์ของเสียนเกอคือใคร”

หนานกงมั่วเอ่ยตอบเขาด้วยน้ำเสียงเฉยชา “ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเกี่ยวข้องกับเสียนเกอ ก็น่าจะรู้ว่านอกจากวรยุทธ์แล้วเสียนเกอมีความเชี่ยวชาญในเรื่องใด”

ชายหนุ่มสงสัย “เอ๋ เสี่ยวมั่วหมายถึงการแพทย์อย่างนั้นหรือ”

หนานกงมั่วยิ้มเย็น “การแพทย์และยาพิษนั้นไม่แยกจาก พอดีที่ข้านั้นตรงข้ามกับเสียนเกอ…” ความจริงความสามารถเรื่องพิษศิษย์พี่เองก็ไม่แย่ บนโลกใบนี้สิ่งที่ร้ายกาจที่สุดแน่นอนว่ามิใช่วรยุทธ์ ต่อให้มีวรยุทย์ร้ายกาจเพียงใดอย่างมากก็ฆ่าได้สิบยี่สิบหรือร้อยคนเท่านั้น แต่หากวันใดศิษย์พี่คิดอยากฆ่าคนขึ้นมา แน่นอนว่าเพียงดีดนิ้วก็มีคนตายเป็นพันเป็นหมื่นได้

“เจ้าวางยาพิษงั้นหรือ” สีหน้าของชายผู้นั้นเปลี่ยนไป ก้มหน้ามองแผลที่ไหล่ของตน “อาบยาพิษไว้ในอาวุธ มิใช่สิ่งที่บุรุษพึงกระทำ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *