หมอหญิงยอดมือสังหาร 293 ถ้าไม่ตบนางจะคันมือ (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 293 ถ้าไม่ตบนางจะคันมือ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 293 ถ้าไม่ตบนางจะคันมือ (3)
“เจ้ากล้าตบแม่ข้า” เชียนหนิงที่อยู่ด้านข้างในที่สุดก็ทนไม่ไหวพุ่งเข้าหาหนานกงมั่ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเรื่องเฉียวเฟยเยียนโดนตบหรือเพราะเรื่องที่ตนเองถูกดูถูกมาทั้งวัน หนานกงมั่วยกยิ้มมุมปากเบาๆ ส่งสัญญาณมือให้เว่ยจวินมั่ว มองเชียนหนิงที่พุ่งเข้าหาตนเองพลางหัวเราะ ทว่าเมื่อเชียนหนิงอยู่ห่างจากตนเองเพียงสองก้าวก็กระโดดถีบนางออกไปทันใด การเตะครั้งนี้หนานกงมั่วไม่ได้ออมแรงเลยแม้สักนิด ทำให้เชียนหนิงบุรุษที่มีร่างกายสูงใหญ่กว่าหนานกงมั่วลอยออกไป ชนเข้ากับเสาที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล

“หนิงเอ๋อร์” เฉียวเฟยเยียนกรีดร้องขึ้นมา มองเชียนหนิงที่ชนเข้ากับเสาแล้วร่วงลงไปบนพื้น

หนานกงมั่วเดินมือไพล่หลังเข้าไปหาเชื่องช้า ยกเท้าถีบเฉียวเฟยเยียนที่พุ่งเข้าไปก่อนเบาๆ จากนั้นเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเชียนหนิง ก้มลงมองเขา

“ข้าตบแม่เจ้าแล้วทำไมหรือ” หนานกงมั่วสวยงดงามราวกับดอกไม้ มีเสน่ห์กินใจ แม้ยามนี้ที่เห็นได้ชัดว่ากำลังรังแกคนอื่นอยู่ เมื่อเอ่ยออกมาแล้วย่อมทำให้คนรู้สึกคล้อยตามและคิดว่าสมเหตุสมผล

เชียนหนิงกัดฟัน เลือดไหลซึมออกมาจากในปาก จ้องหนานกงมั่วเขม็ง หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้ากำลังคิดว่าต่อไปจะทำให้ข้าตายทั้งเป็นใช่หรือไม่ อย่าโง่ไปเลย ชาตินี้ทั้งชาติเจ้าไม่มีโอกาสนั้นด้วยซ้ำ ฝ่าบาทรังเกียจพวกเจ้าแม้กระทั่งแซ่เซียวยังไม่ยอมให้ใช้ เป็นเพราะกลัวว่าพวกเจ้าจะทำให้เชื้อพระวงศ์ต้องแปดเปื้อน ไม่มียศบรรดาศักดิ์หวาหนิงจวิ้นอ๋องแล้ว พวกเจ้าคงอยากได้ตำแหน่งฉู่กั๋วกงมากสินะ น่าเสียดาย…ตอนนี้ต่อให้พี่ใหญ่และพี่รองของข้าไม่อยู่แล้ว เจ้าก็เป็นคุณชายฉู่กั๋วกงไม่ได้ อย่ามองข้าเช่นนี้ ไม่ใช่ข้าที่ทำร้ายเจ้า เป็นแม่เจ้าต่างหากที่ทำร้ายเจ้า หากเจ้าคิดโทษ ก็โทษว่าเจ้ามีมารดาที่ไร้ยางอายเสียเถิด”

ในเรือนเงียบลง หนานกงไหวใบหน้าทะมึน แต่เมื่อสบตาเข้ากับเว่ยจวินมั่วที่จ้องพวกเขาด้วยสายตาเย็นชาจึงไม่อาจทำสิ่งใดได้

“ไม่…ไม่ใช่แบบนั้น…” เฉียวเฟยเยียนพยายามลุกขึ้นมา สะอึกสะอื้น “มั่วเอ๋อร์ ไยเจ้าจึงโกรธแค้นข้าเพียงนี้ พวกเราไม่เคยทำอันใดผิดต่อเจ้า ใครกัน…ใครกันที่เอ่ยสิ่งใดกับเจ้า เจ้าถูกคนอื่นโกหกแล้ว…”

หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ยตอบ “ท่านคิดมากเกินไปแล้ว ข้าเพียงเกลียดพวกสตรีที่ด้อยค่าตัวเองอยากได้สามีของคนอื่น โดยเฉพาะสตรีที่คิดแย่งชิงสามีของพี่น้องตัวเอง ไม่มีสิ่งใดน่ารังเกียจเสียยิ่งกว่าคนเหล่านี้อีกแล้ว”

“ข้าเปล่า…” เฉียวเฟยเยียนส่ายหน้ารัวเร็ว “ข้ามิได้ทำผิดต่อพี่สาว ข้า…ข้ากับพี่หนานกง…”

“ข้ารู้” หนานกงมั่วยกเท้าถีบเชียนหนิงไปอีกครั้ง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกท่านคือรักแท้นี่ แต่ว่ารักแท้ของพวกท่านมันเกี่ยวอันใดกับข้า เกี่ยวอันใดกับที่ข้าไม่ถูกชะตากับพวกเจ้าเล่า”

“พี่สาวเป็นคุณหนูจิตใจดีและอ่อนโยน ไยจึงสั่งสอนเจ้าออกมาเป็นเช่นนี้…”

คิ้วสวยของหนานกงมั่วขมวดเบาๆ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “สั่งสอนบุตรีเช่นข้าออกมาได้เยี่ยงไรน่ะหรือ เพราะรักแท้ของพวกท่านทำให้มารดาของข้าต้องจากไปเร็วอย่างไรเล่า ไม่มีใครสั่งสอนข้าจึงกลายมาเป็นแบบนี้ เฉียวฮูหยิน ท่านว่านี่เป็นการเอาคืนแล้วหรือไม่ ท่านจำเอาไว้ ทุกอย่างที่ข้าทำกับพวกท่านนั่นเพราะเอาคืนรักแท้ของพวกท่านที่บีบให้มารดาของข้าต้องตาย ดังนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เป็นสิ่งที่พวกท่านสมควรได้รับแล้ว”

เฉียวเฟยเยียนกัดฟัน ร่างโงนเงนพิงตัวไปยังหนานกงไหว “เจ้าโต้แย้งโดยไร้เหตุผล”

หนานกงมั่วเชิดปลายคางอันงดงามขึ้น เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้ามีความสามารถโต้แย้งโดยไร้เหตุผล เจ้ามากัดข้าสิ”

ในที่สุดเฉียวเฟยเยียนก็เข้าใจแล้ว ไม่ว่าจะใช้เหตุผลหรือไร้ซึ่งเหตุผลนางก็มิใช่คู่ต่อสู้ของหนานกงมั่ว ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงร้องให้สะอึกสะอื้นอย่างเจ็บปวดอยู่ในอ้อมแขนของหนานกงไหว เชียนหนิงและเย่ว์อู่ หนึ่งคนถูกเหยียบเอาไว้อยู่ใต้ฝ่าเท้าของหนานกงมั่ว อีกคนถูกเว่ยจวินมั่วใช้ปลายกระบี่แหลมจ่อลำคอเอาไว้ ชั่วพริบตาทั่วทั้งเรือนเหลือเพียงหนานกงไหวที่เคลื่อนไหวได้

หนานกงไหวหลับตาลง สะกดกลั้นความโกรธภายในใจ เอ่ยถาม “เจ้าต้องการทำสิ่งใดกันแน่”

หนานกงมั่วเองก็ไม่อ้อมค้อมกับเขา เอ่ยเสียงเข้ม “ข้อหนึ่ง สตรีผู้นี้ไม่มีวันได้เป็นฮูหยินคนใหม่จวนฉู่กั๋วกง หากท่านพ่อยืนยันจะแต่งนางเข้าจวน แล้วอย่ามาโทษข้าที่ต้องฟ้องเบื้องบน ที่ทำก็เพื่อมารดาและชื่อเสียงของจวนฉู่กั๋วกงทั้งนั้น ข้อสอง เรื่องนี้…ขอท่านพ่อและเฉียวฮูหยินรีบตัดสินใจเรื่องแซ่ของพวกเขา ข้าไม่มีทางยอมรับให้พวกเขามาใช้แซ่เดียวกับข้า ข้อสาม หากข้าเห็นสามแม่ลูกนี้ปรากฏตัวในที่สาธารณะในจินหลิงโดยใช้ความสัมพันธ์จวนฉู่กั๋วกง ก็อย่าหาว่าบุตรีเช่นข้าไม่ไว้หน้าท่านพ่อก็แล้วกัน”

“เจ้าต้องมีขอบเขตบ้าง” หนานกงไหวเอ่ยด้วยความโกรธ

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพ่อไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไร อย่างไรข้าก็มีเวลาว่างไม่น้อย ต่อไปจะก่อความวุ่นวายถึงขั้นไหนไม่ใช่สิ่งที่ข้าตัดสินใจได้ ในเมื่อชอบที่จะเป็นอนุภรรยา ก็เป็นอนุภรรยาให้ตลอดเถิด ไม่สิ ในระหว่างที่คัดบัญญัติตามบทลงโทษของฝ่าบาท ท่านเป็นได้เพียงอนุที่ไม่มีสถานะชัดเจน ในเมื่อเฉียวฮูหยินไม่รู้ว่าการเป็นนางบำเรอนั้นควรอยู่เงียบๆ ข้าผู้เป็นบุตรีคนโตเชื้อสายหลักจะสอนท่านแทนมารดาที่จากไปเอง รอจนเฉียวเชียนหนิงหาคู่แต่งงานไม่ได้ เฉียวเย่ว์อู่เป็นได้เพียงอนุภรรยาให้คนอื่น คิดว่าชาติหน้าเฉียวฮูหยินคงจะรู้จักการอยู่อย่างสงบเสงี่ยม เพียงน่าเสียดายบุตรชายบุตรีของท่าน…เดิมเป็นเชื้อพระวงศ์นี่” ระหว่างที่เอ่ย หนานกงมั่วก็ยกเท้าออกยอมปล่อยเชียนหนิง มองเขาด้วยความสมเพชและเสียดาย ราวกับเสียดายจริงๆ ที่เชื้อพระวงศ์เช่นเขาต้องตกต่ำกลายมาเป็นประชาชนธรรมดาอย่างนี้

เฉียวเฟยเยียนชะงักนิ่ง ตั้งแต่เจอกับหนานกงมั่วทุกสิ่งทุกอย่างล้วนไม่อาจควบคุมได้ แต่เฉียวเฟยเยียนไม่คิดว่าแม้แต่เส้นทางของบุตรชายบุตรีของตนเองหนานกงมั่วก็ตัดขาดจนหมดไปด้วย บุตรชายแต่งภรรยาไม่ได้ บุตรีทำได้เพียงเป็นอนุภรรยาให้แก่คนอื่น… อีกทั้งตนเอง…เดิมอยากเป็นฮูหยินจวนฉู่กั๋วกงทว่ากลับมิใช่เรื่องง่ายแล้ว

มองท่าทางโกรธเกรี้ยวของหนานกงไหว หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบพร้อมด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน หากท่านพ่อไม่อาจพรากจากเฉียวฮูหยินได้จริงๆ ล่ะก็ ท่านพ่อสามารถทูลขอฝ่าบาทออกจากตำแหน่งฉู่กั๋วกงได้ เห็นแก่ตำแหน่งบรรดาศักดิ์ ฝ่าบาทคงไม่ทำให้เฉียวฮูหยินต้องลำบากใจหรอก ท่านพ่อ ท่านว่าใช่หรือไม่”

เมื่อเอ่ยสิ่งเหล่านี้จบ หนานกงมั่วราวกับไม่มีความสนใจต่อครอบครัวนี้แล้ว โบกมือให้เว่ยจวินมั่ว เอ่ยขึ้น “พวกเราไปกันเถิด”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้า เก็บกระบี่อ่อนแล้วจูงมือหนานกงมั่วเดินออกไป ไม่แม้แต่จะชายตามองคนอื่นที่อยู่ตรงนั้นเลยสักนิดเดียว

เรือนทั้งเรือนเงียบสงบลง เฉียวเฟยเยียนพิงอยู่ในอ้อมแขนของหนานกงไหว เหม่อมองบุตรทั้งสองที่อยู่บนพื้น เนิ่นนานสุดท้ายจึงเปล่งเสียงร้องไห้เจ็บปวดออกมาภายใต้อ้อมกอดของหนานกงไหว บนพื้น สีหน้าของสองพี่น้องไร้แซ่สกุลเปลี่ยนไปมาไม่นิ่ง ยากจะบอกได้

เมื่อออกมานอกเรือนแล้ว หนานกงมั่วก็ปล่อยมือเว่ยจวินมั่วแล้วเดินเล่นอยู่บนถนนอย่างมีความสุข ไม่ใช่คนดีนี่นา รังแกคนอะไรกัน… บางครั้งก็ทำให้รู้สึกสบายใจได้ไม่น้อยเลย

เว่ยจวินมั่วเดินตามอยู่ด้านหลัง ใบหน้าเย็นชาปรากฏรอยยิ้มบางและปล่อยให้นางทำสิ่งที่ต้องการไปโดยไม่ห้ามปราม

“อู๋สยาตั้งใจหรือ” เว่ยจวินมั่วเอ่ยขึ้น

หนานกงมั่วหันกลับมา มองเขาด้วยรอยยิ้มใจดี ดวงตาเต็มไปด้วยท่าทีใสซื่อ “ตั้งใจหรือ ตั้งใจอะไรหรือ”

“รังแกเฉียวเฟยเยียนต่อหน้าฉู่กั๋วกง อีกทั้ง…สร้างความบาดหมาง”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *