หมอหญิงยอดมือสังหาร 322 ตื่นจากความเป็นและความตาย (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 322 ตื่นจากความเป็นและความตาย (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 322 ตื่นจากความเป็นและความตาย (1)
หนานกงมั่วเงียบไปนาน พยักหน้าพลางเอ่ย “ก็ดี เจ้ายืนกรานเช่นนี้ ข้าก็ไม่รู้จะเอ่ยเยี่ยงไร ข้าจะให้พวกเจ้าได้เจอกัน ลัวอี อย่าเอาชีวิตของเจ้าไปแขวนอยู่ที่ใคร ไม้คุ้มค่า”

“ขอบคุณเจ้ามาก มั่วเอ๋อร์” ลัวอีเงยหน้าขึ้น ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา

หร่วนอวี้จืออาศัยอยู่ที่ถนนเส้นหนึ่งในทิศตะวันตกของเมือง ห่างจากจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องระยะทางไม่นับว่าใกล้ แม้หร่วนอวี้จือจะเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลามากความสามารถของจินหลิง ทว่าเขาเกิดมายากจน จวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องย่อมอยู่ใกล้กับพระราชวัง ด้วยฐานะอย่างเขาไม่อาจมีเงินและความสามารถมากพอจะเข้ามาอยู่ใกล้ๆ ได้ แม้จะเป็นเช่นนี้ หร่วนอวี้จือยังมีบ้านที่ไม่เลวมากนักอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง

ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันนับว่าเป็นประเภทที่ตระหนี่ต่อบริพาร บ้านที่หร่วนอวี้จืออยู่แน่นอนว่าไม่ใช่ฝ่าบาทประทานให้ เมื่อฮ่องเต้ประทานตำแหน่งให้แก่ขุนนางใหม่ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนที่จะมาจากครอบครัวร่ำรวย อย่างไรก็ไม่ควรปล่อยให้เขานอนบนถนนหรอกใช่หรือไม่ คนที่อยู่ในเมืองและเป็นจอหงวนนั้นจะอาศัยอยู่ที่เรือนสองส่วนเล็กๆ ในทิศตะวันตกของเมืองเท่านั้น ทว่าหร่วนอวี้จือกลับมีเรือนที่มีพื้นที่กว่าเจ็ดส่วน การตกแต่งไม่ได้ด้อยไปกว่าขุนนางที่เกิดและเติบโตในเมืองหลวงอีกทั้งยังรับตำแหน่งมานานพวกนั้นอีกด้วย ความจริงจอหงวนจากครอบครัวยากจนที่สอบผ่านได้รับคัดเลือกเข้ามาพร้อมกันนั้นยามนี้ยังใช้ชีวิตอยู่อย่างยากลำบากในบ้านของตนเองกันอยู่เลย

ยามนี้หร่วนอวี้จือเป็นขุนนางขั้นสี่ เงินเดือนในหนึ่งปีก็ได้เพียงไม่กี่สิบตำลึง บวกกับเครื่องบรรณาการต่างๆ ก็ไม่เพียงพอให้ซื้อบ้านแม้แต่ครึ่งส่วน ดังนั้น เงินพวกนี้เอามาจากไหนไม่บอกก็คงรู้ดี

เหยียนลัวอีอายุสิบเจ็ดขายตัวเองเข้าไปเป็นคณิกา ชั่วพริบตาก็ผ่านไปกว่าห้าปี เงินที่เก็บสะสมมาตลอดหลายปีมอบให้หร่วนอวี้จือไม่ขาดแม้แต่ตำลึงเดียว ใบหน้าของเหยียนลัวอีโดดเด่น อีกทั้งยังมาจากครอบครัวนักปราชญ์ ในเมืองตานหยางนับว่าเป็นคณิกาผู้มีชื่อเสียง หลายปีมานี้เงินที่มอบให้แก่หร่วนอวี้จืออย่างน้อยก็มีหนึ่งหมื่นสองพันสามร้อยตำลึง ไม่แปลกใจไยหร่วนอวี้จือจึงกลายเป็นบัณฑิตสำนักฮั่นหลินผู้สง่างามได้ ทั้งยังมีชีวิตอิสระในเมืองจินหลิงได้ จนกระทั่งหลอกล่อคุณหนูตระกูลฉินและตระกูลเหลียนได้ หนานกงมั่วดูแล้ว สถานการณ์ของเหยียนลัวอีในตอนนี้เป็นเพราะตัวนางเองทั้งนั้น น่าเสียดาย…สตรีบนโลกใบนี้ก็มักเป็นเช่นนี้…ไม่ไปให้ถึงที่สุดก็ไม่กลับตัว

รถม้าของจวนหร่วนหยุดลงกลางถนน หร่วนอวี้จือในชุดบัณฑิตสง่างามก้าวออกมาจากรถม้า คนเฝ้าประตูรีบเดินเข้ามารับ “คุณชายกลับมาแล้ว”

หร่วนอวี้จือพยักหน้าด้วยใบหน้าอ่อนโยน เดินเข้าไปด้านใน มุมปากประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ อีกไม่นานเขาก็จะแต่งงานกับคุณหนูสี่ตระกูลฉินแล้ว นับตั้งแต่นี้ต่อไปจะก้าวเข้าสู่วงสังคมชนชั้นสูงของจินหลิง สำหรับฉินซี หร่วนอวื้จือนั้นชอบด้วยใจจริง สตรีที่ดูอ่อนอีกทั้งงดงามเช่นนั้นคล้ายกับว่าเพียงลมพัดก็สามารถล้มได้ แล้วยังมีจิตใจที่อ่อนโยนด้วย หร่วนอวี้จือรู้ดีว่าหากไม่ใช่เพราะร่างกายของฉินซีไม่ดีเขาคงไม่อาจเอื้อมแต่งงานกับนางได้ แต่หร่วนอวี้จือไม่คิดว่าตนเองไม่เหมาะสมกับฉินซี เขาสงสารฉินซีที่สุขภาพอ่อนแอ ขณะเดียวกันก็ชอบความอ่อนหวานของเหลียนเล่อหรู นึกถึงคุณชายใหญ่ตระกูลฉินแล้วใบหน้าของหร่วนอวี้จือจึงทะมึนขึ้นมา สำหรับฉินจื่อซวี่ผู้เป็นพี่ภรรยาในอนาคตหร่วนอวี้จือนั้นไม่ชอบยิ่งนัก แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขายังไม่อาจทำให้ฉินจื่อซวี่ต้องขุ่นเคือง ฉินจื่อซวี่เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลฉิน ฐานะเช่นนี้ไม่ใช่คนที่เขาจะล่วงเกินได้ เพียงแต่…ก็คงมีเพียงตำแหน่งคุณชายใหญ่ตระกูลฉินก็เท่านั้น นอกจากนี้แล้ว ฉินจื่อซวี่ยังมีอะไรอีกเล่า

ทุกครั้งที่นึกถึงฉินจื่อซวี่มักทำให้เขารู้สึกว่าไม่ควรชักช้าต่อเรื่องของฉินซี อารมณ์ของหร่วนอวี้จือพลันไม่ดีขึ้นมา ราวกับว่า…ในสายตาของฉินจื่อซวี่เขานั้นมิใช่ผู้สอบได้อันดับทั่นฮวา มิใช่ขุนนางที่ฮ่องแต่โปรดปราน เป็นเพียงคนที่มีตัวตนเพราะฉินซีเพียงเท่านั้น

ตระกูลฉิน…ต้องมีสักวันที่หร่วนอวี้จือผู้นี้จะยืนให้สูงกว่าตระกูลฉินให้ได้

“หร่วนหลัง” น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นที่มุมถนน หัวใจของหร่วนอวี้จือกระตุก มองเห็นหญิงสาวรูปร่างบอบบางในอาภรณ์สีม่วงอ่อนยืนมองมาที่ตนด้วยดวงตาที่รื้นไปด้วยน้ำตา ชั่วครู่ดวงตาของหร่วนอวี้จือพลันปกคลุมไปด้วยหมอกทะมึน เหยียนลัวอี นางมาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร ไม่สนใจกิริยาท่าทางนั้นของนาง หร่วนอวี้จือรีบพุ่งไปด้านหน้าดึงเหยียนลัวอีไปยังซอยเล็กๆ ด้านหลัง เอ่ยถาม “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร”

ดวงตาของเหยียนลัวอีสงบลงเล็กน้อย พยายามเปล่งเสียงออกมา “ข้ามาหาเจ้า หร่วนหลัง…ไยเจ้าจึงไม่เขียนจดหมายมาหาข้า ข้าเป็นห่วงเจ้า…ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสอบได้ทั่นฮวาแล้ว ไยจึง…ไยจึงไม่กลับมา ข้ารอเจ้าอยู่ตลอด”

มองใบหน้ามีเสน่ห์ของสตรีตรงหน้า นัยน์ตาของหร่วนอวี้จือปรากฏสายตารังเกียจพาดผ่าน เขาไม่อยากเจอสตรีผู้นี้จนชั่วชีวิต ไม่อยากได้ยินชื่อนี้อีกแล้ว แต่ไยนางจึงมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่

เหยียนลัวอีชื่อนี้ทำให้เขานึกถึงเขาที่เคยต่ำต้อยและความทรงจำที่ยากลำบาก เขาไม่อยากจะเอ่ยถึงนางตลอดไป

“ข้ามีงานมากมาย เจ้ามาที่จินหลิงทำไม เจ้าอยู่ที่หออิ๋งซิ่วอะไรนั่นมิใช่หรือ เหลาเป่า[1]ยอมปล่อยเจ้าออกมาหรือ” หร่วนอวี้จือเอ่ยถาม

เหยียนลัวอีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าได้สัญญาการขายมาแล้ว ต่อไปก็เป็นอิสระแล้ว หร่วนหลัง เจ้าดีใจหรือไม่ ที่นี่คือบ้านของเจ้าในจินหลิงหรือ พวกเรารีบเข้าไป…”

“ช้าก่อน” หร่วนอวี้จือจับนางเอาไว้ จ้องนางอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาออกมา “ลัวอี บอกข้ามาว่าใครพาเจ้ามายังจินหลิง”

ดวงตาของเหยียนลัวอีฉายแววประหลาดใจ เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ “ตั้งแต่ปีที่แล้วเจ้าก็ไม่เคยให้คนส่งจดหมายหาข้า ข้าเป็นห่วงเจ้าก็เลย…เอาเงินทั้งหมดให้เหลาเป่าจึงได้สัญญาการขายมาก็เลยมาหาเจ้าอย่างไรเล่า หร่วนหลัง เจ้า…เจ้าสอบได้ทั่นฮวาไยจึงไม่บอกข้า เจ้ารู้หรือไม่…ข้า ข้าคิดถึงเจ้ามาก”

หร่วนอวี้จือเหลือบมองนางด้วยความรังเกียจ เดิมเขาคิดว่าเหยียนลัวอีคือสตรีที่งดงามที่สุดที่เขาเคยเจอมา ใบหน้างดงาม นิสัยอ่อนโยน รู้หนังสือ แต่เมื่อมาอยู่จินหลิงได้เห็นคุณหนูตระกูลสูงศักดิ์มากมายทำให้เขารู้ว่าสำหรับตนเองแล้วเหยียนลัวอีนั้นทำให้เขาดูต่ำต้อยไม่อาจเชิดชูออกหน้าออกตาได้ ต่อให้นางมิได้ตกไปอยู่ในหอนางโลม หร่วนอวี้จือก็ไม่คิดว่านางจะเหมาะสมกับการเป็นภรรยาของเขา อย่างมากก็เป็นได้เพียงอนุภรรยาก็เท่านั้น สำหรับตอนนี้เหยียนลัวอีที่อยู่ตรงหน้ามีเสน่ห์งดงามกว่าเหยียนลัวอีที่อยู่ในความทรงจำมาก แต่ว่า…คณิกาหอนางโลมนั้นต่ำต้อย เล่นสนุกก็คงไม่เป็นไร หากรับเข้ามาในเรือนคงเป็นที่ดูหมิ่นเอาได้

“ลัวอี เจ้ากลับไปเถิด” หร่วนอวี้จือเอ่ยเสียงเข้ม

เหยียนลัวอีชะงัก “กลับไปหรือ ข้ากลับไปที่ไหนเล่า”

หร่วนอวี้จือเอ่ย “กลับไปยังตานหยาง พวกเรา…เจ้าก็รู้ดี ฐานะของเจ้า ข้าแต่งกับเจ้าไม่ได้”

เหยียนลัวอีชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะส่ายศีรษะ เอ่ยถาม “ทำไม…ทำไมหรือ เจ้าเคยให้สัญญา…”

“เจ้าไม่รู้หรือ” หร่วนอวี้จือเอ่ย “ยามนี้ข้าเป็นขุนนางในราชสำนัก จะแต่งเจ้า…ผู้เป็นคริกาหอนางโลมมาเป็นภรรยา เป็นฮูหยินเคียงกายหรือ ลัวอี ข้ารู้ดีว่าหลายปีมานี้เจ้าต้องลำบากเพราะข้ามามาก แต่ว่า พวกเรา…คิดเสียว่าไร้วาสนาต่อกันเถิด”

——————-

[1] เหลาเป่า แม่เล้า

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *