หมอหญิงยอดมือสังหาร 945 ล่อเสือออกจากถ้ำ ตะลุมบอน (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 945 ล่อเสือออกจากถ้ำ ตะลุมบอน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 945 ล่อเสือออกจากถ้ำ ตะลุมบอน (1)

ค่ายกองทัพโยวโจวนอกเมืองเผิง เฉินอวี้มองเหล่าหนานกงชวี่ที่นั่งอยู่ตรงหน้าพลางส่ายศีรษะ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าช่างเก่งกาจ ข้ารับมือกับเซ่าจงและสือจิ้งเซียงก็ปวดหัวมากพอแล้ว พวกเจ้ายังเรียกหนานกงไหวมาให้ข้าอีกหรือ”

ลิ่นฉังเฟิงเคยเป็นทหารใต้บังคับบัญชาของเฉินอวี้มาก่อน พลันเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “แม่ทัพเฉินมีปัญญาเฉียบแหลม ไยต้องเกรงกลัวต่อหนานกงไหว”

เฉินอวี้ส่ายศีรษะ เอ่ย หนานกงไหวเป็นวีรบุรุษผู้มีชื่อเสียงของต้าเซี่ย ส่วนข้านั้นเป็นอันใดได้ เอาล่ะเด็กอย่างเจ้าก็ไม่ต้องมายกยอข้า หมัดมีเยอะแล้วไม่คัน หนี้สินมีเยอะแล้วไม่กังวล เซ่าจงและสือจิ้งเซียงคอยขวาง มีหนานกงไหวเพิ่มมาอีกสักคนก็คงไม่มาก ทุกคนก็ต้องสู้ต่อไป” รอจนช่วยท่านอ๋องออกมาได้ ทุกอย่างก็จะดีขึ้น

หนานกงชวี่ส่ายศีรษะ เอ่ย “ท่านแม่ทัพ สู้เยี่ยงนี้ต่อไปคงไม่ได้แล้วขอรับ” เซ่าจง สือจิ้งเซียง หนานกงไหว สามคนนี้รวมกันนั้นทำให้แม่ทัพส่วนใหญ่ทั่วทั้งโลกรู้สึกสิ้นหวัง โชคดีที่ตอนนี้พวกเขาล้อมเมืองเผิงเอาไว้ เซ่าจงและสือจิ้งเซียงออกมาไม่ได้ หากเป็นการสู้รบกันในยามปกติ บวกกับหนานกงไหวเข้ามาอีก ไม่แน่ว่าคงเป็นพวกเขาที่สะบัดหางวิ่งหนีไปเสียแล้ว

เฉินอวี้เลิกคิ้ว เอ่ย “เอ่ยความคิดของเจ้าออกมาเป็นอย่างไร”

หนานกงชวี่เอ่ย “หากยื้อเวลานานไป หนานกงไหวอาจถอนทัพกลับ อีกทั้งหากปล่อยให้คนในเมืองและนอกเมืองรวมตัวกันได้ ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อพวกเรา”

เฉินอวี้พยักหน้าเบาๆ “กล่าวมีเหตุผล เจ้ามีแผนเยี่ยงไร”

หนานกงชวี่ชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งในแผนที่ เอ่ย “ดังเช่นก่อนหน้านี้ อ้อมเมืองเผิงโจมตีอวิ๋นตู”

เฉินอวี้ย่นคิ้ว “อ้อมเมืองเผิงหรือ นั่นก็เหมือนก่อนหน้านี้…”

หนานกงชวี่พยักหน้า เอ่ย “เหมือนกับความคิดของเนี่ยนหย่วนจริงๆ ขอรับ แต่ว่า…ข้าไม่รู้ว่าไยเยี่ยนอ๋องจึงคิดว่าควรโจมตีเมืองเผิงก่อน คิดอยากมุ่งหน้าลงทางใต้ เห็นได้ว่าอวิ๋นตูเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด” เฉินอวี้ถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้ที่โจมตีซื่อหยางเดิมทีเพียงต้องการทำเป็นตัวอย่างเท่านั้น ล่อสือจิ้งเซียงหรือเซ่าจงที่เฝ้าอยู่ในเมืองเผิงไม่ยอมออกมา ใครจะรู้ว่า…”

หนานกงชวี่ไม่ใส่ใจ “ไยต้องทำเป็นตัวอย่างด้วยขอรับ เรามีทหารเพียงพอ ในเมื่อเซ่าจงและสือจิ้งเซียงไม่ยอมออกมาเราก็ปล่อยให้พวกเขาอยู่ต่อไป โจมตีอวิ๋นตูก่อนค่อยว่ากัน เพียงโจมตีอวิ๋นตูเมืองเผิงก็โดดเดี่ยวแล้ว ต่อให้เซ่าจงและสือจิ้งเซียงจะเฝ้าอยู่แปดปีสิบปีก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อันใด”

ได้ยินเช่นนั้น เฉินอวี้จึงมองไปยังหนานกงชวี่อยู่เนิ่นนาน สุดท้ายจึงปรบมืออย่างชื่นชม “เจ้าเด็กนี่ ดูไม่ออกเลยว่าเจ้าอายุน้อยทว่ากลับมองได้ชัดเจนเพียงนี้ ก่อนหน้านี้ข้ามัวแต่หลงทาง เอาแต่จับจ้องไปที่เมืองเผิง เอ่ยได้ไม่เลว ขอเพียงโจมตีอวิ๋นตู หึๆ…ปล่อยให้เซ่าจงเฝ้าเมืองโดดเดี่ยวไปเถิด”

หนานกงชวี่กระตุกมุมปากเบาๆ เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านแม่ทัพชมเกินไปแล้ว”

เฉินอวี้โบกมือ มองหนานกงชวี่พลางถอนหายใจ อายุยี่สิบกว่าเหมือนกัน แม้ว่าเจ้าเด็กที่บ้านของเขานั้นนับว่าฉลาด แต่เมื่อเทียบกับหนานกงชวี่ที่อายุเท่ากันก็ยังห่างไกลกันมากเหลือเกิน

ในเมื่อมีเป้าหมายแล้ว เฉินอวี้จึงเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ใดยินดีนำทัพโจมตีอวิ๋นตูหรือไม่”

“ข้าน้อยยินดีขอรับ”

“ข้าน้อยยินดีขอรับ”

เหล่าแม่ทัพในกระโจมลุกขึ้นทีละคน

เซียวเชียนจย่งที่มีผลงานการรบดีมาตลอดหาได้ยากที่จะไม่เคลื่อนไหวเช่นนี้ เขายังอยากอยู่ที่ซื่อหยางเพื่อเฝ้าดูสถานการณ์ เพราะยังไม่มั่นใจความปลอดภัยของเสด็จพ่อ สำหรับคนหนุ่มอายุกำลังจะเต็มยี่สิบนั้นยังจิตใจว้าวุ่นไม่อาจวางใจได้

หนานกงชวี่ลุกขึ้น เอ่ย “ข้าน้อยยินดีขอรับ”

เฉินอวี้พยักหน้าเห็นด้วย เอ่ย “เยี่ยม ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ก็ให้คุณชายหนานกงนำทัพมุ่งหน้าไปยังอวิ๋นตูเถิด ส่วนข้างหลังนั้น…ให้เป็นหน้าที่ของข้า ข้ารับรองได้ว่าต่อให้เจ้าตีอวิ๋นตูจนย่อยยับ สือจิ้งเซียงและเซ่าจงจะไม่อาจออกมาหาเรื่องเจ้าได้ เพียงแต่หากหนานกงไหวติดตามไป เจ้าคงต้องรับมือด้วยตนเองแล้ว”

หนานกงชวี่ยกมือขึ้นประสาน เอ่ย “ขอบคุณท่านแม่ทัพ”

เฉินอวี้ยิ้ม เอ่ย “เยี่ยม เตรียมตัวสักหน่อย ออกเดินทางทันที”

“ขอรับ”

บนกำแพงเมืองเมืองเผิง ขุนพลอายุน้อยสองคนยืนเคียงข้างกัน มองไปยังค่ายกองกำลังโยวโจวที่อยู่นอกเมืองไกลออกไป เฝ้าประจำการที่เมืองเผิงมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แต่อย่างไรในสถานการณ์ที่เป็นฝ่ายถูกกระทำเช่นนี้ก็ทำให้คนรู้สึกหงุดหงิดอยู่ดี เมืองเมืองหนึ่งไม่ว่าจะเฝ้าป้องกันอย่างไรก็ไม่อาจป้องกันได้ตลอดไป

ในยุคสมัยที่เหล่าหนานกงไหวเป็นวีรบุรุษ เซ่าจงและสือจิ้งเซียงต่างก็เป็นบุคคลไร้ชื่อเสียง แม้จะมีผลงานการสู้รบมากเพียงใดก็ไม่อาจเทียบกับเหล่าวีรบุรุษผู้กล้าที่ร่วมสู้รบเคียงบ่าเคียงไหล่อดีตฮ่องเต้ มีความดีความชอบมากมาย แต่เมื่อคนเหล่านี้จากไป เหล่าแม่ทัพที่ไร้ชื่อเสียงจึงค่อยๆ โดดเด่นขึ้นมา

ความจริงอายุของเซ่าจงนั้นน้อยกว่าหนานกงไหวไม่มาก ครานั้นเองก็เคยติดตามอดีตฮ่องเต้ไปออกรบ เพียงแต่เห็นได้ว่าโชคชะตาของเขาไม่ได้ดีเท่าหนานกงไหว ไม่ได้มาจากบ้านเกิดเดียวกันกับอดีตฮ่องเต้ และไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าอดีตฮ่องเต้ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงการมีตระกูลที่มีพื้นเพอย่างตระกูลเมิ่งคอยหนุนหลัง กระทั่งก่อตั้งต้าเซี่ยแล้วก็ยังเป็นเพียงทหารเล็กๆ ธรรมดาเท่านั้น ยี่สิบกว่าปีหลังจากนั้น ตรงกันข้ามเขาได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นขุนพลรักษาการณ์ประจำเมือง แต่ขุนพลเช่นนี้หากต้าเซี่ยมีไม่ถึงหนึ่งร้อยก็มีอยู่หลายสิบคน เซ่าจงเองก็ไม่ได้โดดเด่นอันใด

สำหรับเรื่องนี้ เซ่าจงกลับไม่ได้มีสิ่งใดไม่พอใจ ชีวิตของเขานั้นเป็นชีวิตของคนธรรมดาทั่วไป แต่ชีวิตของหนานกงไหวต่างหากที่ค่อนข้างจะดูโกงไปสักหน่อย

สือจิ้งเซียงกลับอายุน้อยกว่ามาก ปีนี้ยังไม่ถึงสี่สิบ ทว่าเคยมีผลงานการรบมากมาย มีชื่อเสียงในราชสำนัก อีกทั้งได้ขึ้นชื่อว่ามีไหวพริบ ดังนั้นจึงถูกเซียวเชียนเยี่ยส่งมาเป็นรองแม่ทัพให้กับเซ่าจง

“ขุนพลสือ เจ้าว่าเฉินอวี้จะทำอันใดกันแน่” ยืนอยู่บนกำแพงเมือง เซ่าจงขมวดคิ้วมองไปยังทหารที่ดูราวกับกำลังทยอยเคลื่อนตัวออกไปไม่หยุด ก่อนหน้านี้มีกองทัพจำนวนมากมาถึงพวกเขาจึงตึงเครียดขึ้นมา ทว่ากลับไม่เห็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม นี่เพียงไม่นานก็เริ่มเคลื่อนกองกำลังอีกแล้ว สำหรับการเคลื่อนกองกำลังไปมาทว่าไม่เริ่มบุกจู่โจม การยั่วยุเช่นนี้ แม่ทัพเซ่ารู้สึกไม่พอใจยิ่งนัก

สือจิ้งเซียงย่นคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “ทหารก่อนหน้านี้มาจากซื่อหยาง เวลานี้ ไยจึงมีทหารมาจากซื่อหยางอีกเล่า หรือว่าเยี่ยนอ๋องถูกช่วยเหลืออกมาได้แล้ว” เอ่ยถึงเรื่องนี้ เซ่าจงจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ข้าว่าแล้วว่าหนานกงไหวนั่นไม่อาจเชื่อถือได้ ในเมื่อเป็นคนทรยศ ไยฝ่าบาทจึงเชื่อใจให้เขานำทัพอีกเล่า แต่หากให้เจ้าไป ไม่แน่อาจสังหารเยี่ยนอ๋องไปได้ตั้งนานแล้ว”

สือจิ้งเซียงส่ายศีรษะ ยิ้มพลางเอ่ย “ท่านขุนพลอย่าได้บุ่มบ่าม อย่างไรหนานกงไหวก็ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่ง ในเมื่อฝ่าบาทเชื่อใจเขา ท่านและข้านั้นเป็นขุนนางจะทำอันใดได้ ยิ่งไปกว่านั้น เฉินอวี้แห่งกองกำลังทหารของโยวโจวเองก็เจ้าแผนการ ก่อนหน้านี้ที่เยี่ยนอ๋องลอบโจมตีซื่อหยางก็ไม่ใช่อยากล่อพวกเราออกไปหรือ พวกเขาจะตีแตกได้หรือ จะสมปรารถนาหรือ”

เซ่าจงขมวดคิ้ว เอ่ย “แต่ว่าตอนนี้…”

สือจิ้งเซียงส่ายศีรษะ เอ่ย “ก่อนหน้านี้ข้าเองก็เคยศึกษาภูมิศาสตร์ของหุบเขาฟู่อวิ๋น ต่อให้กองทัพเฉินโจวเข้าร่วม ก็ไม่อาจช่วยเยี่ยนอ๋องออกมาได้เร็วเพียงนี้ เพียงแต่ฝั่งซื่อหยางนั้นไม่ต้องใช้คนมากมายถึงเพียงนี้ก็ได้ ดังนั้นข้าคิดว่า…กองทัพเหล่านี้วางแผนจะไปอวิ๋นตู”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *