หมอหญิงยอดมือสังหาร 498 หย่าหรือหนังสือหย่า (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 498 หย่าหรือหนังสือหย่า (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 498 หย่าหรือหนังสือหย่า (1)
หร่วนอวี้จือหัวเราะหยัน เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้สนใจ

จูชูอวี้เองก็ไม่มีอารมณ์จะโต้เถียงกับเขามากนัก เงยหน้าขึ้นมองตำหนักคังอ๋องที่อยู่เบื้องหน้าแล้วขมวดคิ้ว “ในเมื่อเว่ยซื่อจื่อและซิงเฉิงจวิ้นจู่มาแล้ว ฉะนั้นดูเหมือนว่าเราไม่จำเป็นต้องเข้าไปแล้วล่ะ”

หร่วนอวี้จือขมวดคิ้ว “เซี่ยนจู่มั่นใจมากเลยนะว่าผู้สืบทอดคังอ๋องจะยอมไว้หน้าเว่ยซื่อจื่อ”

“เรื่องนี้มีอันใดไม่น่ามั่นใจหรือ คนตายก็มิใช่น้องชายแม่เดียวกันสักหน่อย เป็นแค่ลูกนางสนมเท่านั้น เกรงว่าตายไปแล้วทำให้ผู้สืบทอดคังอ๋องแอบยินดีเสียด้วยซ้ำ” ขอเพียงแค่ไม่เดือดร้อนถึงตัวเขา ผู้สืบทอดคังอ๋องย่อมไม่มีทางยอมให้เสด็จลุงเยี่ยนอ๋องต้องขุ่นเคืองใจอันเนื่องมาจากน้องชายเชื้อสายรองเพียงคนเดียวหรอก

หร่วนอวี้จือค่อนข้างมั่นใจ “เช่นนั้นการตายของคุณชายในคังอ๋องก็จบเพียงเท่านี้อย่างนั้นหรือ”

จูชูอวี้เหลือบมองเขาด้วยความไม่พอใจและกล่าวว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังคิดอันใดอยู่ ในเมื่อฝ่าบาทต้องการให้เจ้าตรวจสอบ เจ้าก็ควรตรวจสอบให้รอบคอบ แต่จำไว้นะ ฝ่าบาทไม่ต้องการให้คุณชายสามในเยี่ยนอ๋องถึงแก่ชีวิต หากยั่วยุให้เยี่ยนอ๋องพิโรธขึ้นมาจริงๆ จวนเกาอี้ปั๋วเล็กๆ ของเราคงไม่สามารถช่วยชีวิตเจ้าไว้ได้”

มือที่ทิ้งไว้ข้างลำตัวของหร่วนอวี้จือกำแน่นและคลายออก เอ่ยว่า “ข้าเข้าใจดี เซี่ยนจู่โปรดวางใจ”

จูชูอวี้พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “เข้าใจก็ดีแล้ว คดีนี้เจ้าสามารถสอบสวนได้ตามสะดวก แต่อย่าปล่อยให้ผู้สืบทอดผู้ปกครองเมืองเหล่านั้นฉวยโอกาสก่อเรื่องเป็นพอ ในเมื่อผู้สืบทอดคังอ๋องไม่คิดจะทำให้วุ่นวาย พวกเราก็คงไม่สามารถวางกลอุบายใดๆ ได้”

“ขอรับ”

จูชูอวี้หันกลับมามองไปยังมุมถนนที่ไม่เห็นเงาใครแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ “กลับเถอะ”

“ขอรับ เซี่ยนจู่”

คดีของเซียวเชียนจย่งวนเวียนผลัดเปลี่ยนจนในที่สุดไม่รู้ว่าไปตกอยู่ในมือของผู้ว่าการเขตอิ้งเทียนเหอเหวินลี่ได้อย่างไร ว่ากันตามเหตุผลแล้ว คดีที่เกิดขึ้นในวังหลวงไม่มีทางตกไปอยู่ในการสอบสวนของเขตอิ้งเทียนได้ แต่ในฐานะผู้ว่าการเขตอิ้งเทียนแล้ว ใต้เท้าเหอเหวินลี่ชิงรับหน้าที่ตรวจสำนวนคดีนี้มาจากศาลต้าหลี่ กรมอาญา และสำนักงานตรวจสอบซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจในเรื่องนี้อย่างถูกต้องมาโดยกะทันหัน ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าอันเศร้าหมองของใต้เท้าเหอยามที่รับคดีมาก็รู้ได้ทันทีว่าเขาถูกบังคับอย่างไม่มีทางเลือก น่าเสียดายนักที่…ไม่มีใครเชื่อ!

เส่าชิงแห่งศาลต้าหลี่ นี่เป็นคดีที่เกิดในวัง ผู้ว่าการเขตอิ้งเทียนผู้นี้ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงได้เยี่ยงไร มือยาวเกินไปเสียแล้ว

เสนาบดีกรมอาญา แย่งเอาคดีไปได้ยังแสร้งตีหน้าเศร้าอีก อยากจับมาฟาดหน้าเสียจริงๆ

ผู้ตรวจการสำนักงานตรวจสอบฝ่ายซ้ายและขวา มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นคดีที่ทำให้คนขุ่นเคือง แต่ก็ยังมีคนล้ำเส้นฉวยเอาไป ช่างโง่เขลานัก

ใต้เท้าเหอ ไยแรงงานต้องถูกกดขี่เช่นนี้!

ไม่ว่าจะเอ่ยอย่างไร หากคดีนี้อยู่ในมือของเหอเหวินลี่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีก ด้วยความสำนึกผิดที่เขาใจดีช่วยเซียวเชียนเยี่ยปิดบังบางอย่างในอดีต คราวนี้เขาจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อให้เว่ยจวินมั่วได้ผลลัพธ์ที่ปรารถนา แม้ว่าเขาต้องชดเชยให้จนแทบอยากร่ำไห้ก็ตาม

เนื่องจากเว่ยจวินมั่วกลับมาแล้ว บรรยากาศทั่วทั้งจวนเยี่ยนอ๋องจึงดูผ่อนคลายเป็นพิเศษ แม้แต่หนานกงมั่วก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาก ก่อนหน้านี้นางต้องดูแลคนในตำหนักทั้งหมดเพียงลำพัง แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นว่ารับมือไม่ไหว แต่ก็รู้สึกค่อนข้างกดดันอย่างเลี่ยงไม่ได้ ยามนี้เมื่อเจ้านายที่แท้จริงกลับมาแล้ว หนานกงมั่วจึงสามารถนอนหลับอย่างเป็นสุขในทุกวันได้เสียที

เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นเว่ยจวินมั่วนั่งอยู่ข้างเตียงพร้อมกับถือหนังสือเล่มหนึ่งในมือ เมื่อได้ยินเสียงนางตื่นขึ้นมา เขาจึงเหลือบไปมองนาง “ตื่นแล้วหรือ”

“อือ” หลังจากลุกขึ้นบิดขี้เกียจ หนานกงมั่วกลิ้งตัวไปยังข้างเตียงมองดูหนังสือในมือของเขา “ตำราพิชัยสงคราม ไยจู่ๆ จึงมาอ่านเล่า”

เว่ยจวินมั่วยกมือขึ้นและลูบเส้นผมของนางแผ่วเบา เอ่ยเสียงเบาว่า “r;dเราต้องเตรียมออกจากจินหลิงแล้ว”

“ไปโยวโจวหรือ” ดวงตาของหนานกงมั่วเป็นประกายขึ้นมา นางเบื่อที่จะอยู่ในจินหลิงแล้ว วันๆ เอาแต่ทะเลาะกันไปมา มีแต่พวกโง่เขลาเบาปัญญา พออยู่ไปนานๆ แทบจะกลายเป็นใจแคบไปแล้ว

เว่ยจวินมั่วพยักหน้าลงเล็กน้อย “ดินแดนทางเหนือคงไม่เจริญเท่าจินหลิง”

“ใครสนหรือ” หนานกงมั่วไม่คิดเช่นนั้น “อย่างน้อยคนในโยวโจวก็ดูอยู่สบายกว่าจินหลิง” ตราบใดที่ยังมีคนอยู่ก็มียุทธภพ การต่อสู้ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ หนานกงมั่วรู้สึกว่านางเบื่อคนและสิ่งรอบตัวในจินหลิงมากเหลือเกิน มีแต่คนที่เปิดเผยตัวตนไม่ได้กับเรื่องที่ปิดบังเอาไว้ วันๆ เอาแต่ต่อสู้เพราะริษยากัน เกรงว่าคนพวกนี้นอกจากอำนาจแล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะต่อสู้ไปเพื่อสิ่งใดอีก

“เราจะออกเดินทางเมื่อใด” หนานกงมั่วถาม ที่จริงเว่ยจวินมั่วยังคงมีตำแหน่งทางราชการขั้นสองอยู่ หากพวกเขาย้ายไปโยวโจวอย่างเปิดเผย แทบจะเรียกได้ว่าอยู่ภายใต้เยี่ยนอ๋องเพียงผู้เดียวเท่านั้น ตำแหน่งสำคัญเช่นนี้ เซียวเชียนเยี่ยไม่มีทางยอมให้เว่ยจวินมั่วไปง่ายๆ แน่ แต่หากเขาออกจากที่นี่ด้วยวิธีอื่น นั่นหมายความว่าเว่ยจวินมั่วต้องยอมสละทุกอย่างที่ครอบครองในตอนนี้ทั้งหมด

“หากเรื่องในจินหลิงเรียบร้อยเราจะไปทันที” เว่ยจวินมั่วกล่าว

หนานกงมั่วพยักหน้าและเอ่ยว่า “ตกลง ข้าจะให้คนเตรียมการไว้ ถึงเวลาจะได้ไม่ฉุกละหุก”

นัยน์ตาสีม่วงนั้นแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยน หากสตรีทั่วไปรู้ข่าวว่าจะต้องหนีจากเมืองที่มั่งคั่งอย่างจินหลิงไปยังเมืองโยวโจวที่ห่างไกล กระทั่งต้องยอมสละทุกสิ่งทุกอย่าง คงจะร้องไห้อย่างขมขื่นไม่ก็กลัดกลุ้มเศร้าหมองแล้ว ทว่าสิ่งที่เขาเห็นในดวงตาของหนานกงมั่วนั้นมีแต่ความตื่นเต้นและโหยหา

หนานกงมั่วจับมือที่กำลังเกี่ยวเส้นผมของนางไว้ แล้วเอ่ยถาม “เจ้าตัดสินใจจะสละทุกอย่างในจวนงเจียงจวิ้นอ๋องจริงหรือ” เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้วทำราวกับว่าต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอนอยู่แล้ว หนานกงมั่วคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจบอกเขาเรื่องที่เซียวฉุนพูดเกี่ยวกับภูมิหลังของเว่ยจวินมั่ว ก่อนหน้านี้ที่นางไม่ได้พูดก็เพราะกังวลเรื่องของเซียวเชียนจย่งอยู่ และเพราะหนานกงมั่วเองก็ไม่แน่ใจว่าจะบอกเขาเรื่องนี้ดีหรือไม่ คาดการณ์จากคำพูดของเซียวฉุนแล้ว เว่ยจวินมั่วเป็นบุตรของเว่ยหงเฟย แต่ไม่ว่าอย่างไรคนที่จะตัดสินใจได้ก็คือเว่ยจวินมั่ว

หลังจากฟังที่หนานกงมั่วพูดแล้ว สีหน้าของเว่ยจวินมั่วก็ไม่เปลี่ยนแปลง เขาสงบนิ่งตามปกติ

หนานกงมั่วประหลาดใจเล็กน้อย “ท่านรู้ตั้งนานแล้วหรือ”

เว่ยจวินมั่วส่ายหน้า วันเกิดของเขาช้ากว่าวันที่เกิดเรื่องนั้นเกือบครึ่งเดือน ต่อให้จะคิดเรื่องนี้มากเพียงใดก็ไม่สามารถเชื่อมสองเรื่องนี้เข้าด้วยกันได้ ที่จริงต่อให้ยึดตามวันเกิดของเขา แสดงว่าเขาก็คลอดก่อนกำหนดไม่น้อยเลย หากเลื่อนวันเกิดไปก่อนหน้านั้นอีก จะมีชีวิตรอดได้หรือไม่ก็ไม่แน่ใจ อีกทั้ง…สิ่งที่เซียวฉุนรู้ก็ใช่ว่าจะเป็นความจริงทั้งหมด

“ถ้าเช่นนั้นเว่ยหงเฟย…” หนานกงมั่วขมวดคิ้ว

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “เขามิใช่พ่อแท้ๆ ของข้า”

“จริงหรือ” หนานกงมั่วประหลาดใจ เกรงว่าแม้แต่เว่ยหงเฟยเองก็ไม่แน่ใจเต็มร้อยว่าเว่ยจวินมั่วไม่ใช่ลูกชายของเขาหากปราศจากนัยน์ตาสีม่วงคู่นั้น แล้วเว่ยจวินมั่วแน่ใจได้อย่างไร เว่ยจวินมั่วกล่าวอย่างเฉยเมย “ตอนที่ข้าอายุสิบสาม ข้าเดินทางไปที่เหมียวเจียงแล้วได้เจอกับหญ้าละลายหิมะจึงลองกินดู”

หนานกงมั่วพลันนึกขึ้นได้ หญ้าละลายหิมะหรือที่เรียกว่าหญ้าละลายโลหิต เป็นยาประหลาดชนิดหนึ่งที่ขึ้นในแถบเหมียวเจียง หากนำโลหิตของผู้ที่มีสายเลือดเดียวกันหยดลงในยานี้แล้วสีจะเหมือนกัน ในทางตรงกันข้าม หากโลหิตทั้งสองไม่ได้มีเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกัน หากถูกหยดลงในยานี้สีจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หนานกงมั่วเคยทดลองด้วยความอยากรู้ ยานี้สามารถจำแนกความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนที่มีสายเลือดเดียวกันได้ซึ่งน่าเชื่อถือกว่าผลการตรวจเลือดพิสูจน์อยู่มากทีเดียว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *