หมอหญิงยอดมือสังหาร 631 สงครามน้ำลาย จงใจหาเรื่อง (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 631 สงครามน้ำลาย จงใจหาเรื่อง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 631 สงครามน้ำลาย จงใจหาเรื่อง (1)
องค์หญิงฉังผิงส่ายศีรษะ เอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “ข้ารู้ว่าเอ้อกั๋วกงนั้นหวังดี”

เอ้อกั๋วกงส่ายหน้าอย่างขมขื่น ถอนหายใจออกมาและลุกขึ้นกล่าวลา

หนานกงมั่วลุกตามขึ้นมาส่งเอ้อกั๋วกงกลับไปด้วยตนเอง ตลอดทางทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยสิ่งใด สุดท้ายเอ้อกั๋วกงก็ทำเพียงมองหนานกงมั่วพลางถอนหายใจ ส่ายศีรษะแล้วจึงหันกลับไปบอกลา

หนานกงมั่วยืนอยู่หน้าประตูเรือน มองร่างด้านหลังเอ้อกั๋วกงที่เดินเซเล็กน้อย ถอนหายใจออกมาเบาๆ

“อู๋สยา” อีกฝั่ง เว่ยจวินมั่วกำลังเดินเข้ามา มองเห็นหนานกงมั่วที่ยืนอยู่หน้าประตูจึงเอ่ยเรียก หนานกงมั่วหันกลับมายิ้มให้เขา “ท่านกลับมาแล้วหรือ”

“ไยจึงมายืนอยู่ตรงนี้เล่า”

หนานกงมั่วเล่าเรื่องการมาเยือนของเอ้อกั๋วกงให้ฟังหนึ่งรอบ เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ ไม่เอ่ยอันใดอีก พวกเขากับเซียวเชียนเยี่ยไม่มีอันใดที่จะยินยอมให้อภัยกันได้อีกแล้ว เอ้อกั๋วกงหวังดี แต่ว่าความหวังดีนี้คงเสียเปล่าแล้ว

หนานกงมั่วจูงมือเว่ยจวินมั่วเดินเข้าไปด้านใน เอ่ยถามอย่างประหลาดใจ “ตาเฒ่าโจวเซียงนั่นเป็นเยี่ยงไรบ้าง” แก่เหมือนกัน เมื่อเทียบกับโจวเซียงคนที่อยู่จินหลิงคนนั้น ไยหนานกงมั่วจึงรู้สึกว่าอาจารย์ของตนเองนั้นน่ารักเป็นพิเศษ

เว่ยจวินมั่วส่ายศีรษะ “ไม่รู้”

“เอ๋ ข้านึกว่าเสด็จลุงให้ท่านไปพบโจวเซียงและเอ้อกั๋วกงแล้ว” หนานกงมั่วแปลกใจ เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ไม่ เสด็จลุงให้ข้าอยู่คุยเรื่องกองทัพเพียงเท่านั้น” เห็นชัดว่าเยี่ยนอ๋องไม่ได้มองทูตสองคนนั้นอยู่ในสายตาด้วยซ้ำ แม้จะบอกให้ระวังไม่ให้พวกเขาหาเรื่องอันใดมาสร้างเรื่องได้ แต่เยี่ยนอ๋องเป็นถึงชินอ๋องหากขุนนางเพียงสองคนยังต้องมาคอยระมัดระวังประจบประแจง เช่นนั้นตำแหน่งอ๋องนี้ไม่มีเสียยังจะดีกว่า

หนานกงมั่วพยักหน้า ถอนหายใจ “หวังว่าพิธีสมรสครั้งนี้จะผ่านไปได้ด้วยดี ส่งสองท่านนี้กลับไปสำเร็จพวกเราจะได้กลับเข้ากองทัพ” แม้ในกองทัพจะทรุดโทรมทุรกันดารไปบ้าง ทว่าแต่ละวันนั้นผ่านไปอย่างเรียบง่าย แต่เมื่อเทียบกับโยวโจวที่มีเรื่องมากมายและจินหลิงที่มีแต่การแก่งแย่งก็ผ่อนคลายกว่าหลายเท่า

เว่ยจวินมั่วดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด เอ่ยเสียงเบา “ได้ พิธีสมรสผ่านไปแล้วพวกเราก็จะกลับไป นอกจากนี้เรื่องที่เจ้าเขียนก่อนหน้านี้ว่าอยากฝึกทหารประจำกองทัพจำนวนมากและยาที่ต้องการเสด็จลุงเห็นด้วยแล้ว แต่ยังมีบางเรื่องที่เสด็จลุงอยากหารือกับเจ้าด้วยตนเอง” หนานกงมั่วชะงัก เอ่ยขึ้นด้วยความยินดี “เมื่อครู่ท่านคุยเรื่องนี้กับเสด็จลุงหรือ”

เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ

หนานกงมั่วยื่นมือออกไปกอดเขาเอาไว้อย่างมีความสุข การฝึกฝนหมอประจำกองทัพนับว่าทำเพื่อกองทัพ แต่เรื่องการจัดหายานั้นเพื่อประหยัดเงินของนางเอง แม้ว่าหลายอย่างในกองทัพจะไม่สะดวกสบาย แต่นางสามารถเก็บเงินได้มากมายนั่นจึงจะเป็นเรื่องสำคัญ แม้ว่านางจะมีเงินมากแล้ว แต่ไม่รังเกียจหากตนจะหาเงินได้มากขึ้น โดยเฉพาะวิธีหาเงินอยู่บนความชอบของตน

เพียงแต่สิ่งเหล่านี้หนานกงมั่วเพียงเขียนฆ่าเวลายามว่างก็เท่านั้น บางครั้งเว่ยจวินมั่วยังหยิบขึ้นมาดูบ้างแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใด ไม่คิดว่าเขาจะเอาไปให้เยี่ยนอ๋องดูด้วยตัวเอง หนานกงมั่วรู้ดีว่าหากไม่มีเว่ยจวินมั่วคอยเอ่ยโน้มน้าว เกรงว่าเยี่ยนอ๋องก็คงไม่ตัดสินใจได้เร็วเพียงนี้

“ขอบคุณท่านมาก” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าจะทำแผนการโดยละเอียดออกมาโดยไว ให้เสด็จลุงพึงพอใจ”

“เจ้าชอบก็ดี” เว่ยจวินมั่วมองนาง เอ่ยเสียงเบา

อยู่ในอ้อมกอดของเขา หนานกงมั่วกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องของตนเองอย่างมีความสุข ในมือของเยี่ยนอ๋องมีทหารกว่าสี่แสนนาย เพียงในแต่ละปีต้องการยาอย่างน้อยสองแสนห้าหมื่นตำลึงขึ้นไป มีเยี่ยนอ๋องคอยช่วยเหลือ ได้ไปเมืองที่อยู่ใกล้ทางเหนือ หนิงอ๋อง ฉีอ๋อง โจวอ๋อง หลู่อ๋องเหล่านี้ยังสามารถไตร่ตรองดูได้ หากเป็นเช่นนี้ พื้นที่หลายพันหมู่ของนางก็คงไม่เพียงพอ อย่ามองว่าในปีนี้มีรายได้เพียงสองแสนกว่าตำลึง ครานั้นเว่ยจวินมั่วหาหมอยังควักเงินกว่าห้าแสนตำลึง

มองดูดวงตากลอกไปมาไม่หยุดของหญิงสาวที่กำลังพิงอยู่ในอ้อมกอดของตน เห็นชัดว่ากำลังครุ่นคิดอันใดอยู่ คิ้วคมของเว่ยจวินมั่วก็เลิกขึ้น กำลังจะเอ่ยปาก พลันมีเสียงกลั้วหัวเราะดังขึ้น “พี่ชาย พี่สะใภ้ นี่พวกท่านกำลังทำอันใดหรือ”

ทั้งสองหันกลับไป พลันมองเห็นเซียวเชียนเหว่ยและเซียวเชียนชื่อเดินเคียงคู่กันมา มองมาที่พวกเขาด้วยความแปลกใจ

หนานกงมั่วรีบขยับออกจากอ้อมแขนของเว่ยจวินมั่ว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องชายทั้งสอง มีเรื่องอันใดหรือ”

คุณชายทั้งสองแห่งจวนเยี่ยนอ๋องมองสบตากัน การแสดงออกมาอย่างกล้าหาญเกินสตรีของพี่สะใภ้ ท่าทีนิ่งสงบเช่นนี้…ทำให้พวกเขารู้สึกว่าตนเองคิดสกปรกไปไกล

เซียวเชียนเหว่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มบาง “รบกวนพี่ชายและพี่สะใภ้หรือไม่”

หนานกงมั่วเอ่ยด้วยท่าทางเรียบนิ่ง ยิ้มบางๆ “ทำให้น้องชายต้องขำขันแล้ว ทั้งสองมาที่นี่ มาหาเสด็จแม่หรือ”

มองเว่ยจวินมั่วที่ใบหน้าเรียบนิ่ง เซียวเชียนเหว่ยส่ายศีรษะไม่กล้าหยอกล้อพี่ทั้งสองอีก เอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม “มิกล้ารบกวนเสด็จอาขอรับ เพียงแต่แขกที่นั่น…เกิดเรื่องเล็กน้อย อยากเชิญพี่สะใภ้ไปดูสักหน่อยขอรับ”

“เอ๋” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว แปลกใจเล็กน้อย อย่างน้อยที่นี่ก็ยังเป็นจวนเยี่ยนอ๋อง แขกเกิดเรื่องแล้วเซียวเชียนชื่อและเซียวเชียนเหว่ยอย่างไรก็นับว่าเป็นเจ้านายแห่งจวนเยี่ยนอ๋อง หรือว่าไม่อาจตัดสินใจได้อย่างนั้นหรือ เซียวเชียนชื่อลูบปลายจมูกเบาๆ เอ่ยอย่างจนปัญญา “เรื่องของสตรี ข้ากับน้องรอง…” ตั้งใจมารบกวนหนานกงมั่ว เซียวเชียนชื่อเองก็รู้สึกละอายใจ เพียงแต่พระชายาซื่อจื่อเองยามนี้ไม่มีใครกล้าให้นางจัดการเรื่องใดๆ พระชายาเยี่ยนอ๋องเองก็เพิ่งอาการดีขึ้นไม่ควรเอาเรื่องนี้ไปทำให้นางโกรธอีก ในยามที่ทำอันใดไม่ได้จึงต้องมาขอร้องหนานกงมั่ว โชคดีที่หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วกลับมาแล้ว มิเช่นนั้นเกรงว่าคงต้องไปเชิญองค์หญิงฉังผิงแล้ว

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “เกิดเรื่องอันใดขึ้น”

เซียวเชียนชื่อถอนหายใจ เล่าเรื่องให้ฟังไปหนึ่งรอบ ความจริงก็มิใช่เรื่องใหญ่อันใด ครั้งนี้เซียวเชียนเยี่ยส่งคนมา นอกจากโจวเซียงและเอ้อกั๋วกงแล้วยังมีเกาอี้ปั๋วด้วยมิใช่หรือ เกาอี้ปั๋วบางทีอาจรู้ตัวว่าแม้แต่โจวเซียงและเอ้อกั๋วกงยังไม่เอ่ยสิ่งใด ดังนั้นอยู่ในจวนเยี่ยนอ๋องเขาจึงไม่กล้าแสดงท่าทีอันใด ทว่าเกาอี้ปั๋วฮูหยินกลับไม่มีความรอบคอบเช่นนั้น ไม่รู้ไปได้ยินมาจากไหนว่าหลายวันมานี้พวกจูชูอวี้ถูกจวนเยี่ยนอ๋องละเลย ตอนนี้ยังคงพักอยู่ที่โรงเตี๊ยม จึงได้โวยวายขึ้นมา บ่าวไพร่ทำอันใดไม่ได้จึงต้องรายงานเรื่องนี้ต่อซื่อจื่อ เซียวเชียนชื่อครุ่นคิด จึงมาหาหนานกงมั่วก่อนค่อยว่ากัน พวกเขาเป็นบุรุษ แน่นอนว่าย่อมมีประสบการณ์ไม่เหมือนสตรี

“เกาอี้ปั๋วฮูหยินหรือ” หนานกงมั่วเลิกคิ้ว จะว่าไปนางเองก็ยังไม่เคยเจอเกาอี้ปั๋วฮูหยินผู้นี้เลยสักครั้ง งานเลี้ยงหลายครั้งบางทีไม่ใช่เกาอี้ปั๋วฮูหยินไม่ปรากฏตัวก็อยู่ไกลจากนาง ไม่เคยได้พูดคุยกัน และไม่เคยได้ยินใครเอ่ยถึงนิสัยของฮูหยินผู้นี้มาก่อน ทั่วทั้งจินหลิงราวกับมีเพียงคุณหนูใหญ่ตระกูลจู จูชูอวี้คนเดียวเท่านั้น ไม่รู้ว่ามีฮูหยินใหญ่ตระกูลจูด้วย

“รบกวนพี่สะใภ้แล้วขอรับ” เซียวเชียนเหว่ยเอ่ย อย่างไรเกาอี้ปั๋วฮูหยินก็เป็นแม่ยายของเขา เกิดเรื่องเช่นนี้ต้องรบกวนหนานกงมั่ว เซียวเชียนเหว่ยจะไม่เอ่ยอันใดเลยคงไม่ได้ หนานกงมั่วยังคงยิ้มหวาน เอ่ยตอบ “อย่าได้ทำราวกับเป็นคนอื่นเลย เดี๋ยวข้าไปดูก็พอแล้ว”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *