หมอหญิงยอดมือสังหาร 561 แรกถึงโยวโจว (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 561 แรกถึงโยวโจว (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 561 แรกถึงโยวโจว (2)

สุดท้ายโจวอ๋องจึงพาคนกลับไป ในเมื่อเยี่ยนอ๋องมาถึงแล้วเขาจะทำอันใดกับคนพวกนี้ก็คงไม่สำเร็จแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเขตปกครองด้านข้างของเขาคือน้องสิบสี่ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับพี่สามมาตั้งแต่เด็ก หากมีเรื่องขึ้นมาน้องสิบสี่ไม่มีวันช่วยเขาแน่

มองโจวอ๋องพาคนกลับไป เยี่ยนอ๋องจึงหันกลับมา มององค์หญิงฉังผิงด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “น้องห้า เดินทางลำบากหรือไม่”

สีหน้าองค์หญิงฉังผิงซีดขาวเล็กน้อย ทว่ายังดูมีชีวิตชีวา ยิ้มเอ่ย “หม่อมฉันไม่เป็นไรเพคะ ลำบากพี่สามต้องมารับไกลถึงเพียงนี้”

เยี่ยนอ๋องส่ายหน้า เอ่ย “นิสัยของเจ้าสี่ข้าเองก็พอจะเดาได้ ไม่มีเรื่องวุ่นวายเขาไม่มีทางหยุดแน่”

องค์หญิงฉังผิงถอนหายใจ “พี่สี่เองก็ลำบาก มีซั่วเอ๋อร์เชื้อสายหลักเพียงคนเดียว…” ความจริงนางใช่ว่าจะไม่เข้าใจพี่สี่ แต่ระหว่างพี่น้องต่างมารดากับจวินเอ๋อร์ แน่นอนว่านางปกป้องบุตรชายตนเองโดยไม่คิดลังเล

เยี่ยนอ๋องเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวเราเองก็ไปกันเถิด เดินทางเร็วสักหน่อย อีกสองวันก็ไปถึงโยวโจวแล้ว”

“เพคะ” องค์หญิงฉังผิงพยักหน้า ขึ้นรถม้าโดยมีสาวใช้คอยประคอง คนอื่นๆ ก็กระโดดขึ้นหลังม้า เตรียมตัวออกเดินทาง

เยี่ยนอ๋องนั่งอยู่บนหลังม้า มองหนานกงมั่วที่นั่งอยู่บนหลังม้าเช่นกันพลางเลิกคิ้ว เอ่ย “เจ้าเด็กคนนี้ทักษะการขี่ม้านับว่าไม่เลว”

หนานกงมั่วเม้มริมฝีปากด้วยรอยยิ้ม เอ่ยตอบด้วยท่าทีเขินอาย “ขายหน้าต่อหน้าท่านอ๋องแล้ว หม่อมฉันเองก็พึ่งเริ่มเรียนไม่นานเพคะ”

ขบวนเคลื่อนตัวอีกครั้ง เยี่ยนอ๋องเอ่ย “เพิ่งเริ่มเรียนแต่มีทักษะเพียงนี้ คงจะเป็นพรสวรรค์เสียแล้ว” หันกลับไปมองเว่ยจวินมั่วที่ควบม้าอยู่ข้างหนานกงมั่ว เอ่ย “เดิมทีข้าตั้งใจจะไปจินหลิงสักครั้ง แต่ไม่คิดว่าพวกเจ้าจะมาเร็วเพียงนี้” เดิมทีเยี่ยนอ๋องก็ไม่คาดหวังว่าพวกเขาจะมาโยวโจวได้ไวเพียงนี้ หนึ่งคือน้องสาวของเขาตัดจวนจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไม่เคยขาด สองคิดว่าเซียวเชียนเยี่ยคงไม่ปล่อยพวกเขามาง่ายๆ ลุงหลานอย่างไรก็ไม่ใช่พ่อลูก องค์หญิงฉังผิงอยู่ในเมืองจินหลิงอย่างน้อยก็สามารถใช้ข้อผูกมัดเยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องได้ แม้ข้อผูกมัดนั้นจะมีขีดจำกัดก็ตาม

หนานกงมั่วจนใจ เอ่ย “ก่อเรื่องที่จินหลิง จึงต้องหนีเพคะ” ตามที่เซียวฉุนบอก เรื่องวันเกิดของเว่ยจวินมั่วเยี่ยนอ๋องเองก็รู้ เพียงแต่หนานกงมั่วเองก็อยากเก็บมันเอาไว้

เยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงเรียบ “ตั้งแต่ได้รับข่าวข้าก็คิดดู พอรู้บ้างแล้วว่าเกิดอันใดขึ้น เรื่องนี้กลับไปแล้วค่อยว่ากัน”

ข้างนอกแน่นอนไม่ใช่ที่ที่จะคุยเรื่องนี้ หนานกงมั่วพยักหน้า เยี่ยนอ๋องเอ่ย “ฤดูหนาวปีที่แล้วทำสงครามอยู่หลายครั้ง พวกเราสูญเสียคนไปไม่น้อย หลังไปถึงโยวโจว เจ้าก็ไปช่วยข้าดูแลทหารเหล่านั้นให้กลับมาแข็งแกร่งขึ้น ฤดูหนาวปีนี้ หากพวกเป่ยหยวนยังกล้ามาอีก ข้าจะไม่ให้พวกมันได้มีโอกาสกลับไปแน่นอน”

เว่ยจวินมั่วเงยหน้าขึ้นมา คิ้วคมขมวดเล็กน้อย เยี่ยนอ๋องโบกมือ เอ่ย “ไม่ต้องพูดมาก ให้เจ้าไปเจ้าก็ไป ข้าไม่มีขุนนางขั้นสองให้เจ้าหรอกนะ ข้าจะมอบตำแหน่งผู้บัญชาการกองกำลังอารักขาส่วนพระองค์ให้เจ้า”

หนานกงมั่วที่อยู่ด้านข้างรู้สึกจนปัญญาขึ้นมา กองกำลังอารักขาส่วนพระองค์ที่เยี่ยนอ๋องหมายถึงแน่นอนว่ามิใช่กองกำลังทหารและม้าศึกกองทัพเหล็กโยวโจวที่มีกำลังพลกว่าแสนนายที่เห็นอยู่ กองกำลังเหล่านั้นแม้จะเป็นของเยี่ยนอ๋องทว่าก็ต้องฟังคำสั่งจากราชสำนัก อย่างไรก็ยังคงเป็นกองกำลังของราชสำนัก บัญชาการทหารทั้งหมดโดยผู้บัญชาการขั้นสอง ส่วนกองกำลังที่เยี่ยนอ๋องหมายถึงนั่นคือกองกำลังส่วนพระองค์ที่ฝ่าบาทแต่งตั้งให้นับตั้งแต่รัชศกหงกวงปีที่หนึ่ง แน่นอนว่าเหล่าผู้ปกครองเมืองไม่ทิ้งโอกาสนี้ บรรดาผู้ปกครองเมืองมีทหารส่วนพระองค์มากกว่าทหารตามที่ราชสำนักกำหนดมาให้เสียด้วยซ้ำ ต่อให้ราชสำนักมีข้อโต้แย้ง การปกป้องคุ้มกันเขตชายแดน ทหารหนึ่งแสนนายจะเพียงพอทำอันใดได้

อย่างไรก็ตามทหารเหล่านี้ยังคงอยู่ในมือของผู้ปกครองเมืองมาช้านาน ไม่ใช่ของผู้ปกครองเมืองก็เป็นของผู้ปกครองเมืองแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว หากกองกำลังยังต้องฟังคำสั่งจากราชสำนัก เช่นนั้นมิสู้พวกเขาเลี้ยงเป็นของตนเองเสียดีกว่า ดังนั้น…เยี่ยนอ๋องจึงเลี้ยงนายทหารสิงโตกว่าสามแสนนาย หนิงอ๋องแห่งสีโจวเองก็เลี้ยงทหารกองกำลังส่วนพระองค์ไท่หนิงกว่าสองแสนห้าหมื่นนาย ช่างเป็นที่น่ายินดี

เว่ยจวินมั่วขมวดคิ้ว เอ่ย “เสด็จลุง ก้าวเดียวถึงสวรรค์[1]มิใช่เรื่องดี”

เยี่ยนอ๋องไม่สนใจ “หรือว่าเจ้าเอาเด็กพวกนั้นไม่อยู่หรือ”

“กระหม่อมสังหารพวกเขาได้หรือไม่” เว่ยจวินมั่วเอ่ยถาม

เยี่ยนอ๋องครุ่นคิด สุดท้ายจึงเอ่ย “เช่นนั้นก็ช่างเถิด” ทหารหายาก ไม่ฟังก็ลงโทษสักหน่อย จัดการสักนิดก็พอแล้ว ทว่าหากตัดหัวไปเลยโดยไม่เอ่ยอันใด…แบบนั้นสิ้นเปลืองเกินไป เพียงแต่เยี่ยนอ๋องเองรู้ดีว่าปกติแล้วเว่ยจวินมั่วจัดการกับวังจื่อเซียวเช่นไร คงต้อง…ทำความคุ้นเคยเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันเถิด

“จริงสิ แล้วก็วังจื่อเซียวนั่น…” เยี่ยนอ๋องครุ่นคิด สุดท้ายจึงเอ่ยขึ้น เว่ยจวินมั่วเอ่ยจริงจัง “กระหม่อมรู้พ่ะย่ะค่ะ ต่อไปยุทธภพคงไม่มีวังจื่อเซียวแล้ว”

เยี่ยนอ๋องจึงวางใจ เอ่ย “เจ้าคิดจะให้พวกเขาเข้าร่วมเป็นทหารทั้งหมดหรือ” ครั้งนั้นหลานชายที่อายุเพียงสิบกว่าปีพาลิ่นฉังเฟิงที่อายุสิบกว่าปีเท่ากันเข้าไปแฝงตัวอยู่ในยุทธภพก่อตั้งวังจื่อเซียวนั่นเพราะเหตุใด นั่นไม่ใช่เพราะหาเงินมาให้เขาเลี้ยงกองกำลังเหล่านี้หรอกหรือ แต่การาทำกิจการสำนักมือสังหารนั้นไม่ใช่เส้นทางที่ถูกต้อง ตอนอายุน้อยยังดี ใครบ้างจะไม่เคยเที่ยวเล่นสมัยวัยหนุ่ม ผ่านไปอีกสักนิด หากในมือของเว่ยจวินมั่วยังมีสำนักมือสังหารอยู่ อาจไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงทางการทหารของเขา

เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ เยี่ยนอ๋องเอ่ย “เช่นนั้นก็ดี คนที่อยู่ในมือของเจ้าล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีผลงานในกองทัพ ต่อไปจะได้ช่วยเจ้าได้ด้วย”

หนานกงมั่วควบม้าอยู่ด้านข้าง ฟังทั้งสองพูดคุยกัน ลอบพ่นลมหายใจอยู่ในใจ แม้ชาติกำเนิดของเว่ยจวินมั่วจะไม่ดีนัก แต่ก็ยังมีลุงทั้งสองที่ดี แม้ฉีอ๋องจะช่วยอันใดเว่ยจวินมัวไม่ได้มาก ทว่าเมื่อครั้งอยู่จินหลิงก็ส่งสิ่งของต่างๆ มาให้องค์หญิงฉังผิงและเว่ยจวินมั่วอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งคอยกังวลว่าพวกเขาจะถูกเอาเปรียบเมื่ออยู่ในจินหลิง ทั้งกลัวว่าเงินจะไม่พอใช้ แม้แต่นางเองยังได้รับผ้าหลากหลายชนิดจากชิงโจว เยี่ยนอ๋องยังวางแผนช่วยเว่ยจวินมั่วอย่างตั้งใจ หากไม่ใช่เพราะเยี่ยนอ๋องและฉีอ๋องไม่ได้อยู่ในจินหลิง คาดว่าเว่ยจวินมั่วคงมิได้มีนิสัยอย่างเช่นทุกวันนี้

“เสด็จลุง…”

เยี่ยนอ๋องเลิกคิ้ว “ยังมีเรื่องอันใดอีกหรือ” หลายปีมานี้ หลานชายผู้นี้ช่วยตนเองหลายอย่าง แต่ก็ไม่เคยเอ่ยปากอันใดกับเขา ดังนั้นขอเพียงเว่ยจวินมั่วเอ่ยปาก เยี่ยนอ๋องจะรู้สึกดีใจเป็นพิเศษ เว่ยจวินมั่วเอ่ย “กระหม่อมตั้งใจจะให้อู๋สยาเข้าไปอยู่ในกองทัพด้วยกันกับกระหม่อม”

เยี่ยนอ๋องชะงัก เมื่อได้สติกลับมาจึงรีบโบกปัดมือ “ข้าจะว่าอันใดได้ เจ้าไม่ต้องเอ่ยจริงจังเพียงนั้น ชายาของเจ้าวิชาการแพทย์ไม่เลว อีกทั้งยังชาญฉลาด เข้าไปอยู่ในกองทัพคงไม่ก่อเรื่องวุ่นวายหรอก อยากไปก็ไปเถิด” ใช้ยาของหนานกงมั่วแล้ว เยี่ยนอ๋องรู้สึกราวกับว่าอาการบาดเจ็บของเขาที่เคยมีหายไปเป็นปกติแล้ว ฤดูหนาวปีนี้หากไม่ใช่เพราะบิดาของตนจากไปกะทันหัน ปีนี้นับว่าสบายกว่าปีไหนๆ หนานกงมั่วชะงัก อดไม่ได้ยกมือขึ้นลูบใบหน้าตนเอง ที่แท้สตรีเข้าไปอยู่ในกองทัพเป็นเรื่องง่ายเพียงนี้เลยหรือ เช่นนั้นที่นางคอยกังวลนั่นเพราะคิดมากเกินไปหรือ

เยี่ยนอ๋องเองก็ไม่ใช่คนแก่หัวโบราณ หลายปีก่อนเมื่อครั้งพระชายาองค์เก่าของเยี่ยนอ๋องยังอยู่ ตอนที่ทั้งสองพระองค์ยังเยาว์ เมื่อครั้งมาปกครองโยวโจวในยุคแรกนั้นเป่ยหยวนเห็นว่าเขายังเด็ก จึงเข้ามาก่อกวนอยู่บ่อยครั้ง ยามนั้นพระชายาเยี่ยนอ๋องเองก็คอยช่วยเขาจัดการกับศัตรู อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยตนอีกด้วย รอจนถึงยามนี้แต่งพระชายาองค์ใหม่แล้ว สถานการณ์ของโยวโจวดีขึ้นมาก แม้พระชายาเยี่ยนอ๋องผู้นี้จะไม่มีทักษะการต่อสู้ ทว่าก็เป็นสตรีที่สามารถยิงธนูได้

[1] ก้าวเดียวถึงสวรรค์ การทำอะไรข้ามขั้น การเติบโตที่เร็วเกินไป

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *