หมอหญิงยอดมือสังหาร 127 โรงเตี๊ยม ศาสตราวุธ หญิงงาม (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 127 โรงเตี๊ยม ศาสตราวุธ หญิงงาม (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนานกงมั่วเหลือบมองเขาเล็กน้อย คร้านจะบอกกับเขาว่านางไม่คิดถึงเรื่องนั้นเลยสักนิด นางเพียงกำลังคิดว่า…เดิมทีเว่ยจวินมั่วร้ายกาจกว่าที่นางคาดเอาไว้อีกหรือ จะว่าไป…ชายผู้นี้ดูเหมือนจะลึกลับ ทุกครั้งที่นางรู้สึกว่านางเข้าใจเขา มักจะรู้สึกว่าแท้จริงแล้วยังมีอีกหลายเรื่องที่นางยังไม่รู้ มิสู้…รอเขากลับมาแล้วถามเขาจะดีหรือไม่

กลับมาถึงจวนฉู่กั๋วกง สาวเท้าเหยียบย่างเข้าไปในจวนพลันมองเห็นว่ามีคนมารออยู่ก่อนแล้ว “คุณหนูใหญ่ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “มีเรื่องอันใด”

พ่อบ้านเหลือบมองชายหนุ่มสองคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เอ่ยถามด้วยความสงสัย “คุณหนูใหญ่…สองท่านนี้…”

หนานกงมั่วเอ่ยตอบเสียงเรียบ “อ้อ สองคนนี้คือองครักษ์ที่องค์หญิงฉังผิงส่งมาดูแลข้า”

พ่อบ้านจึงวางใจ เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงมีเมตตา องค์หญิงเอ็นดูคุณหนูใหญ่เพียงนี้ นายท่านรู้ต้องรู้สึกยินดีเป็นแน่ขอรับ” หนานกงมั่วยิ้มบางๆ เอ่ยถาม “ท่านพ่อบ้านมารอข้าอยู่ที่นี่มีเรื่องอันใดหรือ”

พ่อบ้านรีบหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา “มีคนส่งมาที่จวนขอรับ บอกว่าเป็นเรื่องสำคัญต้องส่งมอบให้ถึงมือคุณหนูใหญ่ บ่าวไม่กล้าเสียเวลา…” ฐานะของคุณหนูใหญ่ในจวนพ่อบ้านเองก็มองออก แม้จะดูเหมือนว่าความสัมพันธ์กับนายท่านจะไม่ดีเท่าที่ควร แต่ว่านายท่านนั้นทั้งอดทนและเอ็นดูคุณหนูใหญ่ แม้แต่คุณหนูรองยังเทียบไม่ได้ นี่เป็นเพราะคุณหนูใหญ่มีความฉลาดหลักแหลมมากกว่าคุณหนูรองมากทีเดียว

หนานกงมั่วรับจดหมายมาอ่าน สัญลักษณ์ที่ปิดผนึกนั้นมีรูปดอกไม้สีทองซับซ้อน หนานกงมั่วชะงัก ยกมือขึ้นเปิดออก ด้านในนั้นมีกระดาษหนึ่งแผ่นและตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว ทว่าทำให้ใบหน้าของหนานกงมั่วทะมึนขึ้นทันใด

เสี่ยวมั่วเอ๋อร์

หากเว่ยจวินมั่วกลับมาไม่ได้ เจ้ามาเป็นผู้หญิงของข้าดีหรือไม่ เชื่อข้า เว่ยจวินมั่วไม่มีทางกลับมาขัดขวางความรักของเราได้แน่ เสี่ยวมั่วเอ๋อร์อย่าได้เสียใจไปเล่า ข้าจะหึงเอานะ

ลงท้ายจดหมายมีเพียงคำว่า เฉิน เพียงคำเดียว ใบหน้าของหนานกงมั่วเยือกเย็น จดหมายนั้นถูกขยำเป็นก้อนกลม

ฝังและเวยเห็นว่าสีหน้านางไม่ดีจึงมองสบตากันเล็กน้อย ฝังจึงเอ่ยขึ้น “คุณหนู เกิดเรื่องอันใดขึ้นหรือขอรับ” แน่นอนว่าพวกเขาดูออกว่าบนจดหมายนั้นเป็นสัญลักษณ์ของหอธารา หนานกงมั่วขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเย็น “ไม่มีอันใด ไปเตรียมตัว พวกเราต้องออกเดินทาง”

“ไม่ได้ เจ้าอยู่ที่บ้านไปซะ ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”

หนานกงมั่วจะออกเดินทางแน่นอนว่าคงปิดบังหนานกงชวี่เอาไว้ไม่ได้ หนานกงชวี่ที่เดิมไม่เคยสนใจเรื่องในเรือน หาได้ยากยิ่งที่จะมาเรือนจี้ชั่งด้วยตนเองเช่นนี้ มองเห็นหมิงฉินที่กำลังจัดเก็บของแทนหนานกงมั่วด้วยสีหน้ากังวล หน้าประตูมีชายแปลกหน้าสองคนยืนอยู่ หนานกงมั่วเงยหน้ามองเขา เอ่ยบอก “พี่ใหญ่ ข้ามีธุระ”

หนานกงชวี่ยังคงเอ่ย “ไม่ว่าเจ้าจะมีธุระอันใด ก็ห้ามออกจากเมืองหลวง เจ้าคิดว่าท่านพ่อไม่อยู่จินหลิงแล้วเจ้าคิดจะทำตามใจได้อย่างนั้นหรือ หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นจะทำเช่นไร” หนานกงมั่วขมวดคิ้ว “ข้าจะมีเรื่องอันใดได้”

“สนามรบเป็นสถานที่ที่เด็กสาวจะไปเที่ยวเล่นได้หรือ ฆ่าฟันกันไม่เลือกหน้า หากเจ้าบาดเจ็บขึ้นมาจะทำเช่นไร ยิ่งไปกว่านั้น เจ้ายังไม่ออกเรือน หญิงตัวคนเดียววิ่งแจ้นไปไกลถึงเพียงนั้น…เจ้าคงไม่ได้ทำเพื่อท่านพ่อหรือฮุยเอ๋อร์หรอกใช่ไหม เว่ยจวินมั่วผู้นั้นสำคัญกับเจ้ามากเลยหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยตอบอย่างเกียจคร้าน “เขาเป็นว่าที่สามีของข้า แน่นอนว่าต้องสำคัญ”

หนานกงชวี่ส่งเสียงหยัน “ตายไปแล้วก็จบไม่ใช่หรือ เมื่อก่อนเจ้าก็มิได้เต็มใจแต่งงานเลยสักนิด”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “ตอนนี้ข้าพอใจแล้วไม่ได้หรือ หากเขาตายข้าก็จะตายด้วย”

“เหลวไหล” หนานกงชวี่เอ่ยด้วยความโกรธ “ตายไม่ตายอันใดกัน นี่เป็นสิ่งที่สตรีเช่นเจ้าจะพูดออกมาง่ายๆ เช่นนี้หรือ”

มองหนานกงชวี่ที่ใบหน้าเยือกเย็นตรงหน้า หนานกงมั่วถอนหายใจเบาๆ “พี่ใหญ่ ท่านจะยอมหรือไม่ข้าก็จะไป ข้าไม่ได้คิดจะหารือกับท่าน” ใบหน้าเยือกเย็นของหนานกงชวี่นิ่งค้างอยู่เช่นนั้น จ้องมองหนานกงมั่วอยู่นานไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา เนิ่นนานจึงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “มั่วเอ๋อร์ เจ้าจะไปที่อื่นยังว่าได้ ยามนี้หูก่วงกำลังมีสงคราม อันตรายเกินไป”

“อันตรายหรือ” คิ้วสวยของหนานกงมั่วเลิกขึ้น หนานกงชวี่เห็นเพียงร่างกายของหนานกงมั่วที่ขยับเล็กน้อย ชั่วพริบตาร่างนั้นก็หายไปจากเก้าอี้ หนานกงชวี่เองก็เคยฝึกวรยุทธอยู่บ้าง รีบหันไปทางซ้าย ทว่าไม่ทันใดก็รู้สึกเจ็บขึ้นที่แขน ชั่วพริบตาร่างกายก็แข็งเกร็ง เมื่อเขาได้สติคืนมา มีดสั้นสะท้อนแสงวาววับก็มาจ่ออยู่ที่ลำคอของเขาแล้ว หนานกงมั่วยืนยิ้มตาหยีอยู่ด้านหลัง เอ่ยถามเขา “พี่ใหญ่ ท่านคิดว่าหูก่วงอันตรายหรือข้าอันตราย”

หนานกงชวี่มองหญิงสาวที่กำลังหัวเราะอยู่ตรงหน้าอย่างสับสน ฝีมือเช่นนี้…คนทั่วไปจะร่ำเรียนได้เช่นไร

“ชิงเอ๋อร์…เจ้าคือชิงเอ๋อร์หรือไม่”

หนานกงมั่วยิ้ม “พี่ใหญ่คิดว่าข้าไม่ใช่หรือ”

หนานกงชวี่ส่ายหน้า แน่นอนว่านางคือน้องสาวของเขา แม้จะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน แต่เขาจะจำน้องสาวตนเองไม่ได้ได้เยี่ยงไร เนิ่นนาน หนานกงชวี่ก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามั่วเอ๋อร์มีฝีมือดีเช่นนี้”

หนานกงมั่วหัวเราะพลางเอ่ย “คนอย่างไรก็ต้องเติบใหญ่ อยู่ข้างนอกมักจะเจอเรื่องน่าประหลาดเป็นธรรมดา พี่ใหญ่ว่าใช่หรือไม่”

“ท่านพ่อไม่รู้ว่าเจ้า…” หนานกงชวี่เอ่ยถาม หนานกงมั่วยิ้มไปถึงดวงตา “แน่นอนว่าข้ามิได้ตั้งใจจะปิดบังท่านพ่อ เพียงแค่ล้อเขาเล่นเพียงเท่านั้น”

หนานกงชวี่พูดไม่ออก แม้ว่าเขาไม่รู้วรยุทธ์ แต่เขารู้ว่าพฤติกรรมของผู้ที่เคยฝึกวรยุทธ์กับผู้ที่ไม่เคยฝึกนั้นแตกต่าง แต่ท่านพ่อกลับไม่เคยสงสัยฝีมือของมั่วเอ๋อร์เลย นางปกปิดเอาไว้ได้ดีทีเดียว ลำคอแห้งผากจนต้องกลืนน้ำลาย หนานกงชวี่เอ่ย “เจ้าปิดบังท่านพ่ออยู่หรือ” หนานกงมั่วหัวเราะด้วยท่าทางไร้เดียงสา “พี่ใหญ่กล่าวเกินไปแล้ว ข้าเพียงแค่…มิได้บอกท่านพ่อก็เท่านั้น ตอนนี้ พี่ใหญ่ให้ข้าออกเดินทางได้หรือยังเจ้าคะ”

หนานกงชวี่ขมวดคิ้ว “เว่ยจวินมั่วสำคัญกว่าท่านพ่อและพี่รองจริงๆ หรือ”

หนานกงมั่วคิดไตร่ตรองจริงจัง “บางทีอาจจะใช่ แต่ว่า…ที่ข้าอยากออกเดินทางมิใช่เพราะเขาอย่างเดียวหรอก ตัวข้าเองก็อยากออกไปดู เมืองจินหลิงน่าเบื่อมาก”

หนานกงชวี่เอ่ย “ดังนั้น ต่อให้ข้าไม่ยอม เจ้าก็จะไปงั้นหรือ”

หนานกงมั่วยิ้ม “หากพี่ใหญ่ห้ามข้าได้ แน่นอนว่าข้าก็จะไม่ไป”

หนานกงชวี่ส่ายหน้า ถอนหายใจ “ช่างเถิด เจ้าไปเถิด ก่อนท่านพ่อจะเสร็จภารกิจและกลับมา เจ้าต้องกลับมาแล้ว”

“ขอบคุณเจ้าค่ะพี่ใหญ่”

มองหนานกงชวี่หมุนตัวเดินออกไป มุมปากของหนานกงมั่วยกยิ้มเล็กน้อย หันกลับมาบอกหมิงฉิน “ไม่ต้องเตรียมของมาก เอาเงินและอะไรที่หาซื้อไม่ได้ก็พอ”

แม่นมหลานถือห่อผ้าออกมาจากด้านใน มองหนานกงมั่วด้วยความกังวลพลางถอนหายใจ “คุณชายใหญ่เป็นห่วงคุณหนูใหญ่มาก คุณหนูใหญ่…เป็นสตรี จะไปทำไมกันเจ้าคะ เรื่องในสนามรบท่านก็ช่วยอะไรมิได้”

หนานกงมั่วรับห่อผ้ามา “แม่นมวางใจเถิด ไม่เกินสองเดือนข้าต้องกลับมาแน่นอน”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *