หมอหญิงยอดมือสังหาร 17 ชั้นต่ำทั้งนั้น

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 17 ชั้นต่ำทั้งนั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จลุง”

หนานกงไหวรีบเอ่ย “องค์ชายเชิญพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไปส่งเสด็จ”

เมื่อออกมาจากจวนหนานกง โจวอ๋องจึงเลิกคิ้วขึ้นพลางเอ่ยถามว่า “พี่สาม ท่านเชื่อใจเด็กสาวผู้นั้นจริงหรือ”

เยี่ยนอ๋องตอบอย่างไม่ใส่ใจ เอ่ยเสียงเรียบ “ลองสักหน่อยจะเป็นไรไป”

โจวอ๋องลูบปลายคาง มองกลับไปยังจวนหนานกง หันกลับมามองเว่ยจวินมั่วอีกครั้ง หัวเราะออกมาเล็กน้อย “จวินมั่ว ดูเหมือนฉังผิงจะไม่ต้องกังวลกับเจ้าอีกแล้ว ดูเหมือนคุณหนูหนานกงผู้นี้ดูจะไม่เลวทีเดียว”

“ขอบพระทัยเสด็จลุงที่ทรงห่วงใย” เว่ยจวินมั่วกล่าวเสียงเรียบ

ไม่กังวลหรือ เกรงว่าตอนนี้เขาต้องเริ่มกังวลอย่างจริงจังแล้วต่างหาก เด็กคนนั้น…ไม่ธรรมดาเลย เจอกันครั้งแรกก็อยากควักลูกตาของเขาแล้ว เขาไม่เชื่อว่าหญิงสาวจะยินยอมแต่งงานครั้งนี้ง่ายๆ น่ะสิ แต่ก็ผลักเรือตามน้ำเก่ง ท่านลุงไปหาเพียงครั้งเดียวก็ได้ช่วยนางเปลี่ยนชื่อได้เสร็จสรรพ

ในห้องโถงใหญ่ หนานกงมั่วนั่งมองเจิ้งซื่อและหนานกงซูที่พูดไม่หยุดสลับไปมาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง

“คุณหนูใหญ่ ท่านทำอันใดอยู่ แม้จะต้องการเปลี่ยนชื่อ บอกกับท่านพี่ดีๆ ก็ได้ ไยต้องไปรบกวนเยี่ยนอ๋อง หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปล่ะก็…” เจิ้งซื่อเอ่ยอย่างกังวลใจ หนานกงซูเองก็เอ่ยเสริม “นั่นสิพี่สาว เรื่องนี้ท่านทำไม่ถูก หากว่าท่านไม่พอใจท่านพ่อ ก็ไม่ควรทำให้ท่านพ่อเสียหน้ากับคนนอก พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านว่าถูกหรือไม่”

หนานกงชวี่ขมวดคิ้ว มองไปยังหนานกงมั่วด้วยความกังวล “ชิง…มั่วเอ๋อร์ อีกสักเดี๋ยวก็ไปขอโทษท่านพ่อเถิด”

หนานกงฮุยขมวดคิ้ว มองพี่ใหญ่แล้วเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้จะโทษมั่วเอ๋อร์ทั้งหมดไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายก็ไม่ได้โกรธมิใช่หรือ ยังเอ็นดูมั่วเอ๋อร์อีกด้วย ในเมื่อมั่วเอ๋อร์ต้องแต่งกับผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง ทำให้เยี่ยนอ๋องพอพระทัยได้นับว่าเป็นเรื่องสำคัญ” ความจริงในตอนที่หนานกงซูเอ่ยขึ้นว่าต้องการให้มั่วเอ๋อร์แต่งงานแทน เขาเองก็ไม่ได้ยินดีอยากให้มั่วเอ๋อร์ไปแต่งแทนซูเอ๋อร์ เขาเพียงต้องการใช้โอกาสนี้ให้ท่านพ่อพามั่วเอ๋อร์กลับจวนก็เท่านั้น หลายปีมานี้เขากับพี่ใหญ่ก็เอ่ยถึงเรื่องนี้อยู่บ่อยครั้ง ทว่ากลับถูกท่านพ่อโต้แย้งมาตลอด ไม่เห็นด้วย หรือต้องการให้มั่วเอ๋อร์กลายเป็นหญิงชาวบ้านจนแก่ตายก็ไม่รู้ได้ ไม่ว่าอย่างไร เจิ้งซื่อกล่าวถูกอยู่หนึ่งประโยค มั่วเอ๋อร์อายุไม่น้อย ควรนึกถึงเรื่องออกเรือนได้แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าเยี่ยนอ๋องจะมาเร็วปานนี้ ทั้งยังกดดันให้ท่านพ่อตัดสินใจ

เว่ยจวินมั่วนอกจากเรื่องสถานะชาติกำเนิดและดวงตาที่แปลกประหลาดนั่น อย่างอื่นก็ไม่มีสิ่งใดเสียหาย น่าเสียดาย โลกใบนี้ให้ความสำคัญกับชาติกำเนิด

“ฮูหยินหว่าน น้องสาว เรื่องของข้าไม่จำเป็นให้พวกท่านต้องมากังวลใจ” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ

เจิ้งซื่อกัดฟัน กำมือแน่น ฮู หยิน หว่าน งั้นหรือ นังเด็กผู้นี้ปฏิบัติต่อนางราวกับภรรยารองที่ไม่สามารถออกหน้าออกตาได้ใช่หรือไม่ ถึงแม้นางจะไม่ได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าบาท คนนอกพบเจอกับนางใครกันจะไม่เคารพนอบน้อมเรียกนางว่าหนานกงฮูหยิน เรียกขานกันตามการเรียกภรรยาเอก แม้ว่าตอนที่นางเป็นภรรยารอง บ่าวรับใช้จะเคยเรียกขานนางว่าฮูหยินรอง เจิ้งอี๋เหนียง[1] แต่ว่าในตอนนี้นางเรียกว่าฮูหยินหว่าน แม้จะใช้คำว่าฮูหยิน แต่ก็ยังมีความแตกต่างชัดเจน เป็นเหมือนบ้านที่ไม่มีกฏเกณฑ์ สามีรักภรรยารองมากกว่าและกำจัดภรรยาเอกไปเสีย ซ้ำยังเป็นชื่อที่ไม่มีความหมายราวกับตั้งชื่อให้แก่ภรรยารองที่มีภูมิหลังต่ำต้อย จวนทั่วไปนั้นไม่มีเรียกเช่นนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าหนานกงชิงกำลังตอบโต้นางอยู่

“คุณหนูใหญ่ ข้ารู้ว่าเจ้าดูถูกข้า แต่ว่า…ถึงข้าจะเกิดมาต่ำต้อย ทว่ามาจากตระกูลที่ดี กราบไหว้บรรพบุรุษ ท่านพี่ยกให้เป็นภรรยาเอก เจ้ากล่าวเช่นนี้ ข้าจะมีหน้าอยู่ต่อไปได้เยี่ยงไร” พูดจบก็ยกมือขึ้นซับน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้น

“พี่ใหญ่ ท่านแม่ข้าไปทำอันใดให้ท่านไม่พอใจหรือไม่ ท่านกลับมาถึงจึงได้มารังแกเราสองแม่ลูกเช่นนี้” หนานกงซูร้องไห้น้ำตาไหลราวกับหยาดฝนขณะมองหนานกงมั่ว

“นี่มันอะไรกัน” หนานกงไหวโมโหขึ้นมา มองเห็นสองแม่ลูกร้องไห้กอดกัน หันไปมองทั้งสามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“ท่านพ่อ…” หนานกงซูโถมตัวเข้าหาอ้อมกอดของหนานกงไหว ร้องไห้บอก “ท่านพ่อ ทิ้งเราสองแม่ลูกไว้ที่ตานหยางเถิด เราไม่กลับไปอีกแล้ว”

หนานกงไหวขมวดคิ้ว เอ่ยถามซ้ำอีกครั้ง “เกิดอันใดขึ้นกันแน่”

เจิ้งซื่อกล่าวทั้งน้ำตา “เพราะข้าไม่ดีเอง ฮือ…เพราะข้าเกิดในชนชั้นต่ำต้อย เป็นได้แค่ภรรยารองในสายตาคุณหนูใหญ่ ท่านพี่…ข้า ข้าไม่มีหน้าอยู่ต่อไปแล้ว” พูดจบ เจิ้งซื่อจึงลุกขึ้นพุ่งเข้าไปโขกศีรษะกับเสาด้านข้าง

“ฮูหยิน อย่า” ใบหน้าของหนานกงฮุยถอดสี รีบยกมือขึ้นไปขวาง หากเจิ้งซื่อเป็นอะไรไป ชื่อเสียงของมั่วเอ๋อร์คง…

“พี่รอง” มือเรียวสวยคว้าแขนหนานกงฮุยเบาๆ “พี่รอง พวกนางร้องไห้ทำไมกันหรือ”

หนานกงฮุยชะงัก รู้สึกยินดีอยู่ในใจ “มั่วเอ๋อร์ เจ้ายอมเรียกข้า…”

พลั่ก!

เจิ้งซื่อโขกศีรษะพุ่งชนกับเสา แม้ไม่ถึงขั้นเลือดออก ทว่ารู้สึกเจ็บปวดและมึนชา เจิ้งซื่อหันไปมองหนานกงฮุยที่แข็งทื่อและทำอะไรไม่ถูก หนานกงฮุยแค่นยิ้ม “ฮูหยิน ท่าน…ไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

“ฮือ ให้ข้าตายไปเสียเถิด…” เจิ้งซื่อตอบโต้โดยไว ร้องไห้ขึ้นมาราวกับเจ็บปวดสาหัส ยังคงโขกศีรษะต่อไป ระมัดระวังต่อหนานกงมั่วเพิ่มขึ้น นี่พึ่งผ่านไปเท่าไหร่กันเชียว คำเรียกขานของหนานกงฮุยที่มีต่อนางก็เปลี่ยนจากท่านแม่กลายเป็นฮูหยินไปเสียแล้ว เพราะตัวนางไม่มีบุตรชาย หลายปีมานี้จึงปฏิบัติกับคุณชายทั้งสองเป็นอย่างดี ไม่คิดว่า…สุดท้ายก็ไม่เหมือนกับบุตรที่คลอดออกมาเอง

“พอแล้ว วุ่นวายอันใดกัน” ห้องทั้งห้องวุ่นวายใหญ่โต หนานกงไหวเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธ “ชิงเอ๋อร์ ขอโทษ…ฮูหยิน” ไม่อยากดื้อดึงต่อไปแล้ว หนานกงไหวก็ไม่อยากบังคับให้หนานกงมั่วเรียกท่านแม่แล้ว

หนานกงมั่วช้อนตาขึ้น ดวงตาใสรู้สึกพอใจไม่น้อย “ข้าทำอันใดผิดเล่า พี่รอง ฮูหยินหว่านทำอันใดอยู่หรือเจ้าคะ”

หนานกงฮุยยิ้มแห้ง แม้ว่าเขาจะรู้สึกยินดีที่มั่วเอ๋อร์เรียกเขาแบบนี้ ทว่าสถานการณ์ตรงหน้านั้น…

“หากจะปลิดชีวิตตนเอง ทางที่ดีท่านควรถอยหลังอีกสักสองสามก้าว ยามพุ่งชนเข้าไปต้องใช้ความเร็วสักหน่อย ไม่เช่นนั้น ต่อให้ฮูหยินหว่านโขกไปจนถึงเย็น อย่างมากศีรษะก็แค่ปูดบวม แต่ว่า…ต้องระวังสมองกระทบกระเทือนด้วยนะเจ้าคะ” หนานกงมั่วกล่าวด้วยท่าทีจริงจัง

ความเจ็บปวดบนใบหน้าของเจิ้งซื่อกลายสภาพเปลี่ยนไปแข็งทื่อชั่วคราว ถูกจับได้แล้วว่าตนเองกำลังแสดงละคร นางอดไม่ได้ที่จะนึกอยากจับอะไรยัดใส่ปากหนานกงมั่วเสียจริง หนานกงมั่วเอ่ยต่ออีกว่า “ท่านพ่ออยากให้ข้าขอโทษเรื่องใดเล่า”

หนานกงไหวสูดหายใจเข้าลึก กัดฟันบอก “เจิ้งซื่อเป็นฮูหยินของจวนหนานกง เจ้าไม่อยากเรียกนางว่าแม่ก็เรียกนางว่าฮูหยิน เก็บคำเรียกเหลวไหลของเจ้ากลับไปซะ”

“ฮูหยินหว่าน ไม่ถูกตรงไหนเจ้าคะ” หนานกงมั่วขอคำชี้แนะด้วยสีหน้าจริงจัง นางไม่ได้เรียกฮูหยินอยู่หรอกหรือ

หนานกงไหวสีหน้าทะมึน ตอบด้วยความโกรธ “ใครสอนเจ้าให้เรียกเช่นนี้”

หนานกงมั่วตอบอย่างตรงไปตรงมา “เมื่อปีก่อนข้าออกไปรักษาที่บ้านตระกูลหลี่พร้อมกับท่านอาจารย์ ภรรยารองสุดที่รักของเขาก็ถูกเรียกเช่นนี้ ได้ข่าวว่าถูกพามาจากหอใดสักแห่งในตอนที่หลี่ฮูหยินตั้งท้อง ข้ายังได้ยินบ่าวในบ้านพูดกันว่า รอให้หลี่ฮูหยินตายไป นายท่านก็จะแต่งตั้งให้เหมยฮูหยินผู้นี้ขึ้นเป็นภรรยาเอก ท่านพ่อ หอคือที่ใดหรอกหรือ ฮูหยินหว่านก็ถูกพามาจากหอไหนด้วยหรือเปล่าเจ้าคะ”

…..

[1] อี๋เหนียง อนุภรรยา

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *