หมอหญิงยอดมือสังหาร 675 คืนกลับ (1)
ตอนที่ 675 คืนกลับ (1)
เว่ยจวินมั่วเอ่ยเรียบๆ “พากลับไปด้วย ไม่เป็นไรหรอก”
หลูอวิ๋นเฟิงส่ายศีรษะ เอ่ย “ข้าไม่มีทางกลับไปกับพวกเจ้า ท่านพ่อของข้าและเซียงเซียงยังอยู่ในมือของคนเป่ยหยวน” หนานกงมั่วมองเขา “เจ้าคิดว่าหลูฉี่หลินและหลูเซียงเซียงจะมีชีวิตกลับมาได้หรือ” ดวงตาของหลูอวิ๋นเฟิงฉายแววคับแค้นใจและเจ็บปวด หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ทำเรื่องที่ไม่สมควรก็ควรเตรียมใจรับผลที่จะตามมา สิ่งที่ตระกูลหลูของพวกเจ้าทำ คุณชายหลูไม่รู้สึกละอายใจจริงๆ หรือ บรรพบุรุษสละชีวิตเพื่อขับไล่ชาวเป่ยหยวน ตระกูลหลูของพวกเจ้ากลับเอาข่าวการวางกำลังทหารและข่าวคราวเขตชายแดนต้าเซี่ยไปขายให้เป่ยหยวน ชาวบ้านที่ต้องลำบากลำบนพวกเขามีความแค้นอันใดต่อพวกเจ้าหรือ หรือว่า ในสายตาของพ่อค้านั้นมีเพียงเงิน ความเมตตาสักนิดยังไม่มีเลยหรือ เจ้าคิดเอาเองเถิด”
หนานกงมั่วโยนจดหมายไปตรงหน้าของเขา
หลูอวิ๋นเฟิงยื่นมือไปเก็บมันขึ้นมา แต่เมื่อสัมผัสตัวอักษรที่คุ้นเคยนั้นกลับสั่นเทาขึ้นมาโดยไม่อาจห้ามได้ สีหน้าฉายแววความเจ็บปวด
มองดูชายหนุ่มที่แทบใจสลายตรงหน้า หนานกงมั่วรู้สึกสงสารและเห็นใจ เมื่อเทียบกับหลูฉี่หลินและหลูเซียงเซียงสองพ่อลูก หลูอวิ๋นเฟิงนั้นอ่อนแอกว่า แต่นับว่าเป็นชายหนุ่มที่มีจิตใจดีไม่เลว บางทีต่อไปเขาอาจเติบโตมาเป็นพ่อค้าที่เห็นเพียงผลประโยชน์อย่างหลูฉี่หลิน แต่ว่าอย่างไรตอนนี้เขาก็ยังมีจิตใจที่งดงามอยู่
เว่ยจวินมั่วมองลงไป ดวงตาเย็นชามองหลูอวิ๋นเฟิง เพียงเอ่ยเสียงเรียบ “สกุลหลูทรยศประเทศ ควรได้รับโทษ”
สีหน้าของหลูอวิ๋นเฟิงพลันเปลี่ยนแปลง ตระกูลหลูมิได้มีเพียงบิดาและน้องสาว ยังมีญาติพี่น้อง อีกทั้งมารดาของเขา ผู้คนนับร้อยในตระกูลหลูไม่ใช่ทุกคนที่รับรู้เรื่องนี้ ผู้คนส่วนใหญ่…ล้วนแล้วแต่เป็นผู้บริสุทธิ์ หลูอวิ๋นเฟิงไม่รู้ว่าต้องโกรธสองคนตรงหน้า หรือบิดาที่ทำให้ตระกูลหลูมาอยู่ในจุดนี้ หรือว่าต้องโกรธตนเองที่ไร้ความสามารถไม่อาจทำอันใดได้
“พวกเจ้า…”
หนานกงมั่วมองเขา “คุณชายหลู เรื่องของบิดาเจ้า ต่อให้ไม่ตายอยู่ที่เป่ยหยวน เมื่อกลับเข้ามาในด่านไม่ว่าหนิงอ๋องหรือเยี่ยนอ๋องล้วนแล้วแต่ไม่ปล่อยเขาเอาไว้ หากเจ้าทำความดีความชอบชดเชยได้ บางทีอาจจะละเว้นโทษตระกูลหลูทั้งตระกูลก็เป็นได้”
หลูอวิ๋นเฟิงก้มหน้าไม่เอ่ยวาจา
ไกลออกไป เสียงม้าวิ่งใกล้เข้ามา หนานกงมั่วหรี่ตา เอ่ยเสียงเข้ม “คนของสำนักหอธารา เราต้องรีบหนีหรือไม่”
“ไม่ทันแล้ว” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ในเมื่อไม่เกรงกลัวต่อความตาย จัดการคนพวกนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ผู้ที่มาไม่นับว่ามีจำนวนมาก ประมาณไม่กี่สิบคนก็เท่านั้น ล้วนแล้วแต่สวมชุดสีดำมีสัญลักษณ์ของสำนักหอธารา เพียงมองปราดเดียวก็รู้ได้ ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือ
ชั่วครู่คนเหล่านี้ก็มาล้อมทั้งสามคนเอาไว้ ชายชุดดำที่เป็นหัวหน้ามองสำรวจเว่ยจวินมั่วที่อยู่ในชุดสีดำทั้งตัว สีหน้าไม่น่ามองขึ้นมา ถูกคนสวมชุดของพวกเดียวกันแฝงตัวเข้าไปก่อความวุ่นวายในกองทัพ อีกทั้งยังสังหารทหารมากมายพวกเขากลับไม่รู้ ช่างน่าอดสูเสียจริง
มองคู่ชายหญิงตรงหน้า ชายผู้เป็นผู้นำมีความคิดบางอย่างโผล่ขึ้นมาในหัว หัวใจสั่นไหวขึ้นมาโดยไม่อาจห้ามได้ เอ่ยถามเสียงเข้ม “ไม่รู้ว่าทั้งสองท่าน…คือคุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่ใช่หรือไม่”
เว่ยจวินมั่วเลิกคิ้วมองพวกเขาด้วยความประหลาดใจ เอ่ยตอบเสียงราบเรียบ “สายตาของเจ้าช่างเฉียบคม”
ชายชุดดำผู้เป็นหัวหน้ายิ้มขมขื่น หากสายตาเฉียบคมจริงๆ คงไม่เพิ่งจะคาดเดาตัวตนของทั้งสองได้จนป่านนี้หรอก คนทั่วไปรู้เพียงว่าคุณชายเว่ยรูปลักษณ์หล่อเหลามีดวงตาสีม่วง แต่ความงดงามนี้ก็เป็นเพียงเปลือกนอกที่กล่าวเอาไว้คร่าวๆ เพียงเท่านั้น ดังนั้นผู้คนส่วนใหญ่จึงจดจำคุณชายเว่ยได้เพียงเพราะดวงตาสีม่วงคู่นั้นของเขาเท่านั้น ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องขึ้นกล่าวว่าเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งพวกเขาจึงไม่ได้นึกถึงทั้งสองคนนี้ กระทั่งมีการลอบสังหาร ชายหญิงตรงหน้าหากไม่ใช่เว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วจะเป็นใครได้เล่า
เดิมที่ผู้คนไม่กี่สิบคนตรงนี้เข้ามารายล้อมอย่างดุดัน ทว่าตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่กี่สิบคนเหล่านั้นจะเคร่งเครียดเสียยิ่งกว่าพวกเขาสามคนด้วยซ้ำ
ชายผู้เป็นหัวหน้าลอบขมขื่นอยู่ในใจ หากรู้ว่าเป็นสองคนนี้ตั้งแต่แรก เขาจะพามาเพียงสิบกว่าคนได้อย่างไร หากรู้ นอกจากทั้งสองคนนี้แล้วจะมีใครเล่าที่มีฝีมือร้ายกาจสังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน แม้แต่เจ้าสำนักกลเจ็ดดาวผู้ยิ่งใหญ่ในเจียงตงยังต้องตายอยู่ในเงื้อมมือของคุณชายเว่ย
ความจริงเขาไม่รู้ว่าการตายของจินผิงอี้นั้นเจ้านายของพวกเขาเองก็มีส่วน
หนานกงมั่วมองคนที่กำลังลังเลอย่างเห็นได้ชัด เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เจ้าสำนักกงของพวกเจ้าไม่อยู่หรือ”
ชายผู้นั้นไม่ได้ตอบคำถาม หนานกงมั่วกลับพยักหน้า ดูเหมือนว่าตอนนี้กงอวี้เฉินจะไม่อยู่แถวนี้
“พวกเจ้าคิดจะทำเช่นไรหรือ”
ชายผู้นั้นถอนหายใจออกมา ชักดาบคู่กายออกมา “คุณชายเว่ย ซิงเฉิงจวิ้นจู่ ล่วงเกินแล้ว”
แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยากประมือกับทั้งสองคนนัก แต่หากจะปล่อยทั้งสองคนหนีไปต่อหน้าต่อตาอย่างง่ายดาย กลับไปพวกเขาเองที่ต้องตายอย่างน่าอนาจ ชายชุดดำคนอื่นๆ เองก็ชักดาบออกมา ท่าทางเตรียมพร้อมลงมือ สำหรับนิสัยของเจ้านายตนเอง พวกเขาเข้าใจเป็นอย่างดี
เว่ยจวินมั่วหลุบตาลง เอ่ยเสียงเรียบ “อู๋สยา เจ้าพักผ่อนเถิด”
หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ ยืนอยู่ด้านข้างราวกับไม่คิดยื่นมือเข้าไปยุ่ง
ชายชุดดำนับสิบล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือของสำนักหอธารา แน่นอนว่าฝีมือไม่เลว ทว่าก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเว่ยจวินมั่ว
หลูอวิ๋นเฟิงยืนหย้าซีดอยู่ด้านข้าง มองเว่ยจวินมั่วต่อสู้กับกลุ่มชายชุดดำ มองเห็นเพียงกระบี่ในมือของคุณชายเว่ยที่ตวัดกวัดแกว่งไปมา แต่ละกระบวนท่าราวกับมาพร้อมกับพลังทำลายล้าง ทำให้คนไม่กล้าคิดที่จะปะทะกับเขา ชายชุดดำพวกนี้เองก็อาศัยจำนวนมากคิดล้อมเว่ยจวินมั่วเพื่อตัดกำลัง เพียงแต่แผนการเยี่ยงนี้นั้นไม่ได้เรื่องราวต่างกับต่อสู้กับเซวียปินและนายทหารทั้งกองพันเลย วรยุทธ์ของพวกเขาแม้จะมากกว่าคนทั่วไปกว่าสิบเท่า แต่จำนวนคนน้อยเกินไป นอกจากนี้ต่อสู้กับพวกเซวียปินเว่ยจวินมั่วไม่ได้ออกแรง และไม่หลบหลีก แต่กับคนเหล่านี้แน่นอนว่าไม่ต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านั้น
หนานกงมั่วยืนหัวเราะอยู่ข้างม้ามองเว่ยจวินมั่วที่กำลังต่อสู้ อดถอนหายใจให้กับกำลังของเว่ยจวินมั่วไม่ได้ แม้นางจะรู้สึกว่าวรยุทธ์ของนางเองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ามาก แต่ชีวิตนี้นางจะสามารถปีนขึ้นไปอยู่ในระดับคุณชายเว่ยได้หรือไม่
ด้านหลังไม่ไกล หลูอวิ๋นเฟิงอาศัยจังหวะที่หนานกงมั่วกำลังตั้งใจดูการต่อสู้ รีบก้าวถอยหลังออกไป ถอยหลังไปเพียงไม่กี่ก้าวพลันหมุนตัวเตรียมวิ่งออกไป เขายังไม่ทันได้ก้าวขา แส้ยาวพลันเกี่ยวเข้าที่เอวและกระชากเขากลับคืนมา
หลูอวิ๋นเฟิงล้มลงไปบนพื้น กัดฟันจ้องมองหนานกงมั่วเขม็ง
หนานกงมั่วไม่ได้มองเขา สายตามองตรงไปยังกลุ่มคนตรงหน้า เพียงเอ่ยเสียงเรียบ “ข้าขอเตือนเจ้าว่าอย่าได้คิดหนี ครั้งต่อไปข้าคงมิได้เกรงใจเช่นนี้”
หลูอวิ๋นเฟิงเงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ย “เมื่อครู่คนผู้นั้นเรียกเจ้าว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่” แม้จะอยู่ไกลถึงสีโจว ชื่อเสียงของซิงเฉิงจวิ้นจู่ หลูอวิ๋นเฟิงก็เคยได้ยินมา บุตรีคนโตของวีรบุรุษร่วมก่อตั้งประเทศอย่างหนานกงไหว เคยอยู่ในสนามรบ ร่วมสยบกบฏที่หลิงโจว ยามนี้เป็นหนึ่งในคนที่โอรสสวรรค์โกรธเกลียดเป็นที่สุด สตรีเช่นนี้…นึกถึงว่าตนเองนั้นเคยมีใจให้นาง หลูอวิ๋นเฟิงรู้สึกละอายใจจนน่าขัน สตรีเช่นนี้…เขาจะคู่ควรได้เยี่ยงไร เขากล้าคิดได้เช่นไร
Comments