หมอหญิงยอดมือสังหาร 546 ยุคสมัยที่ฮ่องเต้เป็นใหญ่ (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 546 ยุคสมัยที่ฮ่องเต้เป็นใหญ่ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 546 ยุคสมัยที่ฮ่องเต้เป็นใหญ่ (2)

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ย “ไม่แน่ว่าอนาคต คุณชายฉังเฟิงอาจจะทำให้สกุลนี้รุ่งเรืองเสียยิ่งกว่ายามนี้ก็เป็นได้”

ลิ่นฉังเฟิงยิ้มอย่างไม่จริงใจนัก เอ่ย “ขอบคุณที่ปลอบโยน” แม้จะไม่ได้คิดจริงจัง ทว่าลิ่นฉังเฟิงกลับรู้สึกดีขึ้นมามากทีเดียว ตระกูลลิ่นเป็นหนึ่งในสิบตระกูลใหญ่แห่งจินหลิง อาศัยกำลังของลิ่นฉังเฟิงเพียงผู้เดียวจะยิ่งใหญ่ไปกว่าตระกูลลิ่นนั่นยากที่จะเป็นไปได้

กลับมาถึงจวนเยี่ยนอ๋อง หลิ่วจึงเอ่ยเสียงเบา “จวิ้นจู่ โหลวซินเย่ว์ถูกพาตัวมาแล้วเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วตกใจเล็กน้อย “อยู่ในจวนหรือ”

“แน่นอนเจ้าค่ะ” หลิ่นเอ่ย “จวิ้นจู่วางใจเป็นพอ พาตัวคนมาได้โดยไร้ร่องรอย พวกเราทำได้ดียิ่งนักเจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วพยักหน้า “เช่นนั้นก็ไปพบแม่นางโหลวก่อนก็แล้วกัน”

โหลวซินเย่ว์ถูกหลิ่วนำมาอยู่ในเรือนว่างเปล่าที่อยู่ลึกเข้าไปในจวนเยี่ยนอ๋อง เรือนที่ไม่มีใครอยู่อาศัยมานานแล้ว มองออกนอกหน้าต่างไปเห็นเพียงเรือนเล็กและท้องฟ้าอันว่างเปล่า ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าตอนนี้ตนเองอยู่ที่ใด กระทั่งคาดเดาไม่ได้ว่าตนเองอยู่ในเรือนนอกเมือง หรืออยู่ในเรือนสักหลังในเมืองจินหลิง

โหลวซินเย่ว์นั่งอยู่บนเก้าอี้ริมหน้าต่าง ทำได้เพียงมองทัศนียภาพด้านนอกผ่านช่องเล็กๆ ของหน้าต่างที่ปิดสนิท

ด้านนอกมีเสียงเดินดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ โหลวซินเย่ว์รีบลุกขึ้น

“จวิ้นจู่”

ประตูถูกคนด้านนอกเปิดออก หนานกงมั่วยืนอยู่หน้าประตูพยักหน้าให้โหลวซินเย่ว์ เอ่ย “แม่นางโหลว ทำให้แม่นางต้องตกใจแล้ว”

“ซิงเฉิงจวิ้นจู่หรือ” โหลวซินเย่ว์ไม่พอใจขึ้นมา กัดฟันเอ่ย “จวิ้นจู่ทำเช่นนี้หมายความเยี่ยงไร” หนานกงมั่วเดินเข้ามาในห้อง เอ่ยเสียงเบา “เชิญแม่นางโหลวมาด้วยวิธีนี้ข้าเองก็จนปัญญา แม่นางได้โปรดอภัยด้วย”

โหลวซินเย่ว์ส่งเสียงหยัน เอ่ย “ข้ามองไม่เห็นถึงความจริงใจของจวิ้นจู่”

หนานกงมั่วเองก็ไม่ใส่ใจ ยิ้มแล้วเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้าง “แม่นางโหลวคงจะรู้ว่าข้าเชิญแม่นางมาเพราะเรื่องใด”

“ขออภัยด้วย ข้าไม่รู้” โหลวซินเย่ว์เอ่ยเสียงแข็ง

หนานกงมั่วนั่งเล่นต้นเหวินจู๋[1]ตรงหน้า เอ่ยเสียงเรียบ “แม่นางโหลวกำลังคิดว่าข้าเป็นคนมีเมตตาจิตใจอ่อนโยนอย่างนั้นหรือ ไม่ว่าเจ้าจะเอ่ยอย่างไรข้าจะไม่ทำอันใดกับเจ้าหรือ ขออภัยด้วย…นิสัยของข้าไม่ได้ดีนัก โดยเฉพาะเวลาอารมณ์ไม่ดี ข้าเกลียดคำปฏิเสธที่สุด”

มองใบไผ่ในมือหนานกงมั่วที่ร่วงหล่นลงมา สีหน้าของโหลวซินเย่ว์ซีดขาว กัดฟันเอ่ย “หากจวิ้นจู่อยากถามเรื่องของคุณชายเว่ย ข้าไม่รู้จริงๆ ตอนที่คุณชายเข้ามาข้าก็ออกไปแล้ว”

หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมามองนาง ยิ้มพลางเอ่ย “แม่นางโหลว ข้าไม่ได้สนใจว่าจะชำระล้างความผิดให้จวินมั่วได้หรือไม่ นั่นไม่สำคัญ ข้าเพียงอยากรู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคือผู้ใด ยังมีใครที่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ข้าถามเชียนจย่งมาแล้ว แม่นางโหลวเองก็ดื่มเหล้าเช่นเดียวกับพวกเขา แต่ว่า…แม่นางโหลวกลับมิได้มีท่าทีว่าจะสลบ”

“เหล้า…เหล้าอันใด ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่จวิ้นจู่กำลังเอ่ย” สีหน้าของโหลวซินเย่ว์เปลี่ยนไป สองมือกำแขนเสื้อแน่น

หนานกงมั่วย่นหัวคิ้ว เอ่ยเสียงเย็น “แม่นางโหลว ความอดทนข้ามีไม่มากนัก”

“ข้าไม่เข้าใจท่านหมายความเช่นไร” โหลวซินเย่ว์เอ่ย

“เยี่ยม” หนานกงมั่วพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าคงต้องไปหาเฉิงจวิ้นอ๋องแล้ว” โหลวซินเย่ว์ชะงัก จ้องหนานกงมั่วเขม็ง “ท่านกำลังสงสัยว่าเฉิงจวิ้นอ๋องให้ร้ายคุณชายเว่ย จะเป็นไปได้เยี่ยงไร”

หนานกงมั่วเอ่ย “เรื่องเกิดที่ซินเย่ว์หยวนของเจ้า เหล้าเป็นของซินเย่ว์หยวน ว่ากันว่าเดิมแม่นางซินเย่ว์ไม่ดื่มกับแขก วันนั้นกลับทำลายกฎลงมาดูแลผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องด้วยตัวเอง เจ้าว่า ข้าไม่สงสัยเฉิงจวิ้นอ๋องแล้วควรสงสัยผู้ใดกัน”

“ท่านไม่มีหลักฐาน” โหลวซินเย่ว์เอ่ย

หนานกงมั่วยิ้มหวาน เอ่ย “ข้าบอกแล้ว ข้าไม่สนใจว่าจะมีหลักฐานหรือไม่ หากเกิดเรื่องอันใดขึ้นกับจวินมั่ว ในฐานะภรรยาข้าต้องทำอันใดบางอย่างเพื่อเป็นการแก้แค้นแทนเขา เจ้าว่าใช่หรือไม่แม่นางโหลว”

“ท่านกำลังเห็นชีวิตคนเป็นผักเป็นปลา” โหลวซินเย่ว์เอ่ยขึ้นท่าทางตื่นตระหนก ข่าววังจื่อเซียวนางที่เป็นนางโลมอยู่ในหอนางโลมใช่ว่าจะไม่เคยได้ยิน

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเย็น “ผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องนั่นก็ชีวิตคนเช่นกัน เว่ยจวินมั่วและเซียวเชียนจย่งเองก็ชีวิตคน”

โหลวซินเย่ว์นิ่งอึ้ง เอ่ยอย่างหดหู่ “ข้าไม่รู้จริงๆ…ท่านอ๋องไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้…”

“เซียวเชียนลั่วสั่งให้เจ้าไปรับรองผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องหรือ” หนานกงมั่วเอ่ยถาม โหลวซินเย่ว์หลุบตาลง พยักหน้าตอบ “ใช่ ท่านอ๋องบอกว่า…อีกไม่นานผู้สืบทอดโจวอ๋องก็จะกลับเขตปกครองแล้ว เพียงอยากเห็นข้าเท่านั้น แต่ข้าไม่รู้ว่าพวกเขาจะพาคุณชายเซียวสามมา ต่อมา…คุณชายเว่ยก็ตามมาด้วย แต่เมื่อคุณชายเว่ยมาถึงพวกเขาก็ให้ข้าออกไป บอกว่ามีเรื่องจะหารือกับคุณชายเว่ย จากนั้นก็…”

หนานกงมั่วหันมามองโหลวซินเย่ว์ เห็นชัดว่ากำลังประเมินความน่าเชื่อถือในวาจาของนาง โหลวซินเย่ว์ร้อนรน เอ่ย “ข้าเอ่ยเรื่องจริง ท่านเชื่อข้าเถิด”

เนิ่นนาน หนานกงมั่วจึงพยักหน้า เอ่ย “ตอนนี้ข้าเชื่อแม่นางโหลวได้ เพียงแต่ข้าก็หวังว่าระยะนี้แม่นางโหลวก็อยู่ที่นี่ไปก่อนอย่าเพิ่งไปที่ใด”

โหลวซินเย่ว์ยิ้มขมขื่น เอ่ย “ข้าปฏิเสธได้หรือ”

“แน่นอนว่าไม่ได้” หนานกงมั่วยิ้ม มองหนานกงมั่วที่กำลังส่งยิ้มมาให้ โหลวซินเย่ว์อดไม่ได้ เอ่ยถาม “จวิ้นจู่ดูไม่ได้ห่วงความปลอดภัยของคุณชายเว่ยเลยนะเจ้าคะ”

หนานกงมั่วยิ้ม เอ่ย “เพราะข้าเชื่อเขา หากเขาไม่ต้องการให้ตนเองมีเรื่อง แน่นอนว่าเขาจะไม่มี เรื่องในครั้งนี้…ความจริงพวกเขาพลาดตั้งแต่แรกแล้ว” โหลวซินเย่ว์เอ่ยถาม “หากเป็นจวิ้นจู่ ควรทำอย่างไรหรือเจ้าคะ” มุมปากของหนานกงมั่วเผยรอยยิ้มร้ายเยือกเย็น “ในเมื่อมีวิธีทำให้เขาสลบได้ หากเป็นข้า ข้าจะสังหารเขาเสีย”

หนานกงมั่วคิดว่าเซียวเชียนเยี่ยนั้นน่าขัน ในเมื่อทำให้เว่ยจวินมั่วสลบไปแล้ว ลงมือสังหารเขาก็จบสิ้นแล้วมิใช่หรือ กลับยังทำเป็นว่าผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องถูกสังหาร แน่นอน หากไม่ใช่สถานการณ์บังคับ เซียวเชียนเยี่ยไม่มีทางวางยาสลบเขาได้แน่ อีกทั้งผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องยังต้องฆ่าปิดปาก หรือบางทีเซียวเชียนเยี่ยอาจกลัววังจื่อเซียว เอ่ยมาถึงตรงนี้ สุดท้ายเพียงไม่มีความกล้ามากพอก็เท่านั้น

“ที่แท้จวิ้นจู่ช่าง…” แม้แต่บอกว่าสังหารสามีตนเองยังเอ่ยได้ง่ายดายเพียงนี้เลยหรือ

หนานกงมั่วยักไหล่ “ข้าเพียงบอกว่าหากเป็นข้า แม่นางโหลวพักผ่อนเถิด ข้ายังมีเรื่องต้องจัดการ ขอตัวลาแล้ว”

โหลวซินเย่ว์พยักหน้า มองหนานกงมั่วเดินจากไปเงียบๆ ประตูใหญ่ถูกปิดลงจากด้านนอกอีกครั้ง

หนานกงมั่วเดินกลับมายังห้องหนังสือ บรรดาลิ่นฉังเฟิงกำลังนั่งคุยกันอยู่ในห้องหนังสือ มองเห็นหนานกงมั่วเดินเข้ามาลิ่นฉังเฟิงจึงเลิกคิ้ว เอ่ย “เป็นเยี่ยงไร ฝั่งแม่นางโหลวได้เบาะแสอันใดหรือไม่” หนานกงมั่วยักไหล่ ส่ายศีรษะ “ไม่มีอันใดเป็นประโยชน์ แม่นางโหลวเองก็รู้ไม่มาก เพียงแต่…เฉิงจวิ้นอ๋องเองก็น่าจะมีส่วนร่วมด้วย แต่ยากจะบอกได้ว่าเขารู้มากน้อยเพียงใด” ผู้สืบทอดโจวอ๋องและอันจวิ้นอ๋องจะตายแล้วยังไม่รู้ว่าตนเองเป็นเบี้ยในกระดานให้ผู้อื่น สิ่งที่เฉิงจวิ้นอ๋องรู้บางทีอาจมีขีดจำกัดเช่นกัน อย่างน้อยเฉิงจวิ้นอ๋องก็ไม่มีทางร่วมมือกับเซียวเชียนเยี่ยทำร้ายอันจวิ้นอ๋องแน่ อย่างไรเสีย เซียวเชียนเยี่ยก็มีพวกเขาพี่น้องอยู่ไม่กี่คน ทั้งสองยังไม่ถูกกับเซียวเชียนเยี่ย การตายของอันจวิ้นอ๋องไม่ได้เป็นผลดีต่อเซียวเชียนลั่ว ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นการล่วงเกินจวนโจวอ๋องและจวนเยี่ยนอ๋องอีกด้วย

[1] เหวินจู๋ คือ ต้นเฟิร์นหน่อไม้ฝรั่ง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *