หมอหญิงยอดมือสังหาร 966 ข้าไม่รู้เรื่องอันใดเลยจริงๆ (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 966 ข้าไม่รู้เรื่องอันใดเลยจริงๆ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 966 ข้าไม่รู้เรื่องอันใดเลยจริงๆ (1)

แผนการของหนานกงชวี่นั้นง่ายมาก ตนเองไม่มีเสบียงอาหารแน่นอนว่าต้องปล้นคนอื่น แต่ว่าจะปล้นผู้ใดนั่นคือปัญหา เสบียงอาหารในเมืองอวิ๋นตูแน่นอนว่าไม่อาจแย่งได้ หากพวกเขาปล้นเสบียงในเมืองอวิ๋นตู แปดส่วนคงได้โจมตีประตูเมือง เสบียงอาหารของหนานกงไหวก็ไม่อาจปล้นได้ หนานกงไหวเองก็มีทหารเพียงแสนกว่า คงไม่มีเสบียงอาหารมากมายให้พวกเขาได้ปล้น ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้กองทัพของหนานกงไหวยังมีสือจิ้งเซียง คนเดียวก็ไม่ควรท้าทายแล้ว นี่มีแม่ทัพใหญ่ตั้งสองคนบุกไปคงเป็นการรนหาที่ตาย

เช่นนั้นเป้าหมายเดียวที่เลือกได้ก็คือกองกำลังสนับสนุนที่กำลังมุ่งหน้ามาที่อวิ๋นตู่แล้ว โอกาสสุดท้ายที่จะลงมือได้แน่นอนว่าเป็นตอนที่พวกเขาข้ามผ่านแม่น้ำหลีเจียง

หากไม่ใช่เพราะปัจจัยไม่เอื้ออำนวย หนานกงชวี่คงอยากใช้อุบายซ้ำแบบเดิมที่ใช้ที่นอกเมืองซื่อหยาง จุดไฟที่ริมฝั่งแม่น้ำหลีเจียง

คิดอยากจี้ปล้นเสบียงอาหารท่ามกลางทหารหลายแสนไม่ใช่เรื่องง่าย เพียงแต่ตอนนี้หนานกงชวี่ก็ไม่กังวลแล้ว เพราะตอนนี้นี่เป็นเรื่องที่เนี่ยนหย่วนจะต้องกังวล ส่งเนี่ยนหย่วนกลับไปแล้ว หนานกงชวี่จึงค่อยๆ หยิบจดหมายจากคุณชายเว่ยที่เพิ่งส่งมาเปิดอ่านอีกหนึ่งรอบ หากไม่มีเรื่องสำคัญคุณชายเว่ยไม่มีทางเขียนจดหมายให้พี่ชายภรรยาอย่างแน่นอน เนื้อหาในจดหมายเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนตรงประเด็น เนื้อหาหลักๆ ก็คือ เยี่ยนอ๋องส่งเนี่ยนหย่วนไปเป็นผู้ช่วยเจ้า แต่คุณชายเช่นข้านั้นไม่ชอบเขานัก ดังนั้นหากมีเรื่องยุ่งยากหรือน่าปวดหัวแต่อย่างใดก็โยนไปให้เขาจัดการ ไม่ต้องกังวลว่าเขาจะจัดการไม่ได้ หากเรื่องเล็กน้อยไต้ซือเนี่ยนหย่วนยังจัดการไม่ได้ เขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเป็นกุนซือที่ปรึกษาอันดับหนึ่งของเยี่ยนอ๋อง แน่นอนหากเขาทำไม่สำเร็จจริงๆ เจ้าก็สังหารเขาเสีย

หนานกงชวี่กระตุกยิ้มมุมปาก มองจดหมายที่ใช้ภาษาไม่ระมัดระวังแม้เพียงนิด นิสัยปฏิบัติต่อคนไม่เท่าเทียมกันของเว่ยจวินมั่วนั้นหนักเกินไป หากไม่รู้คงคิดว่าเป็นชาวบ้านเขียนเสียมากกว่า แต่พอดี เขาเองก็ไม่ถูกชะตากับเนี่ยนหย่วน แตกต่างจากคุณชายเว่ยที่ไม่ชอบเนี่ยนหย่วนเพราะเรื่องบางอย่างก่อนหน้านี้ หนานกงชวี่ไม่ชอบเนี่ยนหย่วนเพียงเพราะท่าทางจิตใจกว้างขวางของเขา

“คุณชายหนานกง” เฉินซิวเดินเข้ามา มองหนานกงชวี่ เอ่ยถาม “เอ่อ…ไต้ซือเนี่ยนหย่วนจะอยู่ที่นี่กับเราจริงหรือขอรับ” หนานกงชวี่เลิกคิ้ว “ในเมื่อเป็นคำสั่งของเยี่ยนอ๋อง แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนี้ ทำไมเจ้ามีปัญหาหรือ” เฉินซิวส่ายศีรษะ เอ่ย “เปล่าขอรับ เพียงแต่…บิดาของข้าเคยเตือนเอาไว้ ไต้ซือเนี่ยนหย่วนผู้นี้…ไม่ได้จิตใจดีดั่งที่เห็น ทางที่ดีอย่าได้อยู่ใกล้เขาขอรับ”

การเป็นที่ปรึกษาของผู้ปกครองเมือง แน่นอนว่าเฉินซิวรู้ว่าเนี่ยนหย่วนไม่ใช่คนดี อีกทั้งขุนพลในกองทัพนั้นไม่ได้รู้สึกดีต่อที่ปรึกษาสิ่งเหล่านี้นัก แน่นอนว่าเฉินซิวเองก็เป็นเช่นนั้น ดังนั้นจึงเห็นด้วยกับคำของบิดาเป็นที่สุด แม้ว่าเนี่ยนหย่วนจะดูสุภาพอ่อนโยน ราวกับเป็นบุคคลสูงส่งในพระพุทธศาสนาที่ละจากทางโลกแล้ว แต่ว่าผู้ที่ละทางโลกจริงๆ จะมาอยู่ที่นี่ได้เยี่ยงไร มักคิดว่า…ความสมบูรณ์แบบของไต้ซือเนี่ยนหย่วนนั้นไม่แท้จริง

หนานกงชวี่พยักหน้า เอ่ย “ข้ารู้แล้ว สองวันนี้ไต้ซือเนี่ยนหย่วนอาจจำเป็นต้องใช้คน ถึงตอนนั้นเจ้าติดตามไปด้วย เซวียปินและจูเหมิงสองคนนั่น…เกรงว่าจะไม่มีประโยชน์สักเท่าใด”

เฉินซิวเองก็คิดว่าสมองของเซวียปินและจูเหมิงนั้นธรรมดา เพียงแต่… “สองวันมานี้เหมือนจะไม่เห็นพี่เจี่ยนและคุณชายฉังเฟิงเลยขอรับ”

หนานกงชวี่เอ่ย “พวกเขามีธุระ เจ้าไม่ต้องไปสนใจ หากไต้ซือเนี่ยนหย่วนถามถึง…”

“ข้าไม่รู้อันใดทั้งนั้นขอรับ” เฉินซิวเอ่ยอย่างมุ่งมั่น

หนานกงชวี่พยักหน้าพึงพอใจ เอ่ยกับคนฉลาดช่างไม่เปลืองแรงเลยจริงๆ

“…” ก็ข้าไม่รู้อันใดเลยจริงๆ นี่นา

ค่ายนอกเมืองเผิง กลุ่มคนกำลังคุ้มกันรถม้าหลายคันเคลื่อนตัวเข้าสู่ค่าย ดึงความสนใจจากเหล่าทหารได้เป็นอย่างดี

รองแม่ทัพคนหนึ่งพาคนเข้ามารับ รอกระทั่งรถม้าแล่นมาถึงแล้วจึงก้าวเข้ามา เอ่ยอย่างนอบน้อม “ข้าน้อยคารวะพระชายารอง คารวะจวิ้นจู่ ฮูหยินน้อยรอง ข้าน้อยวังอี้รับคำสั่งจากคุณชายฉินให้มารอรับทั้งสามท่าน”

ม่านรถม้าถูกเปิดจากด้านนอกคนทั้งสองเดินออกมาจากด้านใน คนหนึ่งเด็กสาวอายุสิบเจ็ดสิบแปดในอาภรณ์สีเหลืองไม่ต้องให้สาวใช้ประคอง กระโดดลงมาจากรถม้าเองทันที อีกคนหนึ่งคือหญิงงดงามในอาภรณ์สีม่วง ใต้ตาข้างขวามีดอกไม้ประณีตวาดไว้อยู่ ใบหน้าสวยยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น นางถูกสาวใช้สองคนประคองลงมาจากรถม้า

ในรถม้าอีกหนึ่งคัน สาวใช้สองคนนำตั่งมาวางบนพื้นก่อน ก่อนจะประคองสตรีในอาภรณ์สีขาวเดินลงมา

เด็กสาวในอาภรณ์สีเหลืองปรบมือ ยิ้มพร้อมเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “แม่ทัพวังไม่ต้องมากพิธี เสด็จพ่อเป็นอย่างไรแล้ว”

วังอี้รีบยกมือขึ้นประสาน เอ่ย “ตอบจวิ้นจู่ ท่านอ๋องปลอดภัยดีขอรับ” เด็กสาวในอาภรณ์สีเหลืองก็คือหย่งเฉิงจวิ้นจู่นั่นเอง นับดูแล้วปีนี้หย่งเฉิงจวิ้นจู่ก็อายุล่วงเข้าสิบเก้าปีไปแล้ว เกินวัยแต่งงานไปนานแล้ว น่าเสียดายยังไม่ถึงพิธีแต่งงาน แต่จวนเยี่ยนอ๋องและราชสำนักกลับเริ่มทำสงครามกันแล้ว ที่น่าโศกเศร้าก็คือคุณชายคู่หมั้นของหย่งเฉิงจวิ้นจู่ผู้นั้นก็โชคร้ายตายในสนามรบ จนถึงตอนนี้หย่งเฉิงจวิ้นจู่ก็ยังเป็นสตรีที่ยังไม่แต่งงาน เพียงแต่สตรีที่เป็นเชื้อพระวงศ์นั้นไม่ต้องกลัดกลุ้มใจ องค์หญิงหรือจวิ้นจู่ในประวัติศาสตร์ ใช่ว่าจะไม่เคยมีคนที่ออกเรือนเลยอายุยี่สิบไปแล้ว หย่งเฉิงจวิ้นจู่เองก็ปล่อยวาง การแต่งงานออกเรือนในฐานะจวิ้นจู่และองค์หญิงนั้นไม่เหมือนกัน จวนเยี่ยนอ๋องหากพ่ายแพ้ นางที่เป็นจวิ้นจู่ไม่ว่าจะแต่งหรือไม่แต่งก็ไม่อาจหนีพ้นความตายได้ ไม่ได้แตกต่างอันใดกัน

“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว” หย่งเฉิงจวิ้นจู่เอ่ยด้วยความดีอกดีใจ เมื่อได้รับข่าวว่าเยี่ยนอ๋องบาดเจ็บหนัก คนจวนเยี่ยนอ๋องต่างพากันตื่นตกใจอยู่ไม่น้อย แม้แต่ของก็ไม่ทันเก็บ หย่งเฉิงจวิ้นจู่ก็ได้รับคำสั่งจากพระชายาเยี่ยนอ๋องให้ติดตามจูชูอวี้และพระชายารองกงเดินทางมาทางใต้ แม้จะนั่งรถม้ามาตลอดทาง ไม่มีการหยุดพัก ม้าที่ลากรถไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปกี่ตัว มิเช่นนั้นคงไม่อาจมาถึงเมืองเผิงได้เร็วเพียงนี้ หากไม่มีกงเสี่ยวเตี๋ย ไม่แน่หย่งเฉิงจวิ้นจู่อาจจะควบม้ามุ่งหน้าลงทางใต้มาเองก็เป็นได้

จูชูอวี้ที่ยืนอยู่ข้างหย่งเฉิงจวิ้นจู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ก็บอกแล้วว่าเสด็จพ่อไม่มีทางเป็นอันใดไปได้ เจ้าก็ไม่เชื่อ ตอนนี้วางใจแล้วหรือไม่”

นึกถึงความร้อนใจตลอดสองวันที่ผ่านมา หย่งเฉิงจวิ้นจู่พลันรู้สึกละอายขึ้นมา

กงเสี่ยวเตี๋ยลงมาจากรถม้าด้านข้าง ได้ยินวาจาของทั้งสองเข้าพอดี รีบเดินเข้ามา เอ่ยถามด้วยความยินดี “ท่านอ๋องไม่เป็นไรแล้วหรือ ดีจริงๆ ตลอดทางมานี้…ข้ากลัวว่า…กลัวว่า…” มองพระชายารองผู้งดงามราวกับเทพเซียนกำลังร้องไห้ หวังอี้ก็ทำตัวไม่ถูก แม้ว่าหย่งเฉิงจวิ้นจู่เองก็เป็นสตรีงดงามโดดเด่น กระทั่งซิงเฉิงจวิ้นจู่ภรรยาของคุณชายเว่ยเองก็ไม่อาจมีใครเทียบได้ แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นหย่งเฉิงจวิ้นจู่ผู้ร่าเริงสดใสยังไม่ออกเรือน หรือว่าซิงเฉิงจวิ้นจู่ที่น่าเกรงขามและสง่างาม หรือว่าฮูหยินน้อยรองที่สวยไม่แพ้กันทว่าแฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน ต่างก็ไม่ทำให้คนรู้สึกทำตัวไม่ถูกเหมือนชายารองกงผู้นี้ สตรีที่ดูอ่อนหวานงดงามหมดจดเช่นนี้ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาราวกับสั่นเทาเล็กน้อย มักกระตุ้นความสงสารและความปรารถนาของบุรุษได้เป็นอย่างดี แต่นางไม่ใช่สตรีธรรมดาทั่วไป ดังนั้นแม่ทัพวังจำต้องกดความรู้สึกของตนเองเอาไว้อย่างกระอักกระอ่วน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *