หมอหญิงยอดมือสังหาร 932 ค่ำคืนในหุบเขาฟู่อวิ๋น (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 932 ค่ำคืนในหุบเขาฟู่อวิ๋น (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 932 ค่ำคืนในหุบเขาฟู่อวิ๋น (3)

“ข้าไม่เป็นไร” หนานกงมั่วไม่ได้เงยหน้าขึ้น พลางหัวเราะเบาๆ ออกมา

“อืม” เว่ยจวินมั่วพยักหน้า “พวกเขาคงมิได้คุ้มกันรอบด้านถึงเพียงนั้น คงต้องเข้าไปอีก”

หนานกงมั่วเอื้อมมือกระตุกเชือกจนปมที่ผูกไว้กับต้นไม้หลุดออกเชือกร่วงลงมาข้างกาย เก็บข้าวของให้เรียบร้อย ก่อนที่ทั้งคู่จะจูงมือกันเดินเข้าไปในหุบเขา

พื้นที่ในหุบเขาฟู่อวิ๋นนั้นไม่นับว่าเล็ก อย่างน้อยๆ ยาวประมาณแปดเก้าลี้ กว้างขวางพอสมควร ไม่อย่างนั้นเกรงว่าเยี่ยนอ๋องคงไม่สามารถถอยทัพเข้าไปในหุบเขาได้ ทางเข้าแคบแต่รอบทิศล้วนสูงชัน ถึงตนเองจะออกไปไม่ได้ แต่ศัตรูก็ไม่อาจเข้ามาได้เช่นกัน นับว่าเป็นที่ที่ดี

ทั้งสองเดินไปได้ประมาณสองสามลี้ก็เห็นเงาคน

“ใคร!” เงาดำพุ่งทะยานเข้ามาล้อมรอบพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“ข้าเอง” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงทุ้ม

“คุณชาย?!” เงาดำนั้นอดส่งเสียงเรียกขึ้นมาไม่ได้ ที่แท้คนเหล่านี้คือคนของวังจื่อเซียวที่เว่ยจวินมั่วส่งมาคุ้มกันเยี่ยนอ๋องนั่นเอง ยามนี้เมื่อเห็นเว่ยจวินมั่วอยู่ที่นี่ก็อดยินดีขึ้นมาไม่ได้ เว่ยจวินมั่วกวาดสายตามองเหล่าผู้คุ้มกันแล้วจึงเอ่ย “เสด็จลุงอยู่ที่ไหน”

หัวหน้าผู้คุ้มกันขบฟันแน่น “คุณชายโปรดอภัย ท่านอ๋อง…ตอนนี้ท่านอ๋องไม่ค่อยไหวแล้วขอรับ”

“นำทาง!”

“ขอรับ!”

ถึงแม้เหล่าทหารจะอยู่กลางแจ้ง แต่ก็หาที่ให้เยี่ยนอ๋องได้พำนัก ในหุบเขามีถ้ำหลายที่ ทั้งที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและมนุษย์ขุดเอาไว้ ถึงแม้ไม่ได้ใหญ่โต แต่ก็ยังพอหลบแดดฝนได้ ทั้งคู่ตามเข้าไปในถ้ำแห่งหนึ่ง พบเยี่ยนอ๋องนอนเอนลงสีหน้าซีดเซียว มุมปากมีรอยเลือดกระอักออกมา เห็นได้ชัดว่าคนตรงหน้ากำลังบาดเจ็บสาหัสอย่างแน่นอน

ไม่รอให้ผู้ใดเอ่ยปาก หนานกงมั่วก็ตรงเข้าไปแตะชีพจรของเยี่ยนอ๋องทันที สัมผัสได้ว่าชีพจรหัวใจจมลงเล็กน้อย “ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บหรือ”

ทหารพยักหน้าพลางเอ่ย “ไม่กี่วันก่อนที่จะถูกปิดล้อม ท่านอ๋องเกิดพลัดตกจากหลังม้า ตอนนั้นไม่ได้เป็นอันใดมาก แต่ว่า…เช้าวันถัดมาท่านอ๋องกลับไม่ได้สติ และผ่านมา…สองวันแล้ว” หมอทหารก็หายตัวไปในสงคราม พวกเขาเองเป็นมือสังหารมาก่อน เรื่องรักษาอาการบาดเจ็บก็พอรู้ไม่น้อย แต่นั่นสำหรับแผลภายนอกเท่านั้น ซึ่งดูแล้วเยี่ยนอ๋องก็มิได้มีบาดแผลภายนอกตรงที่ใด ต้องใช้ยารักษาภายในเท่านั้น ทำให้ไม่อาจทำอันใดได้มากกว่านี้

หนานกงมั่วถอนหายใจออกมาก หยิบเม็ดยาใส่เข้าไปในปากของเยี่ยนอ๋อง ทหารที่อยู่ข้างกายจึงรีบส่งน้ำให้เยี่ยนอ๋องเพื่อกลืนยาลงไป แม้เยี่ยนอ๋องหมดสติอยู่แต่ก็ยังสามารถกินยาดื่มน้ำได้ ทำให้หนานกงมั่วโล่งใจขึ้นบ้าง

“อู๋สยา เสด็จลุงเป็นเช่นไรบ้าง” เว่ยจวินมั่วถามเสียงเบา

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว “ตอนนี้ไม่เป็นอันใดแล้ว ให้ข้าฝังเข็มสักสองเล่มก็ได้สติแล้ว แต่ว่า” ดูท่าเว่ยจวินมั่วจะยังไม่รู้เรื่องที่เยี่ยนอ๋องโดนยาพิษมาก่อน หนานกงมั่วจึงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วอยู่เช่นนั้น ก่อนจะหยิบเข็มเงินออกมาสองเล่มแล้วเริ่มฝังเข็มให้เยี่ยนอ๋อง ผ่านไม่ไปนานเปลือกตาของเยี่ยนอ๋องก็พลันขยับแล้วลืมตาขึ้นมา เยี่ยงอ๋องเห็นหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วก็ตกใจ “พวกเจ้ามาได้เยี่ยงไร”

คุณชายเว่ยจ้องเยี่ยนอ๋องนิ่ง “หากพวกกระหม่อมไม่มา เสด็จลุงคิดจะถอยทัพเช่นไร”

เยี่ยนอ๋องมองเขม็งกลับอย่างขุ่นเคือง “ไอ้เด็กนี่ เอ่ยดีๆ ไม่ได้หรือไร” หลังเอ่ยจบก็ไอออกมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้ เว่ยจวินมั่วที่มองอยู่ก็ขมวดคิ้ว “ร่างกายเสด็จลุงทรุดลงถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อใด กระหม่อมพูดตั้งนานแล้วว่าให้พัก…”

“ไสหัวไป!” เยี่ยนอ๋องเอ่ยพลางกัดฟัน

หนานกงมั่วหมดคำจะพูด เอ่ยเปลี่ยนเรื่อง “เสด็จลุง ศิษย์พี่ไม่ได้ให้ยาพระองค์ไว้ก่อนจะมาหรอกหรือเพคะ”

เยี่ยนอ๋องถอนหายใจ “ให้สิ แต่ว่า…ตอนช่วงรบมันวุ่นวาย เลยหายไปแล้ว”

เหลือบไปเห็นหนานกงมั่วขมวดคิ้ว เยี่ยนอ๋องก็พลันไม่อยากจะลืมตามอง “หากสวรรค์ต้องการให้ข้าตายจริงๆ ก็คงไม่มีชีวิตอยู่มาเช่นนี้หรอก ไม่ต้องกังวลไป”

เว่ยจวินมั่วมองทั้งสองก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “ทั้งสองคงไม่ได้ลืมบอกเรื่องใดกับข้าใช่หรือไม่”

เยี่ยนอ๋องไม่เอ่ยอันใดมองไปทางหนานกงมั่ว หนานกงมั่วไหวไหล่อย่างไม่มีทางเลือก เดิมทีนางก็ไม่ได้เต็มใจจะปิดบังเว่ยจวินมั่วอยู่แล้ว แต่เมื่อนางสัญญากับเยี่ยนอ๋องแล้วก็จำต้องรักษาสัญญาไว้ แต่ตอนนี้เป็นเว่ยจวินมั่วที่จับพิรุธได้เอง ฉะนั้นไม่เกี่ยวอันใดกับนาง

เยี่ยนอ๋องถอนใจเบาๆ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจนัก “ไม่มีอันใด เสด็จลุงของเจ้าไม่ระวังตัว จนตกหลุมพลางคนอื่น ไม่แปลกที่จะเอ่ยว่าตายเมื่อใดก็ได้มิใช่หรือ”

“งั้นทำไมไม่ตายเสียตั้งแต่ยามนี้เลยเล่า” เว่ยจวินมั่วจ้องเยี่ยนอ๋องนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยประโยคนี้ หลังจากนั้นเว่ยจวินมั่วไม่คิดใส่ใจว่าพระองค์จะตอบโต้อย่างไรพลันหันหลังเดินออกไป

“เจ้าเด็กนี่!” เยี่ยนอ๋องขบฟัน หนานกงมั่วถอนหายใจ แม้ว่านิสัยของเว่ยจวินมั่วจะนิ่งสุขุม แต่ก็ยังคงเหมือนอสรพิษ แม้จะไม่ได้เคารพเยี่ยนอ๋องอันใดมาก แต่ก็ไม่เคยหยาบคายต่อเยี่ยนอ๋องเช่นวันนี้เลยสักครั้ง ตอนที่เว่ยจวินมั่วยังเด็ก เยี่ยนอ๋องที่มีศักดิ์เป็นลุงนั้นเปรียบเหมือนบิดาของเขา เพราะเว่ยหงเฟยยังเกลียดและเมินเฉยต่อเขา มีเพียงเยี่ยนอ๋องเท่านั้นที่สั่งสอนและเลี้ยงดูเว่ยจวินมั่ว แม้ว่าต่อมาเมื่อเติบใหญ่แล้วเว่ยจวินมั่วจะไม่ได้ต้องการความรักจากบิดาอีก แต่สำหรับเยี่ยนอ๋องแล้วเขายังคงเคารพนับถือไม่ต่างจากเดิม ไม่อย่างนั้นด้วยนิสัยเว่ยจวินมั่วแล้วจะไปสนใจไยดีสามพี่น้องตระกูลเซียวทำไม แล้วจะเดินทางนับพันลี้มาช่วยเหลือที่อิ่งชวนทำไม ด้วยคนในปกครองและทรัพย์สมบัติที่มี ไม่ว่าเป็นที่ไหนในยามใด หากคิดอยากเข้าครอบครองก็ย่อมเป็นเรื่องที่ไม่ยากเย็นอะไร

หนานกงมั่วถอนหายใจเบาๆ “เสด็จลุงโปรดอภัย จวินมั่วเขา…”

เยี่ยนอ๋องโบกมือ “พอเถิด ข้ารู้ดี เจ้าเด็กนี่ไม่เคยพูดดีๆ ตั้งแต่เด็กแล้ว พวกเจ้ากลับมาที่นี่แล้วที่อิ่งชวนจะไม่เป็นอันใดหรือ”

หนานกงมั่วยิ้ม “ทางด้านอิ่งชวนมีแม่ทัพเซวียอยู่ จะเป็นอันใดได้เพคะ”

เยี่ยนอ๋องเลิกคิ้ว “รายงายที่อิ่งชวน ข้าได้อ่านแล้ว เดิมทียังไม่อยากจะเชื่อพวกเจ้าว่าสร้างกองกำลังชั้นยอดที่เฉินโจวออกมาได้ ตอนนี้ดูท่าแล้วคงเป็นข้าที่มองประเมินพวกเจ้าต่ำเกินไป”

หนานกงมั่วเอ่ย “ล้วนเป็นเพราะเสด็จลุงหนิงอ๋องทั้งสิ้นเพคะ”

เยี่ยนอ๋องยิ้มออกมาอย่างอิ่มเอม มองนางเต็มตา “ใช่สิ ครั้งสุดท้ายที่พบเจ้าสิบเจ็ด เขายังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟลุกขึ้นด่าเจ้าทั้งสองอยู่เลย” ภายใต้การบังคับบัญชาของหนิงอ๋องนั้นมีเพียงพวกเขาทั้งสองที่สามารถออกมาได้เช่นนี้ หนานกงมั่วไหวไหล่ “ก็เป็นเรื่องค้าขาย เงินมาของไปเพคะ”

เยี่ยนอ๋องพยักหน้าน้อยๆ “เอาเถิด มีเจ้าทั้งสองข้าก็วางใจ พวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด ที่เมืองเผิงต้องยกให้พวกเจ้าจัดการแล้ว รีบยึดมาเถิด ข้ารำคาญเซ่าจงและสือจิ้งเซียงสองคนนั่น!”

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว มองเยี่ยนอ๋อง “เสด็จลุง ท่านอยู่ที่นี่เกรง…”

เยี่ยนอ๋องโบกมือ “หุบเขาฟู่อวิ๋นจะไม่เป็นอันใดหรอก ตอนที่ข้าถอยทัพมาที่นี่ก็รู้ดี หากเข้ามาที่นี่ก็ออกไปไม่ง่ายนัก แต่คนด้านนอกคิดจะเข้ามาย่อมไม่ง่ายเช่นกัน เจ้าวางใจเถิด พวกเขาอยากจับข้าทั้งเป็น ไม่จำเป็นต้องคุ้มกันข้าจนตัวตาย”

หนานกงมั่วหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “เสด็จลุง นี่ก็นานแล้วนะเพคะ ท่านอยู่ในหุบเขาเช่นนี้เสบียงคงจะไม่พอ”

เยี่ยนอ๋องเอ่ยนิ่งๆ “คนที่เข้ามากับข้าล้วนเป็นทหารม้าทั้งสิ้น เสบียงจึงยังพอถึงวันนี้ หากไม่มีทางเลือก ก็ต้องฆ่าม้าศึกเสีย คงจะยื้อเวลาไปได้อีกพักหนึ่ง”

หนานกงมั่วถอนหายใจ ผุดลุกขึ้นยืน “เสด็จลุง หม่อมฉันเอ่ยตามตรงนะเพคะ ทหารที่อยู่ด้านนอกย่อมทนไหว แต่…เกรงว่าจะเป็นท่านที่ทนไม่ไหว หม่อมฉันเพิ่งจับชีพจรของพระองค์ ไม่เพียงแต่บาดเจ็บภายในเท่านั้น ช่วงนี้ยังพักผ่อนไม่เพียงพอ ไหนจะอาการบาดเจ็บเก่าๆ กำเริบ ไหนจะที่ท่านโดนยาพิษ…”

เยี่ยนอ๋องเงียบไป ในถ้ำจึงไร้เสียงใดๆ ไปครู่หนึ่ง

ผ่านไปสักพัก เยี่ยนอ๋องจึงถอนหายใจพลางเอ่ย “ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ยื้อไหวก็ยื้อ หากยื้อไม่ไหวก็ต้องยื้อ ไม่เช่นนั้นจะทำเยี่ยงไรได้อีก”

หนานกงมั่วคิดในใจ เยี่ยนอ๋องจะคิดเช่นนี้ไม่ได้ หากพระองค์ยื้อไม่ไหว เกรงว่าทหารโยวโจวนับหลายแสนนายก็คงจะต้องสิ้นแล้ว

เยี่ยนอ๋อง “เอาเถิด ข้าจะคิดดูอีกที ตอนนี้ดึกมากแล้วพวกเจ้ากลับไปก่อนเถิด”

หนานกงมั่วหมดคำจะเอ่ย ท่านคิดว่าการเข้ามาในหุบเขาฟู่อวิ๋นนี้ง่ายดายถึงเพียงนั้นหรือ คิดจะมาก็มาคิดจะไปก็ไปงั้นหรือ

“ไปดูจวินเอ๋อร์ อย่าให้เขาต้องกังวล ข้าไม่ตายเร็วๆ นี้หรอก” เยี่ยนอ๋องเอนตัวลงอีกครั้งแล้วเอ่ยออกมา หนานกงมั่วรู้สึกชื่นชมในตัวเยี่ยนอ๋อง บนโลกนี้ใช่ว่าจะไม่มีผู้ใดไม่กลัวตาย แต่สำหรับผู้มากยศฐาบรรดาศักดิ์ที่มีสิทธิเป็นถึงฮ่องเต้ผู้นี้ กลับมองเรื่องชีวิตและความตายเรียบง่ายเช่นนี้ ซึ่งไม่ง่ายเลยสักนิด เพราะยิ่งอยู่สูงเท่าใด ความกลัวตายก็ย่อมมีมากเท่านั้นมิใช่หรือ

เยี่ยนอ๋องเหมือนจะรู้ว่านางคิดสิ่งใดอยู่ จึงเอ่ยเบาๆ “ตลอดชีวิตของข้าล้วนเห็นทุกสิ่ง หากรักตัวกลัวตาย คงจะตายตั้งแต่สิบกว่าขวบแล้ว ไปเถิด อย่ากวนข้า”

หนานกงมั่วไม่มีทางเลือกอื่นจึงได้แต่พยักหน้าเท่านั้น “อู๋สยาไม่รบกวนแล้วเพคะ”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *