หมอหญิงยอดมือสังหาร 365 มรดกสติปัญญา (2) 370 พิษร้ายแรงที่สุดคือใจสตรี (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 365 มรดกสติปัญญา (2)370 พิษร้ายแรงที่สุดคือใจสตรี (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 370 พิษร้ายแรงที่สุดคือใจสตรี (3)
บ่าวขุดส้วมผู้เคราะห์ร้ายถูกเฉียวเชียนหนิงที่โมโหร้ายกระทืบตายทันที เฉียวเชียนหนิงยังพยายามบุกไปหาหนานกงซูที่ตำหนักเย่ว์จวิ้นอ๋อง แต่สุดท้ายหนานกงไหวก็สั่งให้บ่าวรับใช้ในจวนฉู่กั๋วกงขัดขวางเขาไว้จนถึงที่สุด

เฉียวเฟยเยียนคิดแล้วคิดอีกก็ยังคิดไม่ตก เฉียวเย่ว์อู่ได้รับความช่วยเหลือจากนางก็จริง แต่เฉียวเย่ว์อู่ก็ถูกทำลายจนหมดสิ้นแล้ว หากมิใช่เพราะมีแรงกระตุ้นเรื่องที่หนานกงไหวเรียกตัวเฉียวเย่ว์อู่กลับมา บางทีหนานกงซูอาจไม่ทำเรื่องเกินกว่าเหตุเช่นนี้ การที่เฉียวเย่ว์อู่ถูกทำร้ายร่างกายนั้นคงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากเทียบกับตอนนี้ก็ยังถือว่าดีกว่ามาก เมื่อเป็นเช่นนี้ เรียกได้ว่าเฉียวเฟยเยียนและเฉียวเชียนหนิงสองแม่ลูกนั้นเกลียดชังหนานกงซูยิ่งนัก แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด เพราะหนานกงซูเองก็เกลียดหนานกงไหวและเฉียวเฟยเยียนสามแม่ลูกเช่นกัน

“ออกไป ออกไป!” เสียงร้องแหลมดังมาจากเรือนหนึ่งภายในจวนฉู่กั๋วกง

หน้าประตู เฉียวเฟยเยียนมองลูกสาวตนเองด้วยสีหน้าเจ็บปวด แต่เห็นได้ชัดว่าเฉียวเย่ว์อู่ไม่รับรู้ถึงความห่วงใยของนางเลย เพียงจ้องมองทุกคนด้วยสายตาเกลียดชังโดยเฉพาะเฉียวเฟยเยียน

“ออกไป! เป็นเพราะเจ้า…เจ้าทำร้ายข้า!” เฉียวเย่ว์อู่คว้าหมอนที่หัวเตียงแล้วโยนไปทางเฉียวเฟยเยียน เฉียวเฟยเยียนพลันตกใจ มองไปยังเฉียวเย่ว์อู่อย่างไม่อยากเชื่อ ร้องไห้พลางเอ่ยว่า “อู่เอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไป ลูกสาวผู้โชคร้ายของแม่…ฮือ ฮือ” ปกติแล้วหากเฉียวเย่ว์อู่เห็นมารดาเศร้าเสียใจก็จะเข้าไปออดอ้อนปลอบมารดาให้อารมณ์ดีนานแล้ว แต่ในเวลานี้นางเพียงนั่งอยู่บนเตียง หัวเราะเฉียวเฟยเยียนที่ร้องไห้อยู่ สายตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ท่าทางเยาะเย้ยและขยะแขยงเช่นนั้นทำให้เฉียวเฟยเยียนไม่สามารถร้องไห้ต่อไปได้

“อู่เอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดกันแน่ หรือว่าเด็กอำมหิต…หนานกงซูผู้นั้นทำอันใดกับ…”

“หุบปาก!” เฉียวเย่ว์อู่กรีดร้องราวกับว่าเมื่อได้ยินชื่อหนานกงซูก็จะทำให้นางหวาดกลัวทันที ก็สมควรแล้วที่นางต้องกลัว ว่ากันตามตรงแล้วเฉียวเย่ว์อู่ก็เป็นเพียงเด็กน้อยไม่รู้ประสาที่ถูกตามใจคนหนึ่งเท่านั้น ตั้งแต่เล็กจนโตได้รับการทะนุถนอมและไม่รู้ว่าโลกนี้น่ากลัวได้ถึงเพียงใด และหนานกงซูก็ได้ให้บทเรียนที่ชัดเจนกับนางอย่างที่สุดแล้ว ความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกทำให้หนานกงซูเสียสติ หลายวันมานี้เรียกได้ว่านางทุ่มเทหาวิธีทรมานเฉียวเย่ว์อู่ และในที่สุดความช่วยเหลือจากหนานกงไหวก็ทำให้หนานกงซูเสียสติไปโดยสมบูรณ์ นางเสียลูกไปทั้งคนทว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของนางกลับยอมปล่อยไปเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวที่ร้องไห้ไม่กี่คำ แม้เพียงไถ่ถามลูกว่าร่างกายเป็นอย่างไรบ้างก็ยังไม่มี จึงเป็นผลให้หนานกงซูเสียสติขั้นสุด ต้องการทำลายเฉียวเย่ว์อู่ให้ถึงที่สุดโดยไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา ในโลกนี้มีเรื่องมากมายที่เจ็บปวดยิ่งกว่าความตาย ในเมื่อบิดาของนางต้องการให้เฉียวเย่ว์อู่มีชีวิตรอด ก็ปล่อยให้นางรอดไป ให้มีชีวิตรอดอยู่ในนรกเจ็บปวดไปตลอดชีวิต

เมื่อจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องส่งเฉียวเย่ว์อู่กลับไป หนานกงซูเพียงมองดูเรือนอันว่างเปล่าแล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่งออกมา

เฉียวเชียนหนิงขมวดคิ้วและเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “อู่เอ๋อร์ เจ้าทำอันใดของเจ้า ท่านแม่เป็นห่วงเจ้านะ”

“หนิงเอ๋อร์” เฉียวเฟยเยียนส่ายหัวน้ำตาคลอเบ้า เอ่ยว่า “มิต้องเอ่ยแล้ว ข้ารู้ว่าอู่เอ๋อร์เจ็บปวดนัก ฮือ ฮือ…แม่เองที่ไม่ได้เรื่อง”

“พอแล้ว!” เฉียวเย่ว์อู่เอ่ยอย่างรังเกียจ “เจ้าไม่เพียงแต่ใช้วิธียั่วยวนผู้ชาย แต่ยังทำกับลูกชายของตัวเองด้วยหรือ” เฉียวเฟยเยียนหน้าซีดตัวสั่นไปหมด “อู่เอ๋อร์ ไยเจ้า…ไยเจ้าเอ่ยกับแม่เช่นนี้” รอยแผลบนใบหน้าของเฉียวเย่ว์อู่ยังคงมีเลือดไหลซิบๆ เดิมทีหมอได้พันผ้าปิดแผลเหล่านี้ให้แล้ว แต่เมื่อเฉียวเย่ว์อู่ฟื้นขึ้นมา นางก็แกะมันออกเองทั้งหมด รอยแผลทั่วใบหน้าจึงดูเหมือนบิดเบี้ยวไป หากเป็นตอนกลางคืน เกรงว่าคงจะต้องตกใจกับใบหน้านี้ไม่น้อย เฉียวเฟยเยียนมองไปที่มันอย่างไม่ค่อยเต็มใจ ในที่สุดก็ทนไม่ไหวต้องหันหน้าหนีไป

เฉียวเย่ว์อู่ด่าทอขึ้นมาอีก “ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า! ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะทำให้หนานกงซูเสียลูกไปได้เยี่ยงไร ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ายั่วยวนหนานกงไหว ข้าจะกลายเป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร เราจะถูกหนานกงมั่วเหยียดหยามให้อับอายครั้งแล้วครั้งเล่าได้เยี่ยงไร ทั้งหมดเป็นเพราะเจ้า! เป็นเพราะเจ้าไม่มีความละอาย แม้แต่ไว้ทุกข์ให้ท่านพ่อเจ้าก็ยังรอไม่ได้ รีบกลับมายั่วผู้ชายถึงจินหลิง นางผู้หญิงร่านสารเลว เจ้าทำร้ายข้า ข้าจะไม่มีวันยกโทษให้เจ้าตลอดชีวิต!” ยิ่งมองใบหน้าสวยงามอ่อนโยนของเฉียวเฟยเยียนแล้ว เฉียวเย่ว์อู่ยิ่งลดไฟโกรธในใจไม่ได้ และอดไม่ได้ที่จะก่นด่านาง โดยลืมไปเสียสนิทว่าเมื่อครั้งที่ตัดสินใจจะมาจินหลิง นางเองก็ยกมือเห็นด้วยเช่นกัน

“อู่เอ๋อร์!” เฉียวเฟยเยียนทนไม่ไหวจึงตะโกนออกมา

เฉียวเย่ว์อู่ตกใจ หลบสายตาอย่างทำสิ่งใดไม่ถูก “ออกไป! พวกเจ้าออกไปให้หมด! ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกเจ้าอีก!”

เฉียวเชียนหนิงหน้าซีดเผือด ก้าวไปข้างหน้าเพื่อต้องการเอ่ยบางอย่างแต่ถูกเฉียวเฟยเยียนรั้งไว้ เฉียวเฟยเยียนฝืนยิ้ม เอ่ย “ถ้าเช่นนั้น อู่เอ๋อร์ เจ้าพักผ่อนเถิด แม่กับพี่เจ้าไม่รบกวนแล้ว”

เฉียวเย่ว์อู่พ่นลมหายใจก่อนนอนลงบนเตียง เอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าจะฆ่าหนานกงซูให้ข้าเมื่อใด”

“ฆ่าหนานกงซู?” เฉียวเฟยเยียนประหลาดใจ นี่มัน… เฉียวเย่ว์อู่ยิ้มเย้ย “ใช่สิ เจ้าไม่เคยคิดที่จะแก้แค้นให้ข้า ตราบใดที่เจ้ายังกินอยู่สุขสบาย เจ้าจะมาสนใจไยดีลูกติดสามีเก่าเช่นข้าเพื่ออันใดเล่า ออกไป” เฉียวเฟยเยียนจ้องมองลูกสาวบนเตียงอย่างเลื่อนลอย มองดูอยู่พักหนึ่งในที่สุดก็ถอนหายใจแล้วพาเฉียวเชียนหนิงหันหลังกลับออกไป

หลังจากออกไปแล้ว เฉียวเฟยเยียนทนไม่ไหวจึงโผเข้าไปยังอ้อมแขนของเฉียวเชียนหนิงและร่ำไห้ออกมา ต่อให้นางดูเหมือนดอกบัวขาวเพียงใดแต่แท้จริงแล้วก็ยังเป็นคนมีชีวิตจิตใจ ถ้อยคำก่นด่าที่บุตรีผู้ซึ่งนางเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กจนโตเอ่ยเมื่อครู่ นางจะไม่เสียใจได้อย่างไรกัน

“ฮือ ฮือ…อู่เอ๋อร์เกลียดข้า…” เฉียวเฟยเยียนร่ำไห้ “ทั้งหมดเป็นเพราะข้าเป็นแม่ที่ไม่ดี ข้าปกป้องนางไม่ได้ นางถึงกลายเป็นเช่นนี้ไป ฮือ ฮือ ต่อจากนี้อู่เอ๋อร์จะทำเช่นไรเล่า”

เฉียวเชียนหนิงกัดฟันแล้วเอ่ยอย่างเคร่งขรึม “ท่านแม่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหนานกงซู นางผู้หญิงใจดำอำมหิต! ท่านแม่ไม่ต้องห่วง ลูกจะล้างแค้นแทนน้องสาวเอง” เฉียวเฟยเยียนส่ายหัว เอ่ยว่า “นางเป็นพระสนมของเย่ว์จวิ้นอ๋อง เราจะจัดการนางได้หรือ อู่เอ๋อร์กลายเป็นเช่นนั้นไปแล้ว หนิงเอ๋อร์…เจ้าจะเป็นอันใดไปไม่ได้เด็ดขาด แม่เหลือเพียงเจ้าเท่านั้น…”

“ท่านแม่วางใจเถิด ลูกจะดูแลท่านและน้องเอง” เฉียวเชียนหนิงเอ่ยเบาๆ แต่ภายในใจกลับรู้สึกสับสนยิ่งขึ้น เขามิใช่ผู้สืบทอดแห่งหวาหนิงจวิ้นอ๋องผู้สูงศักดิ์อีกต่อไปแล้ว เขาเป็นเพียงสามัญชนในเมืองจินหลิงอันใหญ่โตแห่งนี้ อาศัยเพียงกำลังของเขาผู้เดียวจะทำอันใดได้เล่า

เฉียวเย่ว์อู่นอนอยู่บนเตียงในห้องเพียงลำพัง หยาดน้ำตาไหลกลิ้งลงมายังรอยแผลอันอัปลักษณ์ น้ำตาเปียกชื้นส่งผลให้รอยแผลซึ่งเดิมยังไม่หายดียิ่งปวดแสบขึ้นอีก แต่กลับไม่มีอารมณ์แม้แต่จะขยับตัว เฉียวเย่ว์อู่รู้ดีว่าชีวิตได้จบสิ้นลงแล้ว นางเกลียด เกลียดชังจิตใจอำมหิตของหนานกงซู เกลียดชังชายน่าขยะแขยงที่ถูกเฉียวเชียนหนิงกระทืบตาย แต่กลับเกลียดเฉียวเฟยเยียนมากยิ่งกว่า หากมิใช่เพราะนาง…จะมีสิ่งใดไปกระตุ้นหนานกงซูให้ทำเช่นนี้ได้ เห็นชัดเจนว่านางจงใจปล่อยให้เซียวเชียนเยี่ยเอาตนเองไป แล้วก็แสร้งขอให้หนานกงไหวมาช่วยชีวิตตนไว้ หากมิใช่เฉียวเฟยเยียนแล้ว…นางจะมีสภาพน่ารังเกียจเช่นนี้ได้อย่างไร!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *