หมอหญิงยอดมือสังหาร 531 หญิงกบฏ (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 531 หญิงกบฏ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 531 หญิงกบฏ (3)

“ได้รับคำชื่นชมจากจวิ้นจู่ ท่านพ่อคงรู้สึกยินดียิ่งแล้ว” ฉินจื่อซวี่เอ่ย

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ดูเหมือนตระกูลใหญ่ในจินหลิงจะมีวิธีแล้ว”

ฉินจื่อซวี่ถอนหายใจ ไหนเลยจะไม่เข้าใจความหมายของเว่ยจวินมั่ว เพียงแต่… “คุณชายเว่ย คิดจะไปโยวโจวหรือ” ความสัมพันธ์ของเว่ยจวินมั่วและเซียวเชียนเยี่ยไม่ดีนัก ผู้คนในจินหลิงต่างรู้ดีไม่น้อย ยามนี้เซียวเชียนเยี่ยได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ไม่ว่าอย่างไรการอยู่จินหลิงต่อ เว่ยจวินมั่วต้องเสียเปรียบ เพียงแต่…การไปโยวโจวเป็นเพราะเว่ยจวินมั่วถูกบีบจนทนไม่ไหวหรือเป็นเป้าหมายที่ไม่เคยเปลี่ยนกันเล่า หากเป็นอย่างหลัง…

ฉินจื่อซวี่ส่ายศีรษะ ในเมื่อตระกูลฉินตั้งใจไว้แล้วว่าจะค่อยๆ ถอยออกมา เช่นนั้นแล้วไม่ว่าเพราะเหตุผลใดก็มิใช่สิ่งที่เขาต้องสนใจมากนัก ยิ่งไปกว่านั้นเซียวเชียนเยี่ยก็คงไม่ฟังในสิ่งที่เขาเสนอ และเขาเองก็ไม่อยากเป็นศัตรูกับสองคนตรงหน้า เรื่องเหล่านี้ละเลยไปบ้างก็เป็นเรื่องดี

ไม่รอให้เว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วตอบ ฉินจื่อซวี่ยกถ้วยน้ำชาขึ้นมา ยิ้มให้กับทั้งคู่ เอ่ย “คงไม่ทันได้เตรียมส่งทั้งสองท่าน เช่นนั้นขออวยพรให้ทั้งสองท่านเดินทางปลอดภัยเป็นอย่างไร”

หนานกงมั่วยิ้มร่า ฉินจื่อซวี่ช่างฉลาดเสียจริง “ขอบคุณมาก”

ทั้งสามพูดคุยกันอีกสักพัก ฉินจื่อซวี่จึงลุกขึ้นขอตัวลากลับ หนานกงมั่วเอนตัวพิงไหล่เว่ยจวินมั่ว เอ่ย “นายน้อยตระกูลฉินไม่ธรรมดาเลย เพียงแต่…บรรดาผู้สืบทอดตระกูลในจินหลิงเหล่านั้นคงไม่มีผู้ใดธรรมดาหรอก” เพียงแต่เป็นการแสดงออกมาก็เท่านั้น หากคิดว่าตระกูลขุนนางเป็นคนโง่ คนผู้นั้นต่างหากเล่าที่เป็นคนโง่จริงๆ

เว่ยจวินมั่วเอ่ย “ข้างกายเซียวเชียนเยี่ยหากมีคนอย่างฉินจื่อซวี่อยู่ข้างๆ…”

“น่าเสียดาย ข้างกายเซียวเชียนเยี่ยไม่มีวันมีคนอย่างฉินจื่อซวี่อยู่ข้างกาย” หนานกงมั่วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เซียวเชียนเยี่ยไม่มีใจที่กว้างขวางเยี่ยงจวิ้นอ๋อง ดังนั้นแน่นอนว่าเขาไม่ชื่นชอบคนที่ฉลาดกว่าตนเอง และเพียงแสดงความอ่อนแอออกมา ก็ยิ่งไม่อาจได้รับความสนใจจากเซียวเชียนเยี่ย ยิ่งไปกว่านั้น คนอย่างฉินจื่อซวี่นั่นมีความทะนงตนและอ่อนโยน เขาไม่มีทางยอมไปเป็นที่ปรึกษาให้เซียวเชียนเยี่ยเป็นแน่ นอกเสียจากเซียวเชียนเยี่ยจะมีความสามารถทำให้เขานับถือได้”

“รายงานคุณชาย จวิ้นจู่ คนของศาลต้าหลี่และกรมการตรวจตรามาแล้วขอรับ” ด้านนอก พ่อบ้านรีบเอ่ยรายงาน หนานกงมั่วลุกขึ้นนั่ง เลิกคิ้ว เอ่ย “มีเรื่องอันใด” พ่อบ้านลังเลอยู่ชั่วครู่ เอ่ย “เอ่อ…ได้ยินว่าจวนฉู่กั๋วกงถูกค้นบ้านและยึดทรัพย์สิน คนของศาลต้าหลี่และกรมการตรวจตราล้วนบอกว่าได้รับคำสั่ง…มาควบคุมตัวจวิ้นจู่”

“รับคำสั่งหรือ คำสั่งของใคร” หนานกงมั่วเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ ใบหน้ากลับไม่มีความหวาดกลัวเลยสักนิด

สีหน้าของเว่ยจวินมั่วทะมึนลง ใบหน้าที่เดิมไร้อารมณ์ความรู้สึกยิ่งเย็นยะเยือกมากขึ้นไปอีก ลุกขึ้น เอ่ยกับหนานกงมั่ว “เจ้าไปพักสักหน่อยเถิด” จากนั้นก้าวขาเดินออกไป หนานกงมั่วรีบจับเขาเอาไว้ “ท่านจะไปไหน”

“พักผ่อน” เว่ยจวินมั่วยื่นมือมาตบเบาๆ

“ไม่ได้ ข้าจะไปกับท่าน” หนานกงมั่วดึงเสื้อของเขาเอาไว้ไม่ยอมปล่อยมือ หากปล่อยเขาไปคงไม่ไปฆ่าคนตายหรอกหรือ

ดวงตาสีม่วงเย็นชาของเว่ยจวินมั่วฉายแววจนปัญญาขึ้นมา “ข้าเพียงไปดู” เขาดูเป็นคนใจร้อนเพียงนั้นเลยหรือ

เดิมไม่ใช่ แต่ท่าทีของท่านตอนนี้มันเหมือนนี่นา

ทำอันใดไม่ได้ เว่ยจวินมั่วจึงจำต้องพยักหน้าตอบรับยอมให้ไปด้วยกัน

รอหนานกงมั่วเปลี่ยนอาภรณ์ออกจากเรือน ด้านหน้าประตูนั้นเต็มไปด้วยผู้คนเสียงอึกทึกอย่างมาก เดิมทีคนพวกนี้แทบจะบุกเข้ามาอยู่แล้ว แน่นอนว่าคนของจวนเยี่ยนอ๋องไม่ยอมให้เข้าไปจึงเกิดการปะทะกัน แม้คนของจวนเยี่ยนอ๋องจะสู้คนของวังจื่อเซียวไม่ได้ ทว่าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าหน้าที่หยาเหมินต่างๆ อีกทั้งยังมีสามพี่น้องตระกูลเซียวขวางเอาไว้จึงได้วุ่นวายขึ้นมา

คนที่ดูคล่องแคล่วที่สุดคงจะเป็นเซียวเชียนจย่ง หลายวันมานี้ได้รับอันใดดีๆ จากหนานกงมั่วไม่น้อย เซียวเชียนจย่งจึงปกป้องพี่สะใภ้ผู้นี้ของเขามาก ใบหน้าเล็กโกรธจัดดวงตาจ้องเขม็ง ไอสังหารแผ่กระจายออกมาจ้องมองกลุ่มคนตรงหน้า “พวกเจ้าช่างกล้า ไม่ดูว่าที่นี่คือที่ไหนถึงได้กล้าบุกเข้ามารังแก เพราะเสด็จพ่อข้าไม่อยู่จินหลิงใช่หรือไม่”

ทุกคนทำอันใดไม่ได้ หันไปมองหัวหน้าหร่วนอวี้จือเส่าชิงแห่งศาลต้าหลี่อย่างพร้อมเพรียง หร่วนอวี้จือผู้นี้ความสามารถนั้นพอมี เพียงแต่ชื่อเสียงนั้นไม่ดี เป็นตัวร้ายที่ใครๆ รู้จักเป็นอย่างดี ทว่าเขามีตระกูลจูคอยหนุนหลัง ยามนี้เซียวเชียนเยี่ยเองก็ยุ่งไม่มีเวลามาสนใจเรื่องเหล่านี้ ทำให้เขาอยู่ในศาลต้าหลี่ได้อย่างสบายใจ แม้คนส่วนใหญ่มองเขาด้วยสายตารังเกียจในชื่อเสียงที่ไม่ดีของเขา ทว่าผู้มีอำนาจหลายคนที่เห็นแก่หน้าตระกูลจูยังคงเข้ามาข้องเกี่ยวกับเขา หร่วนอวี้จือเองก็คิดว่าตนเองนั้นเยี่ยมยอดเก่งกาจกว่าใคร หยิ่งยโสโอหังหน้าชื่นตาบาน

คนเช่นนี้เดิมทีก็เป็นตัวละครเล็กๆ ที่ไม่ได้โดดเด่นอันใดเท่านั้น ไม่มีค่ามากพอให้คนต้องมาใส่ใจหรือจัดการกับเขา ทว่าบางครั้งก็ยังเกิดความรู้สึกรังเกียจเพียงพอให้เจ้ากินข้าวไม่ลงวันสองวันบ้าง

หร่วนอวี้จือส่งเสียงหยัน ปรายตามองเซียวเชียนจย่ง “ข้าทำงานตามพระบัญชา ต่อให้ท่านเป็นถึงคุณชายในเยี่ยนอ๋องก็ไม่อาจปฏิเสธต่อกฎหมายได้ใช่หรือไม่”

“ข้าจะฝ่าฝืนกฎให้เจ้าดู” เซียวเชียนจย่งเป็นใครกัน นอกจากเยี่ยนอ๋องแล้วน้อยมากที่เขาจะไว้หน้าใคร แม้กระทั่งพี่ชายเชื้อสายหลักของตนเองยังเอ่ยวาจาล่วงเกินไปอยู่หลายครั้ง คิดจะให้เกรงใจต่อหร่วนอวี้จืออย่างนั้นหรือ เดินหน้าเข้าไปหนึ่งก้าวแล้วต่อยเข้าไปที่ตาขวาของหร่วนอวี้จือ

หร่วนอวี้จือเป็นนักปราชญ์ที่อ่อนหัดไหนเลยจะรับพลกำลังนี้ได้ ร้องโหยหวนออกมาเสียงดังลั่น เป็นเพื่อนร่วมงานข้างๆ ที่ขวางหูขวางตาสั่งให้คนดึงเซียวเชียนจย่งออกไป เซียวเชียนจย่งยังไม่ทันหายโมโห ยกเท้าถีบออกไปอย่างแรง ถูกพี่ชายทั้งสองจับตัวเอาไว้ซ้ายขวาจึงยอมหยุด

หร่วนอวี้จือยกมือกุมใบหน้าพร้อมลุกขึ้นมา ชี้หน้าเซียวเชียนจย่ง เอ่ย “กำเริบเสิบสานเสียจริง จวนเยี่ยนอ๋องคิดกบฏอย่างนั้นหรือ”

“ใต้เท้าหร่วน ระวังวาจาด้วย” เซียวเชียนชื่อใบหน้าทะมึน เอ่ยเสียงดัง

หร่วนอวี้จือรู้ว่าตนเองพลาดไป จวนเยี่ยนอ๋องเขาไม่อาจแตะต้องได้ ยามนี้เพียงเห็นแก่พวกเขาที่มีเยี่ยนอ๋องเป็นที่พึ่ง ทำได้เพียงหุบปากพร้อมกัดฟันเอ่ย “คุณชายเซียวสามทำร้ายเจ้าหน้าที่ เรื่องนี้ข้าคงต้องร้องต่อเบื้องบนอย่างแน่นอน”

“เหอะ” เซียวเชียนจย่งส่งเสียงหยัน

เจ้าหน้าที่ด้านข้างถอนหายใจออกมา ประสานมือเคารพเซียวเชียนชื่อทั้งสามคน เอ่ย “ซื่อจื่อ คุณชายทั้งสอง ข้ารับคำสั่งมาขอเข้าพบซิงเฉิงจวิ้นจู่ ขอคุณชายทั้งสามอย่าได้ทำให้ข้าต้องลำบากใจเลย”

เซียวเชียนชื่อย่นหัวคิ้ว “พวกเจ้าพาคนมากมายวิ่งมายังจวนเยี่ยนอ๋อง เป็นการขอเข้าพบอย่างนั้นหรือ อย่าว่าแต่พี่สะใภ้เป็นจวิ้นจู่ที่อดีตฮ่องเต้แต่งตั้งเลย ต่อให้เป็นเพียงลูกสะใภ้ของเสด็จอาฉังผิง ทุกท่านไม่คิดจะให้เกียรติสักนิดเลยหรือ”

สายตาโกรธเกลียดของทุกคนมองไปยังหรว่นอวี้จือ เห็นชัดว่าเป็นความต้องการของเขา หร่วนอวี้จือกลับไม่คิดว่าตนเองนั้นมีความผิด ยิ้มเย็น “หนานกงไหวสารภาพว่ารวมหัวกันก่อกบฏ หนานกงมั่วเป็นหญิงกบฏ ยังต้องให้เกียรติอันใดอีกเล่า”

“โอ้ ข้าเองก็อยากรู้ ไต้เท้าหร่วนคิดจะทำอันใดกับหญิงกบฏเช่นข้ากันเล่า” ด้านหลัง น้ำเสียงใสที่แฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกของเดือนสองดังขึ้น

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *