หมอหญิงยอดมือสังหาร 573 พี่สะใภ้ก็เป็นดั่งมารดา (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 573 พี่สะใภ้ก็เป็นดั่งมารดา (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 573 พี่สะใภ้ก็เป็นดั่งมารดา (2)
“รายงานพระชายา องค์หญิง คุณชายเว่ยและฮูหยินน้อยมาแล้วเพคะ” ด้านนอก เสียงบ่าวรับใช้เอ่ยรายงานดังขึ้น

พระชายาเยี่ยนอ๋องวางถ้วยชาในมือ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “รีบให้พวกเขาเข้ามา”

สาวใช้ตอบรับ ชั่วครู่พลันมองเห็นสองสามีภรรยาจูงมือกันเดินเข้ามา ชายหนุ่มใบหน้าเย็นชาหล่อเหลา ดวงตาคมเข้มสีม่วงทำให้ผู้คนไม่กล้าสบตาด้วยตรงๆ ทว่ารูปลักษณ์ที่หล่อเหลานั้นทำให้ผู้คนไม่อาจละสายตาได้ ยืนอยู่ข้างบุรุษที่ดูมีอำนาจ หญิงสาวเองก็ไม่ได้ดูหมองไปเลยสักนิด ดวงหน้าสวยของหนานกงมั่วประดับด้วยรอยยิ้มบางๆ คิ้วงอนเรียว ใบหน้าบริสุทธิ์ผุดผ่อง แม้ไม้ได้แต่งหน้าก็ยังให้ความรู้สึกราวกับดอกโบตั๋นที่สง่างาม

“เสด็จแม่ เสด็จป้า” ทั้งสองเดินเข้าไปถวายพระพร

เห็นว่าแขกต่างพากันตกตะลึงเพราะรูปลักษณ์ของทั้งคู่ พระชายาเยี่ยนอ๋องจึงยกมือกวักเรียก “มั่วเอ๋อร์ จวินมั่ว รีบเข้ามานั่งพูดคุยกันเร็ว”

เว่ยจวินมั่วมองห้องที่เต็มไปด้วยสตรี สุดท้ายจึงเอ่ย “เสด็จป้า จวินมั่วยังมีธุระ คงต้องขอตัวลาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

พระชายาเยี่ยนอ๋องพยักหน้า ห้องทั้งห้องมีแต่สตรี และยังมีสตรีที่ยังไม่ออกเรือน หากเว่ยจวินมั่วอยู่ก็คงไม่เหมาะนัก “ช่างเถิด เจ้ามีธุระก็ไปจัดการเถิด มั่วเอ๋อร์อยู่ที่นี่เจ้าวางใจได้ ไม่ถูกใครรังแกหรอก” เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเบาๆ มองหนานกงมั่วเล็กน้อยจากนั้นหันไปกล่าวลาพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิง

การมาของคุณชายเว่ยเพียงชั่วครู่นับเป็นที่น่าตกใจ ทว่าคนมากมายที่นั่งอยู่ตรงนั้นได้แต่พ่นลมหายใจออกมา เยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงต่างก็มีรูปลักษณ์ที่งดงาม ใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายเว่ยนั้นหล่อเหลายิ่งกว่าที่คาดเอาไว้ทีเดียว รูปร่างหน้าตาคล้ายองค์หญิงฉังผิงไปกว่าเจ็ดแปดส่วน หากเป็นคนอื่นคงบอบบางเกินไปและดูไม่สมกับเป็นบุรุษ ทว่าคุณชายเว่ยผู้นี้กลับรูปร่างสูงโปร่งไม่พอ โครงร่างใบหน้านั้นแข็งแกร่งและคมคายดุจใบมีด กระทั่งทำให้คนรู้สึกว่าคมยิ่งขึ้นกว่าใบหน้าของเยี่ยนอ๋องหลายเท่า

สตรีที่อยู่ในสถานการณ์อดไม่ได้ใบหน้าแดงระเรื่อ ลอบมองไปยังเว่ยฮูหยินน้อยที่นั่งอยู่ข้างองค์หญิงฉังผิง พลันมีน้ำตาอยู่ในใจ รูปลักษณ์ของฮูหยินน้อยไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณชายเว่ยเลย มือเท้าก็ไม่ได้บอบบางในแบบที่สตรีทางเหนือชอบดูถูก ดูอย่างไรก็ยังคงเป็นสตรีที่หาที่ติมิได้

“พวกเจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ นี่คือลูกสะใภ้ของน้องห้าของเรา พวกเจ้าเคยเห็นหญิงงามเท่านี้มาก่อนหรือไม่” พระชายาเยี่ยนอ๋องเอ่ยพลางหัวเราะมองไปยังทุกคน

สตรีชนชั้นสูงทั้งหลายถอดถอนหายใจอิจฉาความโชคดีขององค์หญิงฉังผิง ฮูหยินน้อยรูปร่างหน้าตาความสามารถครบสมบูรณ์แบบ ผู้คนไม่น้อยเริ่มทำใจ รูปร่างหน้าตาเช่นนี้ ส่งสตรีของตนเองไปจะไม่ไปเป็นเครื่องประดับในชีวิตพวกเขาหรือ

พระชายาเยี่ยนอ๋องแนะนำให้หนานกงมั่วรู้จักกับคนที่นั่งอยู่บริเวณใกล้ๆ ทีละคน ที่แท้ก็เป็นสตรีในครอบครัวของหลายท่านที่อยู่ในห้องหนังสือของเยี่ยนอ๋องเมื่อครู่ ยกเว้นอยู่สองคน คือฮูหยินของผู้บัญชาการกองกำลังเมืองโยวโจวและฮูหยินของผู้ว่าการเมืองโยวโจว ดีที่ทั้งสองคนเองก็รู้ว่าสถานะของตนเองนั้นกระอักกระอ่วน จึงมีท่าทีถ่อมตน

ในเมื่อมาถึงเมืองโยวโจว แน่นอนว่าเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำความรู้จักกับคนเหล่านี้ หนานกงมั่วเองจึงเอ่ยทักทายบรรดาสตรีทั้งหลายด้วยรอยยิ้ม ทุกคนเห็นว่าหนานกงมั่วทำอันใดก็ใจกว้างมีน้ำใจ วาจาเหมาะสม ไม่มีความไม่เป็นธรรมชาติหรือเคอะเขินที่ตนเองพึ่งมาอยู่โยวโจวเพียงไม่นาน ต่างมองฮูหยินผู้นี้ด้วยความชื่นชมอยู่ในใจ

พูดคุยอีกสักเล็กน้อย พระชายาเยี่ยนอ๋องก็ไล่ให้หนานกงมั่วและเฉินซื่อพาคุณหนูทั้งหลายออกไปเที่ยวเล่น เหลือไว้เพียงบรรดาหญิงที่มีอายุมากขึ้นมาหน่อยนั่งคุยด้วยกันต่อ เห็นได้ชัดว่าเฉินซื่อเองสนิทสนมต่อบรรดาคุณหนูเมืองโยวโจวเหล่านี้ พาหนานกงมั่วเดินนำออกไปด้วยรอยยิ้ม

เพียงหลบออกมาจากสายตาของพระชายาเยี่ยนอ๋อง บรรดาหญิงสาวก็สดใสร่าเริงขึ้นมา คนที่อายุมากที่สุดก็คงอายุยี่สิบกว่า สตรีทางเหนือไม่เหมือนกับสตรีเจียงหนานที่เดินกระโปรงไม่ขยับ หรือยิ้มไม่เห็นฟัน เพียงแต่ต้องสงบเสงี่ยมเมื่ออยู่ต่อหน้าพระชายาเยี่ยนอ๋องและองค์หญิงฉังผิงก็เท่านั้น ยามนี้หลบออกมาแล้วจึงสดใสร่าเริงขึ้นมาก

ทุกคนสนใจหนานกงมั่วเป็นพิเศษ แน่นอนว่ารุมล้อมนางถามนั่นนี่ แม้ไม่เคยเจอกันมาก่อน ทว่าหนานกงมั่วในสายตาคนเหล่านี้เรียกได้ว่าเป็นสิ่งแปลกประหลาด เกิดในตระกูลมีชื่อเสียง ทว่ากลับถูกบิดาส่งไปอยู่ชนบท เมื่อเติบโตแล้วต้องแต่งงานกับบุตรชายองค์หญิงฉังผิง ได้รับการแต่งตั้งเป็นซิงเฉิงจวิ้นจู่ ไม่นึกว่าเวลาไม่ถึงหนึ่งปีก็ถูกฮ่องเต้พระองค์ใหม่ถอดตำแหน่งจวิ้นจู่ออกไปแล้ว เดินทางมาไกลกว่าพันลี้สู่ดินแดนทางเหนือที่แห้งแล้งและเหน็บหนาว

หนานกงมั่วเองก็ไม่มีอันใดให้รู้สึกรำคาญ ฟังพวกเฉินซื่อเอ่ยถึงเรื่องที่พวกนางสนใจ ตนเองก็เอ่ยปากตอบบ้างไม่กี่ประโยค สตรีเหล่านี้ก็ออกความคิดเห็นของตนเองบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ความคิดส่วนใหญ่นั้นแปะอยู่บนใบหน้า น่ารักกว่าคุณหนูในจินหลิงที่ซ่อนเข็มซ่อนมีดไว้ในรอยยิ้ม

“ฮู…ฮูหยินน้อยเจ้าคะ” หญิงสาวในอาภรณ์สีแดงคนหนึ่ง ใบหน้ารูปไข่มองมายังหนานกงมั่ว เอ่ยขึ้นติดๆ ขัดๆ หนานกงมั่วมองนาง นึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อครู่นางนั่งอยู่ด้านข้างเซวียฮูหยิน พลันเข้าใจว่านางคิดสิ่งใดอยู่ เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แม่นางเซวีย”

หญิงสาวชุดแดงผ่อนคลายลงเล็กน้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าชื่อเซวียเสียวเสี่ยว หากฮูหยินน้อยไม่รังเกียจเรียกข้าว่าเสียวเสี่ยวก็ได้เจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ “เสียวเสี่ยวมีอันใดจะเอ่ยหรือ”

เซวียเสียวเสี่ยวมองไปยังผู้คนที่กำลังคุยกับเฉินซื่อ รีบเอ่ยเสียงเบา “เอ่อ พี่ใหญ่ของข้า พี่ใหญ่ของข้าชอบก่อเรื่องมาแต่ไหนแต่ไร ขอฮูหยินน้อยอย่าได้ถือสาเขาเลยนะเจ้าคะ” เซวียเสียวเสี่ยวกระอักกระอ่วน พี่ชายของตนไปทำกิริยาเช่นนั้นถูกเขาจัดการมาก็สมควรแล้ว เมื่อพี่ชายที่รักเพียงคนเดียวของตนถูกคนจัดการมาราวกับมะเขือเทศถูกฟ้าผ่าก็อดไม่ได้ที่จะปวดใจ ก่อนหน้านี้พี่ชายเพียงก่อเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ใครจะรู้ว่าครั้งนี้กลับไปหาเรื่องหลานชายของเยี่ยนอ๋อง เพียงมองคุณชายเว่ยที่จัดการกับพี่ชายก็รู้ได้ว่าไม่ง่ายที่จะรับมือเลย เซวียเสียวเสี่ยวจึงรู้สึกว่าตนเองควรเข้าไปขอโทษเขาก่อนจึงจะถูก

หนานกงมั่วยิ้มหวาน “เรื่องเล็กน้อย แม่นางเซวียคิดมากแล้ว จริงสิ คุณชายเซวียไม่เป็นไรใช่หรือไม่”

ใบหน้าเล็กของเซวียเสียวเสี่ยวดูขมขื่น นางไม่รู้ว่าความรู้สึกเมื่อดื่มชาครั้งเดียวสิบกว่าถ้วยเป็นความรู้สึกเช่นไร อย่างไรก็ตามตอนนี้พี่ชายเพียงเห็นชาก็อาเจียนแล้ว อีกทั้งยังถูกท่านพ่อโบยเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ตอนนี้ยังนอนอยู่บนเตียงไม่อาจลุกขึ้นมาได้

“ก็…น่าจะดีอยู่เจ้าค่ะ”

หนานกงมั่วยิ้มบางไม่เอ่ยอันใด แน่นอนว่านางรู้ว่าตอนนี้เซวียปินเป็นอย่างไร เพียงแต่ดื่มชาไปมากตอนนี้คงจะทรมานสักเล็กน้อย จะไปถึงขั้นมองเห็นชาแล้วอาเจียนได้อย่างไร เพียงแต่มองใบหน้าเล็กดูขมขื่นตรงหน้า หนานกงมั่วยิ้มบาง เอ่ย “ข้าอยู่ทางใต้เคยได้ยินมาว่า คนที่ดื่มชามากเกินไปจนทรมานหากได้ดื่มซอสเปรี้ยวสักถ้วยใหญ่ๆ แล้วจะดีขึ้น”

“เอ๋ จริงหรือเจ้าคะ” เซวียเสียวเสี่ยวดวงตาวาววับขึ้นมา

หนานกงมั่วเอ่ย “ข้าเพียงเคยได้ยินหมอในกองทัพเอ่ยถึงตอนไปอยู่ในกองทัพ จะจริงหรือไม่นั่นก็ไม่อาจรู้ได้”

กลับไปต้องไปลองสักครั้ง เซวียเสียวเสี่ยวกำหมัดคิดอยู่ในใจ

“ขอบคุณฮูหยินน้อย” เซวียเสียวเสี่ยวเอ่ยขอบคุณอย่างซาบซึ้ง หนานกงมั่วหลุบตาลงยิ้มบางๆ “ไม่ต้องเกรงใจ ข้าเพียงเอ่ยไปเพียงเท่านั้น” ดื่มซอสเปรี้ยวลงไปถ้วยใหญ่เซวียปินคงไม่กลัวการดื่มชาแล้ว เพราะว่าจะกลัวการดื่มซอสเปรี้ยวแทน เพียงแต่ไม่รู้ว่าอย่างไหนทรมานกว่ากันเท่านั้นเอง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *