หมอหญิงยอดมือสังหาร 656 ความรักของหนุ่มสาวชาวเป่ยหยวน (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 656 ความรักของหนุ่มสาวชาวเป่ยหยวน (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 656 ความรักของหนุ่มสาวชาวเป่ยหยวน (2)
ชาวเป่ยหยวนอาศัยแหล่งน้ำและทุ่งหญ้าในการดำรงชีวิตเป็นหลัก ฤดูกาลนี้พวกเขาปล่อยสัตว์อยู่ที่นี่ ไม่นานอากาศก็จะเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ทหารม้าของราชสำนักเป่ยหยวนจะมาต่อสู้กับกองกำลังรักษาการณ์โยวโจวแล้ว พวกเขาจึงต้องย้ายไปพำนักที่อื่นแทน ทว่าก่อนที่จะเดินทาง การที่ได้เจอกับกลุ่มพ่อค้าชาวจงหยวนที่มาค้าขายนั้นถือเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง เพราะสามารถจัดซื้อข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการเตรียมตัวเดินทางย้ายถิ่นฐาน

กลุ่มคนเลี้ยงสัตว์ให้การต้อนรับเข้าสู่ชนเผ่าด้วยความเป็นมิตร ยังเตรียมกระโจมและอาหารที่ดีที่สุดให้กับพวกเขาอีกด้วย กลุ่มคนของหลูฉี่หลินจะพักอาศัยอยู่ที่นี่ราวสองวัน นอกจากการขายสินค้าให้กับคนที่นี่แล้ว พวกเขายังรับซื้อยาสมุนไพรของทุ่งหญ้าแห่งนี้อีกด้วย จากนั้นก็จะขนสินค้าไปยังอาณาจักรของชนเผ่าต๋าต๋าและชนเผ่าหว่าชื่อ ที่จริงทั้งสองชนเผ่านี้ถือเป็นหนึ่งในชนเผ่าของอาณาจักรเป่ยหยวน เพียงแต่ว่าหลังจากที่เป่ยหยวนพ่ายแพ้สงครามให้กับต้าเซี่ย คนเหล่านี้ก็ถูกบีบคั้นให้ย้ายถิ่นฐานไปทางตอนเหนือ ทั้งสองชนเผ่านี้จึงค่อยๆ เป็นอิสระจากทางราชสำนัก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้แยกตัวจากทางราชสำนักอย่างเป็นทางการก็ตาม แต่ไม่ว่าจะเป็นเยี่ยนอ๋องหรือเว่ยจวินมั่ว ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็จะต้องเกิดขึ้นอยู่ดี ไม่ช้าก็เร็ว

นั่งอยู่ในกระโจมที่กว้างขวาง อากาศของทุ่งหญ้าเดือนแปดถือว่าเริ่มเย็นแล้ว บนเตียงนอนมีพรมขนสัตว์บางๆ ปูอยู่ นุ่มสบายเป็นอย่างมาก ส่วนหนานกงมั่วกำลังนอนคว่ำอยู่บนเตียงด้วยความสบายใจ จ้องมองไปยังเว่ยจวินมั่วพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จะว่าไปแล้ว ถือว่าเราโชคดีไม่น้อย คนที่นี่ไม่ได้น่ากลัวเหมือนที่คิดไว้” เว่ยจวินมั่วตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยว่า “ปกติแล้วชาวบ้านธรรมดามักจะคิดแค่ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรให้สงบสุขเท่านั้น มีเพียงชนชั้นสูงที่มักจะสร้างแต่ปัญหาไม่จบไม่สิ้น”

หนานกงมั่วเท้าคางพร้อมกับพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ท่านเอ่ยถูกต้องแล้ว แต่หากเราเดินทางไปกับพวกเขาเช่นนี้ เกรงว่าคงจะไม่ทันการณ์” บ้านสกุลหลูเดินทางค้าขายอย่างใจเย็น พวกเขาแวะพักทุกจุด จุดละหนึ่งถึงสองวัน กว่าจะเดินทางไปถึงเขตของชนเผ่าหว่าชื่อ เกรงว่าคงจะปาเข้าไปสองเดือนเห็นจะได้ อีกอย่างจะสามารถหาราชสำนักของเป่ยหยวนได้หรือไม่นั้นก็อีกเรื่อง

“ไม่ต้องเป็นกังวลไป” เว่ยจวินมั่วเอ่ยขึ้น “ถึงแม้ว่าสถานที่ที่พวกเขาจะไปนั้นไม่ใช่ราชสำนักของเป่ยหยวน แต่ก็ถือว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ธรรมดาเลย”

“หืม” หนานกงมั่วเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ เว่ยจวินมั่วจึงเอ่ยต่อ “สินค้าครึ่งหนึ่งของพวกเขาเป็นใบชา ยาสมุนไพร และผ้าไหมที่ล้วนมีราคาแพงทั้งนั้น ชาวเป่ยหยวนธรรมดาทั่วไปไม่มีกำลังที่จะซื้อใช้อยู่แล้ว และก็ไม่มีทางที่จะซื้อใช้อย่างแน่นอน”

หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ ใบชาและยาสมุนไพรก็ยังจะพอเข้าใจได้ แต่ผ้าไหมราคาสูงนี่สิ อย่าว่าแต่ชาวเป่ยหยวนจะไม่มีปัญญาซื้อใช้เลย ถึงแม้ว่าจะมีกำลังที่จะซื้อมาใช้ พวกเขาก็ไม่ซื้อใช้อยู่ดี จะต้องเป็นตระกูลผู้ดีของอาณาจักรเป่ยหยวนอย่างแน่นอน อีกอย่างคนที่ต้องการสินค้าราคาแพงในจำนวนมากจะต้องมิใช่ตระกูลผู้ดีธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน ขอเพียงแค่หาคนเหล่านี้เจอ ก็ไม่ต้องเป็นกังวลเลยว่าจะสามารถหาราชสำนักของเป่ยหยวนเจอหรือไม่

หนานกงมั่วกำลังจะเอ่ยปากอันใดบางอย่าง แต่จู่ๆ นางก็หยุดชะงักลงพร้อมกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง เว่ยจวินมั่วเองก็เอียงศีรษะหันไปมองประตูทางเข้า ด้านนอกมีคนเปิดม่านเข้ามาพอดี “แม่นางกง คุณชายกง!” หลูเซียงเซียงยืนอยู่ตรงประตูพลางจ้องมองทั้งสองด้วยสีหน้าที่แปลกใจ ด้านหลังของนางมีสตรีที่สวมชุดเป่ยหยวนจำนวนหนึ่งยืนอยู่ด้วย เมื่อเห็นหนานกงมั่วกำลังนั่งอยู่บนเตียง หลูเซียงเซียงก็ขมวดคิ้วพลางถามขึ้นว่า “แม่นางกง พวกเขาไม่ได้เตรียมที่พักให้เจ้าหรือ เหตุใดคุณชายกงถึงมาอยู่ที่นี่” ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ข้างนอก เพื่อความปลอดภัยแล้ว พวกตนสองคนพี่น้องอาศัยอยู่ในกระโจมเดียวกันก็ยังพอจะเข้าใจได้ แต่ตอนนี้ทั้งๆ ที่อยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว เหตุใดทั้งสองถึงยังอยู่ในห้องเดียวกันอีก ยิ่งไปกว่านั้น…ในกระโจมนี้มีเตียงนอนเพียงแค่เตียงเดียวอีกด้วย

หลูเซียงเซียงหันกลับไปเอ่ยอันใดบางอย่างกับหญิงสาวชาวเป่ยหยวนที่ยืนอยู่ด้านหลังของนางอยู่ครู่หนึ่ง หนึ่งในหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้วยก็ตอบคำถามนาง สีหน้าหลูเซียงเซียงก็แปลกไปทันที ที่แท้แล้วหญิงสาวคนนั้นตอบกลับไปว่าหัวหน้าเผ่าเข้าใจผิดคิดว่าทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน ก็เลยให้ทั้งสองพักอยู่ห้องเดียวกัน

หนานกงมั่วฟังไม่ออกว่าพวกนางกำลังคุยอันใดกัน จึงทำได้เพียงเดาสีหน้าของพวกนางเท่านั้น เป็นไปตามที่คิดไว้ไม่มีผิด หลังจากที่คุยกันเสร็จ หลูเซียงเซียงก็เดินเข้ามาพร้อมกับเอ่ย “แม่นางกง ข้าได้บอกพวกนางแล้ว อีกเดี๋ยวพวกนางจะจัดกระโจมหลังใหม่ให้กับเจ้า”

“ข้าไม่เอา” ไม่รอให้เว่ยจวินมั่วได้ทันปฏิเสธ หนานกงมั่วก็รีบส่ายหน้าพร้อมกับปฏิเสธทันที หลูเซียงเซียงขมวดคิ้วพลางเอ่ยว่า “แม่นางกง ระหว่างชายหญิงมีความแตกต่าง” ตามคำกล่าวโบราณที่ว่า ‘ชายหญิงควรแบ่งแยกชัดเจนตั้งแต่เจ็ดขวบ’ ถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องสายเลือดเดียวกัน แต่สิ่งไหนที่ควรหลีกเลี่ยงก็จะต้องหลีกเลี่ยง หลูเซียงเซียงเองก็มีพี่ชาย ทว่านางก็ไม่เคยติดพี่ชายเหมือนเช่นพี่น้องแซ่กงคู่นี้มาก่อน

หนานกงมั่วส่ายหน้าไม่เอ่ยวาจา เว่ยจวินมั่วชายตามองหลูเซียงเซียงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ไม่ต้องแล้ว นางกลัวคนแปลกหน้า”

เหล่าบรรดาหญิงสาวชาวเป่ยหยวนที่ยืนอยู่พอจะเดาได้ว่าทั้งสามกำลังคุยอันใดกัน จึงเอ่ยบางอย่างกับหลูเซียงเซียงด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม สีหน้าของหลูเซียงเซียงดูแย่ลงเข้าไปอีก เดิมทีชาวเป่ยหยวนก็ไม่ค่อยเคร่งครัดเรื่องแบ่งแยกชายหญิงอยู่แล้ว เมื่อบิดาเสียชีวิตบุตรยังสามารถขึ้นมาทำหน้าที่แทนได้ แล้วนับประสาอันใดกับความสัมพันธ์ฉันท์พี่น้องเล่า ยิ่งไปกว่านั้นทั้งสองก็เป็นพี่น้องกัน บวกกับกระโจมที่มีเพียงเตียงเดียวอีกด้วย หลูเซียงเซียงย่อมไม่ยอมอยู่แล้ว นางคิดว่าทั้งสองไม่รู้จักภาษาเป่ยหยวน ก็เลยเอ่ยขึ้นว่า “ข้าบอกกับพวกนางแล้ว ให้พวกนางช่วยเตรียมกระโจมอีกหลัง”

เว่ยจวินมั่วเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางเอ่ยบางอย่างกับเหล่าบรรดาหญิงสาวชาวเป่ยหยวนอยู่ครู่หนึ่ง เหล่าบรรดาหญิงสาวก็พากันพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นก็พากันออกจากกระโจมไปด้วยสีหน้าเขินอาย สีหน้าของหลูเซียงเซียงเปลี่ยนไปในทันที นางกระทืบเท้าพร้อมกับเดินออกจากกระโจมไปด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“คิกๆ…” หนานกงมั่วนั่งกอดอกดูเหตุการณ์อยู่ข้างๆ ถึงแม้ว่าจะฟังไม่ออก แต่กลับเข้าใจสถานการณ์ได้ หนานกงมั่วยิ้มตาหยีพลางเอ่ยกับเว่ยจวินมั่ว “ข้าเดาไม่ผิดจริงๆ ใช่หรือไม่” เว่ยจวินมั่วเหลือบมองนางด้วยสายตาเรียบเฉย หนานกงมั่วนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เว่ยจวินมั่วไม่ชอบใจกับเรื่องนี้นัก จึงรีบหุบยิ้มพร้อมกับรีบก้มหน้าก้มตาทันที

ชนเผ่านี้ค่อนข้างเงียบสงบ คนในชนเผ่าถือว่ามีน้ำใจและกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก ถึงขั้นล้มวัวฆ่าแกะมาทำอาหารมื้อค่ำเพื่อต้อนรับพวกเขาในค่ำคืนนี้อีกด้วย ภพชาติที่แล้วหนานกงมั่วเองก็ได้เดินทางท่องเที่ยวทั่วโลก เคยทานอาหารมาแทบทุกอย่างทุกรสชาติ แต่หลังจากที่มาอยู่ในภพชาตินี้แล้ว นี่ถือเป็นครั้งแรกที่นางได้ทานแกะย่างทั้งตัวที่รสชาติดีขนาดนี้ เมื่อมองดูคนเลี้ยงสัตว์ชาวเป่ยหยวนที่กำลังเต้นระบำ ทานอาหาร และดื่มสุราอยู่รอบกองไฟ หนานกงมั่วที่นั่งอิงไหล่ของเว่ยจวินมั่วอยู่ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

เวลานั้นเองก็มีหญิงสาวชาวเป่ยหยวนสองคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสอง จากนั้นก็ได้เอ่ยบางอย่างกับหนานกงมั่ว หนานกงมั่วรีบเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองเว่ยจวินมั่วด้วยสีหน้าที่ไม่เข้าใจ เว่ยจวินมั่วจึงเอ่ยว่า “พวกนางชวนเจ้าไปเต้นระบำด้วยกัน”

หนานกงมั่วหันกลับไปมองหญิงสาวที่ใบหน้าต้องแสงจากกองไฟสะท้อนจนเป็นสีแดงสว่าง ถึงแม้ว่าจะไม่บอบบางอรชรเหมือนเช่นสตรีของเจียงหนาน แถมยังมีนิสัยใจคอที่ค่อนข้างโผงผางตรงไปตรงมาและหยาบกระด้างเล็กน้อย ทว่ารอยยิ้มกลับสดใสและร่าเริงเป็นอย่างมาก หนานกงมั่วอดไม่ได้ที่จะยิ้มพร้อมกับพยักหน้าตอบรับคำเชิญ หญิงสาวชาวเป่ยหยวนเห็นแล้วก็ยิ้มกว้างด้วยความดีใจ ทั้งสองรีบเข้ามาจูงมือของหนานกงมั่วแล้วพาเข้าไปในวงเต้นระบำทันที

ไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับว่าหนานกงมั่วนั้นเป็นสตรีที่งดงามเป็นอย่างมาก และค่ำคืนนี้นางก็งดงามน่าหลงใหลเป็นพิเศษ ไม่ได้สวมชุดสวย ไม่ได้ใส่เครื่องประดับล้ำค่า ไม่ได้แต่งหน้าทาปาก นางสวมชุดชาวเป่ยหยวนสีแดงสด แก้มสีแดงเรื่อจากแสงสะท้อนของเปลวไฟ นางยืนอยู่ตรงนั้นราวกับดอกกุหลาบสีแดงสดก็ไม่ปาน ชายหนุ่มมากมายที่ได้จ้องมองนางต่างก็พากันอึ้งตาค้างไปตามๆ กัน

หนานกงมั่วเต้นระบำได้ดีเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่านางจะไม่เคยเต้นระบำแบบชาวเป่ยหยวนมาก่อน แต่หากเทียบกับการเต้นระบำที่อ้อยอิ่งและเนิบช้าของชาวจงหยวนแล้ว นางรู้สึกชอบการเต้นระบำที่เรียบง่ายและค่อนข้างหยาบกระด้างของชาวเป่ยหยวนเสียมากกว่า ท่าเต้นที่กระฉับกระเฉงและชัดเจน เดิมทีนางเองก็เป็นคนที่ความจำดีและมีพื้นฐานของศิลปะการต่อสู้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ฝึกเต้นตามคนอื่นๆ เพียงครู่เดียวก็สามารถเต้นระบำได้อย่างคล่องแคล่ว

กลุ่มคนที่ล้อมวงเต้นระบำค่อยๆ ถอยไปข้างๆ อย่างช้าๆ ผู้คนที่รายล้อมกองไฟอยู่นั้นต่างก็พากันปรบมือพร้อมกับโห่ร้องเชยชมสตรีชุดสีแดงสดที่กำลังเต้นระบำอย่างงดงามด้วยรอยยิ้มร่าเริงและสดใส

ที่ที่ไม่ไกลมากนัก เว่ยจวินมั่วนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ในมือของเขามีถุงหนังสัตว์ที่ใส่สุราอยู่ แต่เขากลับไม่ได้ดื่มสุรา สายตาของเขาจับจ้องไปยังสตรีชุดแดงที่กำลังหมุนตัวไปมาตามจังหวะเพลงด้วยความพลิ้วไหวและว่องไว ประกายสีม่วงปรากฏขึ้นบนดวงตาที่เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลของเขา ซึ่งเปลี่ยนไปเพราะยาเปลี่ยนสีตาที่คุณชายเสียนเกอเคยให้เอาไว้

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *