หมอหญิงยอดมือสังหาร 825 สุรเสียงดูดวิญญาณ (1)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 825 สุรเสียงดูดวิญญาณ (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 825 สุรเสียงดูดวิญญาณ (1)

ดังนั้นเอ่ยได้ว่า คนที่อาวุโสกว่าอย่างไรก็มีข้อดีมากกว่า

“เสด็จลุงสิบเจ็ด” เว่ยจวินมั่วเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง นึกว่าเขาจะไม่ยอมเรียกหรือ มีอันใดจะเรียกไม่ได้กัน ตามลำดับอาวุโสเดิมทีหนิงอ๋องก็เป็นเสด็จลุงของเขา แม้จะอายุน้อยและมีความบ้าสักหน่อย แต่ในเมื่อเป็นผู้อาวุโสยังพอยอมรับได้บ้าง เสด็จลุงเยี่ยนอ๋องเองก็พูดมากเขาเองยังยอมได้เลยมิใช่หรือ

“…” คนหน้าตายควรเย็นชามิใช่หรือ การรับมือเช่นนี้หรือว่าใบหน้าเย็นชานั่นมีไว้หลอกลวงคนหรือ หนิงอ๋องลอบแขวะอยู่ในใจอย่างเคียดแค้น

หนานกงมั่วยกมือป้องปากลอบหัวเราะอยู่ด้านข้าง เห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาของหนิงอ๋องก็รู้แล้วว่าเขากำลังคิดสิ่งใดอยู่

“อะแฮ่ม ท่านอ๋อง” เว่ยหงเฟยที่ถูกเมินอดไม่ได้เอ่ยแทรกขึ้น เขาไม่สนิทและไม่รู้จักหนิงอ๋องมากนัก แต่ว่าเมื่อได้สัมผัสมาสักระยะก็รู้แล้วว่านิสัยของท่านอ๋องผู้นี้แตกต่างไปจากอ๋องคนอื่นๆ ที่เคยพบเจอมา ขณะเดียวกัน เข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้เห็นตนเองอยู่ในสายตา แม้เห็นว่าหนิงอ๋องกำลังต่อล้อต่อเถียงอยู่กับเว่ยจวินมั่ว แต่ว่า การต่อล้อต่อเถียงก็แสดงให้เห็นว่าเพราะอีกฝ่ายให้ความสำคัญกับเจ้าถึงได้ต่อล้อต่อเถียงด้วย ทว่าท่าทีของหนิงอ๋องต่อพวกเขากลับเป็นการเมินเฉย หนิงอ๋องไม่มีทางไม่รู้ว่าพวกเขามาด้วยเหตุผลใด ท่าทางเช่นนี้ไม่ได้เมินเฉยต่อพวกเขาเท่านั้น ยังแสดงให้เห็นถึงมุมมองของหนิงอ๋องต่อราชสำนักและเซียวเชียนเยี่ยด้วย

หนิงอ๋องส่งเสียงหยัน นั่งกลับคืนไปยังตำแหน่งที่นั่งของตน มือข้างหนึ่งเท้าคางด้วยท่าทีเกียจคร้านมองทุกคน เอ่ย “เอาล่ะ ว่ามาสิ มาหาข้ามีเรื่องอันใด”

“เอ่อ…ท่านอ๋อง กระหม่อมหวังว่าจะได้หารือกับท่านอ๋องเป็นการส่วนตัว” เว่ยหงเฟยเอ่ย

“หารือเป็นการส่วนตัวหรือ” หนิงอ๋องปรายตามองเขา เอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “ไม่ต้องกระมัง ข้าเดาได้ว่าพวกเจ้ามาทำอันใด กลับไปทูลฝ่าบาท ข้าไม่สนใจการต่อสู้ของพระองค์และพี่สาม ข้าจะมีความสุขเป็นอิสระของข้าอยู่ในเมืองสีโจว เขาคิดจะลดอำนาจผู้ปกครองเมืองหรือยกทัพต่อสู้กับผู้ใดไม่เกี่ยวกับข้า แน่นอนว่า หากเขาคิดอยากจัดการกับข้าก็ให้รีบยกทัพมา ข้าจะรอเขา”

“ท่านอ๋อง ท่าน…”

“พวกเจ้าทั้งสองด้วย” หนิงอ๋องไม่เปิดโอกาสให้เว่ยหงเฟย เอ่ยกับพวกหนานกงมั่วทั้งสองต่อไปว่า “ไปบอกกับพี่สามเช่นกัน ข้าไม่มีความสนใจต่อการก่อกบฏ วันๆ ดื่มกินเสพสำราญนั้นดีอยู่แล้ว ข้าไม่อยากทำสงคราม”

เว่ยจวินมั่วเองไม่ได้รีบร้อน เว่ยหงเฟยกลับร้อนรน “ท่านอ๋อง อดีตฮ่องเต้เพิ่งจากไป เยี่ยนอ๋องก็ยกทัพก่อกบฏ ท่านอ๋องจะนั่งนิ่งไม่สนใจได้จริงหรือ ฝ่าบาทนั้นเป็นหลานชายของพระองค์นะพ่ะย่ะค่ะ”

หนิงอ๋องยิ้มเย็น “เสด็จพี่สิบก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของข้านี่ ข้าต้องทวงความยุติธรรมให้เขาด้วยหรือไม่”

“เอ่อ…นั่นเพราะเขากระทำผิด ขัดต่อราชโองการ”

หนิงอ๋องหันไปมองเขา เนิ่นนานจึงเอ่ยออกมาเชื่องช้า “ข้ารู้ เพราะฝ่าบาทต้องการลดอำนาจผู้ปกครองเมืองหรือ จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องคล้ายจะลืมไปแล้ว ข้าเอง…ก็เป็นผู้ปกครองเมือง”

เว่ยหงเฟยเอ่ย “นี่คือพระราชสาส์นที่ฝ่าบาททรงเขียนด้วยพระองค์เอง ท่านอ๋องอ่านดูก่อนเถิด บางที ท่านอ๋องอาจเปลี่ยนความคิดก็เป็นได้” เว่ยหงเฟยยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้ หนิงอ๋องรับมากวาดตามองชั่วครู่พลันโยนไปบนโต๊ะด้านข้าง เหลือบตามองเว่ยจวินมั่ว “พวกเจ้าสองคน มีอันใดอยากเอ่ยหรือไม่”

“พระองค์ต้องการให้พวกเราเอ่ยอันใด” เว่ยจวินมั่วเอ่ยถาม

หนิงอ๋องเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อ้อนวอนข้าสิ ไม่แน่ข้าอาจเปลี่ยนความคิดก็เป็นได้”

เว่ยจวินมั่วนิ่งเงียบ

รอยยิ้มของหนิงอ๋องเปล่งประกายขึ้น

คุณชายเว่ยลุกขึ้นยื่นมือไปให้หนานกงมั่ว “อู๋สยา ไปกันเถิด วันนี้เขาไม่อยากคุยแล้ว”

หนานกงมั่วพยักหน้า เอ่ยกับหนิงอ๋องด้วยรอยยิ้ม “ก็ดีเหมือนกัน เสด็จลุงหนิงอ๋อง หม่อมฉันทูลลาเพคะ”

ให้ตายสิ นี่คือท่าทีของการอ้อนวอนขอร้องหรือ หนิงอ๋องพิโรธขึ้นมา “เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถยกทัพช่วยเหลือเซียวเชียนเยี่ยได้ทันที”

เว่ยหงเฟยสามพ่อลูกดีใจขึ้นมา

“รอพระองค์รวบรวมเสบียงให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน” เว่ยจวินมั่วเอ่ยเสียงเรียบ

“ท่านอ๋อง ขอเพียงพระองค์รับปากยกทัพ เรื่องเสบียงไม่ต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ” เว่ยหงเฟยรีบเอ่ยตอบ

มองทั้งสองเดินออกไปโดยไม่คิดลังเล หนิงอ๋องจึงเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “ไสหัวออกไป เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ ไม่ต้องกังวลบ้าอันใด กองทัพของเฉินอวี้ห่างจากสีโจวไม่ถึงหกสิบลี้ หากเจ้ามีความสามารถก็ส่งเสบียงมาให้ข้าก่อนเสียสิ”

เว่ยหงเฟยยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดอีกก็ถูกหนิงอ่องไล่ตะเพิดออกไปอย่างไม่เกรงใจ

สามพ่อลูกออกมาจากจวนหนิงอ๋อง ก็มองเห็นหนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วเดินจูงมืออย่างสบายใจอยู่บนถนน หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมาพูดคุยหัวเราะกับเว่ยจวินมั่วเป็นระยะ แม้ใบหน้าเว่ยจวินมั่วจะเย็นชา แต่เมื่อหนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมาเขาก็ให้ความร่วมมือก้มลงไปมองตอบนาง มีความอบอุ่นปรากฏอยู่ในดวงตาสีม่วง ทั้งสองดูไม่ได้อนาทรร้อนใจต่อความล้มเหลวในการเกลี้ยกล่อมหนิงอ๋องเลยแม้เพียงนิด

“เสด็จพ่อ พวกเราจะทำเช่นไร”

เว่ยหงเฟยส่งเสียงหยัน เอ่ย “กลับไปก่อนค่อยว่ากัน” หนิงอ๋องรักอิสระไม่ชอบการถูกบังคับ เว่ยจวินมั่วนิสัยเย็นชาไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แม้แต่การขอร้องคนยังไม่ย้มก้มหัวนอบน้อม เขาไม่เชื่อว่าหนิงอ๋องจะยอมร่วมมือกับเว่ยจวินมั่ว

“พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อ”

ในห้องโถงใหญ่จวนหนิงอ๋อง หนิงอ๋องนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยท่าทางเกียจคร้าน บนโต๊ะด้านข้างมีซองจดหมายที่ถูกเปิดแล้ว หนิงอ๋องหรี่ตามองผู้ดูแลด้านข้าง “มีเรื่องอันใดก็เอ่ยมา”

ผู้ดูแลลังเลอยู่ชั่วครู่ ในที่สุดจึงเอ่ย “ท่านอ๋อง พระราชสาส์นของฝ่าบาท ท่านอ๋องคิดจะจัดการเยี่ยงไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หนิงอ๋องส่งเสียงหยัน “เจ้ามองเช่นไร”

ผู้ดูแลเอ่ย “ข้อเสนอที่ฝ่าบาทหยิบยกมา ดีเป็นพิเศษ เพียงแต่…จะเชื่อได้หรือไม่…”

เนื้อความในจดหมายเซียวเชียนเยี่ยเขียนชัดเจน ขอเพียงหนิงอ๋องยอมเคลื่อนทัพโจมตีเยี่ยนอ๋องช่วยเหลือราชสำนัก เมื่อจบเรื่องแล้วจะยกที่ดินหนึ่งในสามส่วนของโยวโจวให้กับหนิงอ๋อง อีกทั้งฮ่องเต้รับปากว่าจะไม่ถอดตำแหน่งของหนิงอ๋อง ข้อเสนอนี้หากเป็นความจริง หนิงอ๋องจะอยู่เหนือผู้คนมากมายขึ้นมาทันใด แต่ว่าปัญหาก็คือคำของฮ่องเต้เชื่อถือได้หรือไม่

“เชื่อได้หรือ หากเจ้าเป็นฮ่องเต้ เจ้าคิดว่าวาจานี้เชื่อได้หรือไม่”

“กระหม่อมมิกล้า” ผู้ดูแลตื่นตกใจ รีบเอ่ย “ท่านอ๋องกล่าวถูกแล้ว ฮ่องเต้ผู้นั้นเคยร่วมมือกับเซียวฉุน หลังจากนั้นก็สังหารเซียวฉุน เกรงว่าคงมิใช่คนรักษาสัญญานัก ท่านอ๋องเห็นด้วยกับจวนเยี่ยนอ๋องมากกว่าหรือพ่ะย่ะค่ะ” แต่ท่าทีของท่านอ๋องต่อคุณชายเว่ยและซิงเฉิงจวิ้นจู่เองก็ดูไม่เป็นเช่นนั้นนี่นา

หนิงอ๋องโบกปัดมืออย่างหงุดหงิด เอ่ย “ใครบอกว่าข้าจะต้องช่วยพวกเขา”

“ท่านอ๋องคิดจะ…” ผู้ดูแลรู้สึกสั่นไหวอยู่ในใจ ยังไม่ทันได้เอ่ยสิ่งใดก็ถูกสายตาของหนิงอ๋องกวาดมองนิ่งๆ เอ่ย “อย่าได้คิดเรื่องที่ไม่สมควรคิด ข้าไม่สนใจต่อตำแหน่งนั้น”

“พ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง” ผู้ดูแลรีบเอ่ยตอบรับ “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ผู้ที่อยู่โรงเตี๊ยมอวิ๋นจงเหล่านั้น…”

หนิงอ๋องเอ่ย “ไม่ต้องสนใจพวกเขา ไม่บรรลุเป้าหมาย พวกเขาไม่มีทางไปไหน”

“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ดูแลเอ่ยอย่างนอบน้อม

โบกมือส่งสัญญาณให้ผู้ดูแลออกไป หนิงอ๋องยกมือขึ้นนวดหว่างคิ้วพร้อมหลับตาลง

กลับมาถึงโรงเตี๊ยม หนานกงมั่วนั่งลงบนเก้าอี้มองไปยังเว่ยจวินมั่ว “เจอกันครั้งแรกก็ก้าวเท้าผิด[1]เสียแล้ว”

[1] ก้าวเท้าผิด หมายถึง การเริ่มต้นที่ไม่ดี

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *