หมอหญิงยอดมือสังหาร 907 อำนาจ (1)
ตอนที่ 907 อำนาจ (1)
“พอได้แล้ว” เยี่ยนอ๋องสีหน้าทะมึน มองดูบุตรชายและสะใภ้ที่คุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วเอ่ยด้วยความเคร่งขรึม “เช่นนั้น เจ้าคิดเยี่ยงไร”
“เสด็จพ่อ หม่อมฉัน…”
“ข้าถามเซียวเชียนเหว่ย!” เยี่ยนอ๋องเอ่ยอย่างเคร่งขรึม จูชูอวี้หน้าซีด รู้สึกเสียใจที่ตัวเองรีบร้อนเกินไป
เซียวเชียนเหว่ยตกใจ เงียบอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นพลันเอ่ยตอบ “เสด็จพ่อ ลูกคิดว่า…จูชูอวี้เอ่ยถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะ หนึ่งคือจะได้ทำให้ชายารองกงสบายใจ สองคือคืนความยุติธรรมให้พี่ชาย”
“เช่นนั้นควรส่งใครไปตรวจสอบ แล้วตรวจสอบเช่นไร ตรวจสอบจวินมั่วหรือว่าตรวจสอบอู๋สยาด้วย ระหว่างการตรวจสอบ ทำให้เรื่องสำคัญล่าช้า เจ้าจะจัดการเช่นไร” เยี่ยนอ๋องถามเสียงเรียบเฉย
เซียวเชียนเหว่ยก้มหน้าแล้วจึงเอ่ย “ส่งใครไปตรวจสอบขึ้นอยู่กับเสด็จพ่อแล้ว เฉินโจวอยู่ห่างจากโยวโจวตั้งพันลี้ เกรงว่าคงต้องรบกวนพี่ชายและพี่สะใภ้กลับมา สำหรับเรื่องที่เฉินโจว…เสด็จพ่อค่อยส่งคนที่ท่านเชื่อใจไปจัดการแทนชั่วคราวพ่ะย่ะค่ะ”
“อ้อ?” น้ำเสียงของเยี่ยนอ๋องเย็นชามากกว่าเดิม “ข้าส่งเจ้าไปจัดการดีหรือไม่”
เซียวเชียนเหว่ยตกใจ ฟังออกว่าเยี่ยนอ๋องไม่พอใจ จึงรีบเอ่ยว่า “ลูกไม่กล้า ลูก…ยังเยาว์ เกรงว่าคงจะดูแลสถานการณ์โดยรวมไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ เสด็จพ่อโปรดไตร่ตรอง ลูกเพียง…”
เยี่ยนอ๋องยกมือขึ้นบอกให้เขาหยุดเอ่ย “เรื่องนี้ข้าจัดการเอง พวกเจ้าไม่ต้องกังวล สำหรับภรรยาของเจ้า…หากสตรีไม่ให้ความสําคัญกับสถานการณ์โดยรวม เช่นนั้นก็สงบเสงี่ยมเจียมตัวเสียดีกว่า น้องสะใภ้สามของเจ้ากำลังตั้งครรภ์ เสด็จแม่ของเจ้าคงจะยุ่ง ส่งนางกลับไปช่วยงานเสด็จแม่ของเจ้าที่จวนเถิด”
ได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของจูชูอวี้พลันซีดลงทันที
“เสด็จพ่อ หม่อมฉัน…” จูชูอวี้กัดฟัน นึกแค้นภายในใจ หากนางกลับไปแล้วมีอำนาจในจวนเยี่ยนอ๋องก็คงดี แต่นางย่อมรู้อยู่แก่ใจดีว่าเมื่อกลับไปก็ต้องถูกพระชายาเยี่ยนอ๋องจัดการ พระชายาเยี่ยนอ๋องไม่มีทางใช้งานนาง “เสด็จพ่อโปรดไตร่ตรอง ช่วงนี้ท่านพี่กำลังยุ่ง หม่อมฉันอยากอยู่ช่วยท่านพี่เพคะ”
เยี่ยนอ๋องเอ่ยอย่างเย็นชา “เขามาออกรบ ไม่ได้ออกมาเที่ยว”
“แต่ว่า…”
“พอได้แล้ว” เยี่ยนอ๋องสายตาจมลึก “ข้าไม่ได้ปรึกษาเจ้า ออกไปได้แล้ว”
ในโยวโจวแห่งนี้ วาจาของเยี่ยนอ๋องแม้ไม่ใช่ราชโองการแต่กลับเป็นยิ่งกว่าราชโองการเสียอีก คำพูดที่เขาเอ่ยออกมา ไม่มีใครกล้าขัดขืนและไม่มีใครกล้าโต้แย้ง จูชูอวี้ก้มหน้าลง จับมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อตัวเองแน่นแล้วเอ่ยเบาๆ “เพคะ เสด็จพ่อ”
ถูกเสด็จพ่อหักหน้าอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้ สีหน้าของเซียวเชียนเหว่ยก็แย่ลง เขาเอ่ยเสียงแผ่ว “เสด็จพ่อ ลูกขอตัวก่อน”
เอ่ยจบ เขาก็จูงมือจูชูอวี้เดินออกไปนอกกระโจม ทันทีที่เดินออกมาหน้าประตูก็ได้ยินเสียงเยี่ยนอ๋องดังขึ้นมาจากข้างหลัง “เชียนเหว่ย ไยข้าจึงไม่รู้ว่าเจ้าเป็นห่วงชายารองกงและพี่น้องเชื้อสายรองมากเพียงนี้”
เซียวเชียนเหว่ยตื่นตระหนก เขารู้สึกพลาดไปแล้ว ที่จริงแล้วเขาผิดมาตั้งแต่ต้น เขาไม่เคยสนิทสนมกับชายารองกงและพระสนมอื่นๆ ตอนนั้นจูชูอวี้ยังเคยถูกโบยเพราะชายารองกงด้วยซ้ำ ตอนนี้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เสด็จแม่และน้องสามยังไม่สนใจ แต่เขากลับเอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทั้งที่รู้ว่าเสด็จพ่อไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ เอ่ยถึงยังไม่พอ ยังใช้เหตุผลว่าเป็นห่วงเด็กที่ยังไม่คลอดออกมามองดูโลกของชายารองกง บุตรเชื้อสายหลักและบุตรเชื้อสายรองเป็นห่วงกันบ้างเป็นเรื่องสมควร ทว่าหากมากเกินไปก็ดูปลอมเกินไปเช่นกัน
พวกเขาคิดว่าเหตุผลของพวกเขาเหมาะสม แต่กลับไม่รู้ว่าเสด็จพ่อรู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของพวกเขาตั้งแต่แรก
แต่ว่า…ครั้งนี้เซียวเชียนเหว่ยไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองทําผิด ในใจของเขากลับโมโหและน้อยใจ เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือของพี่ชายจริงหรือ หากไม่ใช่ ไยเสด็จพ่อถึงไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องนี้ หรือชายารองกงไม่ใช่ชายาของเสด็จพ่อ หรือเด็กในท้องของชายารองกงไม่ใช่ลูกของเสด็จพ่อ ถึงแม้จะเห็นแก่ศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่เสด็จพ่อก็ไม่ควรปล่อยคนวางยาชายารองกงไปแบบนี้
เสด็จพ่อกลับพยายามไม่เอ่ยถึง… จูชูอวี้เอ่ยถูก เสด็จพ่อ…ดีกับพี่ชายมากเกินไปแล้ว
ภายในกระโจม บรรยากาศค่อนข้างอึดอัด
เซียวเชียนจย่งมองดูเยี่ยนอ๋องที่มีสีหน้าทะมึนบนเก้าอี้ ไม่รู้ควรทำตัวเช่นไร แม้ว่าเขาจะมีนิสัยไม่รอบคอบ แต่ก็รู้สึกว่าครั้งนี้พี่รองกำลังโจมตีพี่ชายแต่ว่า…ทำไมเล่า ถึงแม้จะเป็นฝีมือของพี่ชายจริงๆ แล้วทำไมกัน ชายารองกงก็เป็นเพียงสตรีที่เสด็จพ่อนำกลับมาจากไหนก็ไม่รู้ พี่ชายไม่ได้ทำอันใดนาง เพียงข่มขู่เท่านั้น พี่รองเป็นห่วงเป็นใยผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่เมื่อใด
เนี่ยนหย่วนถอนหายใจ เอ่ยเบาๆ “คุณชายรองก็เพียงคิดผิด ท่านอ๋องอย่าโมโหไปเลย”
เยี่ยนอ๋องไม่ได้โมโหเพียงนั้น เขาโบกปัดมือแล้วเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่มีอันใดหรอก ไต้ซือโปรดอย่าถือสา”
“ย่อมไม่ถือสา” เนี่ยนหย่วนเอ่ย “ท่านอ๋องไว้ใจคุณชายเว่ยเพียงนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงคุณชายรอง แม้แต่ข้าเองก็ยังนับถือ แต่ว่าคุณชายรองยังเด็กนัก ท่านอ๋องอย่าได้คิดมากไปเลย”
เยี่ยนอ๋องยิ้ม เขาไม่สนใจ “ไต้ซือเอ่ยถูก ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้แล้วดีกว่า ข้ายังมีเรื่องต้องปรึกษาไต้ซืออีก”
เยี่ยนอ๋องหยิบจดหมายขึ้นมายื่นให้เนี่ยนหย่วน เนี่ยนหย่วนรับมาด้วยความเคารพ จากนั้นทั้งสองคนก็เริ่มสนทนาหารือกันเรื่องการศึกสงคราม ราวกับบรรยากาศที่เคร่งขรึมในกระโจมเมื่อครู่ก่อนไม่เคยมีมาก่อน มีเพียงคุณชายเซียวสามที่นั่งสัปหงกอย่างเบื่อหน่ายอยู่ข้างๆ คนเดียว
ส่งเนี่ยนหย่วนกลับออกไปแล้ว จากนั้นก็ไล่เซียวเชียนจย่งที่กำลังหลับอยู่บนเก้าอี้ให้ออกไปด้วย บรรยากาศในกระโจมพลันกลับมาเงียบสงัดลงอีกครั้ง สําหรับเสียนเกอ เขาออกไปตั้งนานแล้ว ทำให้คุณชายเซียวสามรู้สึกอิจฉาอยู่บ้าง
ผู้ชายที่มีท่วงท่าราวกับองครักษ์เดินเข้ามาในกระโจม แล้วเอ่ยด้วยความเคารพ “ท่านอ๋อง”
เยี่ยนอ๋องเอ่ยอย่างเย็นชา “จูชูอวี้เป็นเช่นไร”
องครักษ์เอ่ยด้วยความเคารพ “รายงานท่านอ๋อง คุณชายรองและฮูหยินน้อยรองเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่งฮูหยินน้อยรองออกไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เยี่ยนอ๋องเอนตัวพิงเก้าอี้ เคาะโต๊ะเบาๆ เอ่ยว่า “ได้ข่าวเร็วเพียงนี้ หมายความว่า…จูชูอวี้ติดต่อกับเจ้าแซ่กงคนนั้นอยู่จริงๆ”
องครักษ์พยักหน้า “ไม่เพียงเท่านั้น…ฮูหยินน้อยรองยังติดต่อกับทางจินหลิงด้วย เช่นนั้นคุณชายรอง…”
เยี่ยนอ๋องส่ายหน้า “ยังไม่ต้องสนใจ ข้าเองก็อยากดู…ว่าเขาจะทําเช่นไร” หากเขาหลงกลผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เยี่ยนอ๋องคงจะผิดหวังกับบุตรชายคนนี้มาก สําหรับเรื่องที่เซียวเชียนเหว่ยคิดว่าตนดีต่อเว่ยจวินมั่วมากเกินไปทำให้รู้สึกไม่ยุติธรรม เยี่ยนอ๋องไม่พอใจนัก บนโลกใบนี้ไร้ซึ่งความยุติธรรม ตอนนั้นพี่น้องอย่างพวกเขาถูกโยนลงบนเขตปกครองตั้งแต่อายุสิบห้าสิบหกเท่านั้น เสด็จพ่อไม่เคยยุติธรรมต่อพวกเขา หากตนไว้วางใจและให้ความสําคัญต่อพวกเขาสามพี่น้องมากกว่าเว่ยจวินมั่ว คิดว่าเช่นนั้นก็คงจะไม่ยุติธรรมอยู่ดี หากคนที่ได้รับความไว้วางใจและให้ความสำคัญไม่ใช่ตัวเขาเอง
เยี่ยนอ๋องรำคาญ บุตรชายสามคน คนโตไม่เด็ดขาด คนที่สามไร้เดียงสา เซียวเชียนเหว่ยที่อยู่ตรงกลางไม่มีข้อบกพร่องเหมือนสองคนนั้น แต่ข้อดีกลับไม่โดดเด่น และที่สําคัญที่สุดก็คือจิตใจและความทะเยอทะยานของเขาทําให้เยี่ยนอ๋องไม่ชอบใจ ใช่ว่าไม่ควรมีความทะเยอทะยาน เกิดมาในราชวงศ์ คนที่ไม่มีความทะเยอทะยานคือคนที่พ่ายแพ้ แต่หากเทียบกับเซียวเชียวเหว่ยแล้วเขากลับชอบมีลับลมคมนัย ที่สําคัญที่สุดคือความคิดของเขาแคบเกินไป ไม่มีมุมมองต่อสถานการณ์โดยรวม แม้แต่ความอดทนและความสามารถที่แอบแฝงอยู่ก็ยังมีเพียงครึ่งเดียว เรื่องบางเรื่องหากไม่ทำก็ไม่ควรแตะต้องเลย ทว่าหากทําแล้วไม่จริงจังก็ยิ่งทําให้ผู้คนรู้สึกไม่ชอบใจมากกว่าเสียอีก
Comments