หมอหญิงยอดมือสังหาร 267 การตายของเจิ้งซื่อ (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 267 การตายของเจิ้งซื่อ (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อก้าวเข้าไปในจวนฉู่กั๋วกง หนานกงมั่วมิได้ไปพบหนานกงไหวทันที กลับตรงไปยังเรือนลี่ฉินของหนานกงชวี่ก่อน

เพียงเดินเข้าไปก็ได้ยินเสียงร้องไห้สะเทือนฟ้าสะเทือนดินของหลินซื่อ หนานกงฮุยเองก็ยืนเหม่อลอยด้วยความทุกข์ใจอยู่หน้าประตู เมื่อมองเห็นหนานกงมั่ว ดวงตาของหนานกงฮุยมีแววขึ้นเล็กน้อย รีบเอ่ย “มั่วเอ๋อร์ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว” เพียงเอ่ยจบก็สังเกตเห็นร่างด้านข้างเคลื่อนไหวรวดเร็ว หลินซื่อพุ่งเข้ามาหาหนานกงมั่ว

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว เบี่ยงตัวหลบหลินซื่อที่พุ่งเข้ามาหา หลินซื่อเกือบจะล้มหัวทิ่มเข้าไปในเรือนแล้ว รั้งตัวเองเอาไว้ชั่วครู่ ไม่สนสิ่งใดมากมาย หลินซื่อก็ร้องไห้ขึ้นมาอีกครั้ง “น้องสาว ช่วยท่านพี่ด้วย…ฮือ…”

“พอแล้ว” หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเข้ม

หลินซื่อเงียบเสียงไปชั่วครู่ ไม่นานก็ร้องไห้เสียงดังขึ้นมาอีก หนานกงมั่วทนไม่ไหวยกมือขึ้นมาคลึงหัวคิ้ว ออกคำสั่งกับคนข้างกาย “พาฮูหยินน้อยไปพักก่อนเถิด” หนานกงฮุยเองก็ปวดหัวกับเสียงร้องไห้ของหลินซื่อมานานแล้ว จึงโบกมือให้คนเรือนลี่ฉิน กล่าวว่า “พาฮูหยินน้อยไปพักผ่อนเถิด”

สาวใช้จึงรีบเข้ามาประคองหลินซื่อที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นออกไป

ทั้งสองเดินเข้าไปนั่งในห้องรับแขก หนานกงมั่วจึงเอ่ยขึ้น “พี่รอง เกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ ตอนนี้พี่ใหญ่อยู่ที่ใด”

หนานกงฮุยแค่นยิ้ม เอ่ยตอบ “พี่ใหญ่ถูกขังอยู่ในห้องหนังสือ แต่ว่า…หากมิได้รับอนุญาตจากท่านพ่อก็ห้ามใครเข้าพบทั้งนั้น เที่ยงวันนี้…คนส่งอาหารเที่ยงพบว่าเจิ้งซื่อตายอยู่ในคุกใต้ดิน ได้ยินมาว่าคุกใต้ดินจะส่งอาหารเพียงวันละครั้ง เมื่อวานตอนเอาอาหารเที่ยงไปส่งก็เห็นว่าเจิ้งซื่อนอนอยู่บนกองฟางหญ้าจึงไม่ได้สนใจ วันนี้เอาอาหารไปส่งยังคงเห็นเจิ้งซื่อนอนอยู่เช่นเดิม อาหารเมื่อวานก็ไม่แตะต้องจึงรู้สึกแปลกๆ พอให้คนเข้าไปดูพบว่าเจิ้งซื่อตายได้หนึ่งวันกว่าแล้ว วันก่อนหลังจากส่งอาหาร ว่ากันว่ามีเพียงพี่ใหญ่ที่ได้พบกับเจิ้งซื่อ และพี่ใหญ่ยังเอาอาหารมากมายไปให้เจิ้งซื่อ เจิ้งซื่อกินจนหมด ท่านพ่อกำลังหาอู่จั้วและหมอมาตรวจสอบ”

“หาอู่จั้วกับหมองั้นหรือ หากตรวจสอบพบว่ามีพิษจริงๆ เล่า” หนานกงมั่วเอ่ยถาม

หนานกงฮุยจ้องมองหนานกงมั่วเงียบ หนานกงไหวและทั้งคู่ต่างรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี เกรงว่าเขาคงไม่คิดเก็บหนานกงชวี่เอาไว้แล้ว

“ข้าจะไปดูพี่ใหญ่” หนานกงมั่วลุกขึ้น

หนานกงฮุยลุกขึ้นตาม เอ่ยทันที “ท่านพ่อส่งคนมาเฝ้าเอง พวกเขาไม่มีทางให้เราเข้าไป” พอเกิดเรื่อง เขาก็อยากเข้าไปพบพี่ชาย แต่ไม่ว่าเขาจะเอ่ยเช่นไรคนพวกนั้นก็ไม่ยอมหลีกทางให้ หนานกงมั่วกล่าวว่า “ไปดูก็รู้แล้ว” ขณะที่ทั้งสองพึ่งออกจากห้องรับแขก ยังไม่ทันมุ่งหน้าไปยังห้องหนังสือของหนานกงชวี่ ก็มองเห็นหนานกงไหวเดินนำคนเข้ามาอย่างรีบร้อน เมื่อหนานกงมั่วมองเห็นสีหน้าพลันทะมึนขึ้น เอ่ยเสียงเข้ม “ใครใช้ให้เจ้ากลับมา พึ่งแต่งงานวิ่งแจ้นกลับบ้านมาเช่นนี้เหมือนอะไร” เห็นได้ชัดว่าหนานกงมั่วกลับมานั้นเพียงเพราะหนานกงฮุยเรียกให้มาฝ่ายเดียว หนานกงไหวไม่รู้เรื่อง

ผู้ที่ติดตามมาด้านหลังของหนานกงไหวคือหนานกงซูที่ดวงตาแดงก่ำ กำลังกำผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ถลึงตามองพวกนางด้วยใบหน้าโกรธแค้น

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “พี่ใหญ่เกิดเรื่อง ข้าผู้เป็นน้องสาวไม่ควรกลับมาดูหน่อยหรือเจ้าคะ”

หนานกงไหวส่งเสียงหยัน เอ่ย “มาดูก็ดี ข้าเองก็อยากรู้ว่าลูกเนรคุณนั้นมีอันใดซ่อนอยู่ในใจ” หนานกงมั่วขมวดคิ้วมุ่น ไม่เอ่ยตอบโต้ หนานกงไหวเอ่ย “ในเมื่อมากันครบแล้ว ก็เข้าไปด้วยกันเถิด ไปพาลูกเนรคุณนั่นออกมา” หนานกงมั่วและหนานกงฮุยมองสบตากัน เดินตามหนานกงไหวกลับไปยังห้องรับแขกเงียบๆ

ในห้องรับแขก หนานกงซูประคองท้องที่ยังมองไม่เห็นพิงเก้าอี้ร้องห่มร้องไห้ ด้านข้างมีสาวใช้จวนเย่ว์จวิ้นอ๋องคอยปลอบโยนเบาๆ เพียงแต่ยิ่งปลอบหนานกงซูก็ยิ่งร้องไห้เสียใจขึ้นไปอีก ดวงตาที่มองไปยังหนานกงมั่วและหนานกงฮุยยิ่งโกรธแค้นมากขึ้น หนานกงไหวปวดหัวกับการร้องไห้ของนาง เอ่ยเสียงเข้ม “เอาล่ะ จะร้องไห้ไปทำไมกัน” หนานกงซูสะอึกสะอื้น เอ่ยทั้งน้ำตา “ท่านแม่ถูกคนฆ่าตายแล้ว ข้าที่เป็นบุตรีแม้แต่ร้องไห้ก็ทำไม่ได้เลยหรือ ฮือ… ท่านพ่อ ท่านต้องจัดการให้ท่านแม่นะเจ้าคะ”

“เอาล่ะๆ” หนานกงไหวเบื่อหน่าย เอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิด

ไม่นานหนานกงชวี่ก็เดินเข้ามาภายใต้การควบคุมขององครักษ์สองคน อย่างไรเขาก็เป็นถึงคุณชายใหญ่จวนฉู่กั๋วกง ยิ่งไปกว่านั้นยังมิได้มีการตัดสินความผิด เพียงถูกขังอยู่ในห้องหนังสือ ไม่ได้รับความทุกข์ร้อนเท่าใดนัก

หนานกงไหวมองเขาด้วยสายตาเย็นเยือก เอ่ยเสียงทรงอำนาจ “ลูกเนรคุณ เจ้ารู้ตัวว่าผิดหรือไม่”

หนานกงชวี่ตวัดดวงตาขึ้นมา มองไปยังหนานกงไหว เอ่ยตอบ “ลูกไม่รู้ว่าตนได้ทำอันใดผิด ขอท่านพ่อได้โปรดชี้แนะ”

“ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง เมื่อวันก่อนเจ้าไปเยี่ยมเจิ้งซื่อหรือไม่ ข้าออกคำสั่งเข้มงวดห้ามใครเข้าไปหาเจิ้งซื่อ ไยเจ้าจึงไม่ฟัง” หนานกงไหวเอ่ยถาม หนานกงชวี่เองก็มิได้หวาดกลัว เอ่ยเสียงเรียบ “ข้าได้ยินความชั่วร้ายของเจิ้งซื่อมามาก พลันรับไม่ได้อยากเข้าไปสอบถามให้ชัดเจน แต่ท่านพ่อกลับพานางไปขังไว้ในคุกใต้ดิน และไม่เคยให้คำอธิบายกับใคร ลูกเพียงไปสอบถามเพื่อคลายความสงสัยก็เท่านั้น”

“หลังจากเจ้าไป เจิ้งซื่อกินอาหารของเจ้าแล้วนางก็ตาย เจ้าจะอธิบายเช่นไร” หนานกงไหวจ้องเขาเขม็ง

หนานกงชวี่เอ่ยถาม “ข้าไม่เคยวางยาพิษในอาหาร ขอสอบถามท่านพ่อ เจิ้งซื่อตายเพราะยาพิษหรือไม่ แม้เจิ้งซื่อจะมีความแค้นฝังลึกต่อพวกเราพี่น้อง แต่นางถูกท่านพ่อจับขังในคุกใต้ดินไม่เห็นเดือนเห็นตะวันแล้ว ไยข้าต้องวางยานางด้วย” หนานกงชวี่เอ่ยถาม จากนั้นกล่าวต่อไปว่า “หากท่านพ่อไม่เชื่อ จะเชิญหมอจากสำนักหมอหลวงมาตรวจพิษก็ได้ขอรับ หรือเรียกอู่จั้วมาพิสูจน์ก็ได้ ลูกยินดีให้ตรวจสอบ ขอท่านพ่อโปรดตรวจสอบให้แน่ชัด”

หนานกงไหวเงียบไม่เอ่ยสิ่งใด ในจวนเกิดเรื่องเช่นนี้แน่นอนว่าไม่ควรให้ทางการได้รับรู้ ไม่ว่าหนานกงชวี่จะถูกใส่ร้ายหรือฆ่าเจิ้งซื่อจริงๆ หากเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปคงไม่ดีแน่ แต่เมื่อมองใบหน้าซื่อตรงของหนานกงชวี่แล้วหนานกงไหวก็เกิดความสงสัยขึ้นในใจ หรือว่า…ไม่ใช่ฝีมือเขาจริงๆ

“นายท่าน ท่านหมอหวังและท่านหมอจังมาขอพบที่ด้านหน้าขอรับ”

หนานกงไหวพยักหน้า ตอบรับ “เชิญพวกเขาเข้ามา”

หมออายุราวห้าสิบปีและหมอวัยกลางคนเดินเข้ามาด้านใน รีบคารวะหนานกงไหวโดยไว หนานกงไหวพยักหน้าบอกทั้งสองให้ลุกขึ้นได้ เอ่ยถาม “ท่านหมอทั้งสองตรวจดูแล้วหรือ มีปัญหาอันใดหรือไม่” หมอทั้งสองมองสบตากัน ลังเลอยู่ชั่วครู่จึงเอ่ยตอบ “รายงานนายท่าน ฮูหยิน…ผู้นั้นไม่เหมือนโดนพิษขอรับ อาหารที่เหลืออยู่ในคุกนั่นก็ไม่มีพิษเลยแม้เพียงนิด”

สีหน้าของหนานกงไหวพลันเปลี่ยน เอ่ยเสียงเข้ม “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ คนผู้นั้นตายด้วยเหตุอันใดเล่า”

หมอผมสีดอกเลาลูบเคราสีขาวของเขาแล้วตอบว่า “เรื่องนี้…ตามที่เห็น เกรงว่าฮูหยินผู้นั้น…เกิดจากรีบกินเกินไป กินมากเกินไป”

“อย่างไรหรือ”

“ฮูหยินผู้นั้นเกรงว่าก่อนหน้านี้จะมีชีวิตสุขสบาย จากนั้นพลันหิวหนักมากจึงทำให้กระเพาะอาหารนั้นอ่อนแอ ต่อมาพลันกินเนื้อกินปลาเข้าไปในทันใด อีกทั้งยังกินเข้าไปเป็นจำนวนมาก…ถ้าหากสามารถ…ผ่าศพออกมา บางทีอาจจะรู้ว่าฮูหยินผู้นั้นกินอะไรเข้าไปบ้าง แต่ตอนนี้…” หมอส่ายหน้าพลางเอ่ย เมื่อเอ่ยจบแล้วยังส่ายหน้าพลางถอนหายใจ กล่าวต่อ “การกินมากเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพเลย”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *