หมอหญิงยอดมือสังหาร 753 ความผันแปร (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 753 ความผันแปร (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 753 ความผันแปร (2)
หนานกงมั่วยิ้มพลางเอ่ย “ทั้งสองเชิญนั่งก่อนเถิด วันนี้จวินมั่วมิได้อยู่ในเมือง ไม่อาจมาต้อนรับคุณชายใหญ่ฉินได้ ต้องขออภัยด้วย”

ฉินจื่อซวี่รีบส่ายศีรษะบอกว่าไม่เป็นไร เพียงเอ่ย “ก่อนที่ข้าจะจากจินหลิงมามีคนไหว้วานให้ข้านำจดหมายมาส่งให้เยี่ยนอ๋อง รบกวนฝากจวิ้นจู่ช่วยนำไปมอบให้ด้วยขอรับ”

ฉินจื่อซวี่หยิบจดหมายออกมาส่งไปตรงหน้าหนานกงมั่ว หนานกงมั่วประหลาดใจเล็กน้อย บนซองจดหมายมีเพียงชื่อของเยี่ยนอ๋อง ไม่ลงนามชื่อผู้ส่ง เพียงแต่หนานกงมั่วจำได้ว่าตัวหนังสือด้านบนนั้นเป็นของผู้ใด ดวงตาวูบไหวพร้อมกับพยักหน้าเบาๆ เรียกเวยเข้ามา ให้เขานำจดหมายไปยังจวนเยี่ยนอ๋อง

ซิงเวยถือจดหมายออกไปแล้ว หนานกงมั่วจึงหันมาเอ่ยกับสองพี่น้องด้วยรอยยิ้ม “เส้นทางจากจินหลิงมายังโยวโจวนั้นยาวไกล ร่างกายของซีเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง”

ฉินซีเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าสบายดี โชคดีที่ก่อนหน้านี้เจ้าให้คนส่งใบสั่งยามาให้” ตระกูลฉินไม่ว่าจะเบื้องบนหรือเบื้องล่างต่างรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณต่อหนานกงมั่ว ความซาบซึ้งใจนี้แม้จะไม่ได้ทำให้เกิดความเอนเอียงในเรื่องใหญ่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรความสัมพันธ์ย่อมดีกว่าความสัมพันธ์ที่มีต่อเซียวเชียนเยี่ย หากทั้งสองฝ่ายมีอำนาจสมดุล แน่นอนว่าตระกูลฉินต้องอยู่ฝ่ายหนานกงมั่ว ยิ่งไปกว่านั้นสองพี่น้องตระกูลฉินยังมีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างดีกับหนานกงมั่วอีกด้วย จุดยืนของตระกูลฉินเองแน่นอนว่าไม่อาจปรับเปลี่ยนได้ตามใจ

หนานกงมั่วมองสำรวจนางโดยละเอียดอีกครั้ง “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ข้าดูแล้วเห็นว่ามีชีวิตชีวากว่าเดิมมาก เดี๋ยวท่านอาจารย์ก็จะมา ไม่แน่ลองให้เขาตรวจดูอาการของเจ้าได้”

นับตั้งแต่ท้องของหนานกงมั่วใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ อาจารย์และอาจารย์อาก็เข้ามายังเมืองโยวโจวบ่อยมากขึ้น เยี่ยนอ๋องเองรู้ดีว่าพวกเขาไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับจวนเยี่ยนอ๋องจึงไม่ได้สนใจ ทำราวกับพวกเขาไม่มีตัวตนและไม่ไปดึงพวกเขาเข้ามาเป็นพวก กลับกันยิ่งทำให้ทั้งสองมองเยี่ยนอ๋องดีมากขึ้น หากอยู่ดีๆ เยี่ยนอ๋องเข้าหาพวกเขาเพื่อดึงพวกเขามาเป็นพวกเพื่อใช้ประโยชน์หรือทุกสองสามวันส่งคนไปเขาชุ่ยเวยทำดีเพื่อหวังผล ไม่แน่ว่าทั้งสองอาจไม่สนใจว่านางท้องอยู่แล้วพาตัวนางหนีไป

“ขอบคุณเจ้า มั่วเอ๋อร์” ฉินซีมองหนานกงมั่วไม่รู้จะเอ่ยอย่างไรดี ทำได้เพียงเอ่ยคำขอบคุณออกมาเบาๆ เดิมคิดว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่เกินสิบแปด แต่เพราะการปรากฏตัวของหนานกงมั่วทำให้ตนเองมีความหวังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีก อย่างน้อยก็ไม่ตายไปเร็วๆ นี้ ไม่ว่าตอนนี้ตนจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้มากเพียงใด ก็อยากขอบคุณนางเป็นที่สุด นางช่วยชีวิตของตนเอาไว้ แม้จะเคยชินกับตนเองที่ราวกับครึ่งเป็นครึ่งตาย ไหนเลยจะอยากตายจริงๆ เล่า เพียงแต่จนหนทางก็เท่านั้น

หนานกงมั่วตบลงบนหลังมือของอีกฝ่ายเบาๆ บ่งบอกว่าไม่ต้องใส่ใจ ฉินจื่อซวี่ยกมือประสานหันมายังหนานกงมั่ว เอ่ยอย่างจริงจัง “บุญคุณของจวิ้นจู่ที่มีต่อตระกูลฉิน ฉินจื่อซวี่ไม่อาจลืมได้”

หนานกงมั่วเลิกคิ้วด้วยรอยยิ้ม “ไม่เจอกันนาน คุณชายใหญ่ฉินเกรงใจเกินไปแล้ว”

ฉินจื่อซวี่ส่ายศีรษะ เอ่ย “มิใช่เกรงใจ เรื่องที่ข้าได้เอ่ยถามจวิ้นจู่และคุณชายเว่ยก่อนหน้านี้ ไม่รู้ยามนี้คงเดิมอยู่หรือไม่ขอรับ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้วฉงน “คุณชายฉินเอ่ยจริงหรือ” ครานั้นฉินจื่อซวี่บอกใบ้ว่าต้องการเป็นกำลังให้กับเว่ยจวินมั่ว เพียงแต่เอ่ยตามตรง เว่ยจวินมั่วเป็นเพียงบุตรชายขององค์หญิงเท่านั้น ต่อให้เป็นหลานของเยี่ยนอ๋อง เรื่องอันใดที่คุณชายใหญ่ฉินต้องมาอยู่ใต้บัญชา ฉินจื่อซวี่แตกต่างไปจากลิ่นฉังเฟิง ลิ่นฉังเฟิงเติบโตมาด้วยกันกับเว่ยจวินมั่ว แม้จะเป็นลูกน้องแต่ก็เป็นเพื่อนด้วย อีกทั้งลิ่นฉังเฟิงยังเรียกได้ว่าถูกไล่ออกจากตระกูลลิ่นแล้ว ฉินจื่อซวี่กลับต่างออกไป ฉินจื่อซวี่เป็นคุณชายใหญ่เชื้อสายหลักของตระกูลฉิน เป็นผู้สืบทอดคนต่อไปของตระกูลฉิน

“จริงแน่นอน”

หนานกงมั่วเอ่ย “คุณชายใหญ่ฉินทำเช่นนี้ ไม่กลัวส่งผลกระทบต่อตระกูลฉินหรือ”

ฉินจื่อซวี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “นับตั้งแต่ข้าออกมาจากจินหลิง ฉินจื่อซวี่ก็มิใช่คุณชายใหญ่ตระกูลฉินแล้ว”

หนานกงมั่วยักไหล่ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก ฉินจื่อซวี่วิ่งแจ้นออกมาทำเรื่องเช่นนี้คิดว่าคงไตร่ตรองมาดีแล้ว หลังจากนี้ไม่ว่าจะเกิดอันใดก็เป็นสิ่งที่เขาจะต้องยอมรับด้วยตนเอง ส่วนจะกล้าใช้เขาหรือไม่นั่นเป็นเรื่องของพวกเขาเอง หนานกงมั่วพยักหน้าเบาๆ แล้วจึงเอ่ยว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มิสู้ทั้งสองพักอยู่ที่เรือนชิงมั่วก่อนสักกี่วันหรือไม่ รอจวินมั่วกลับมาค่อยว่ากันอีกทีเป็นอย่างไร”

ฉินจื่อซวี่พยักหน้า “ขอบคุณจวิ้นจู่มาก”

ในห้องหนังสือจวนเยี่ยนอ๋อง เยี่ยนอ๋องถือจดหมายในมือพลางขมวดคิ้ว เงยหน้าขึ้นมาส่งจดหมายให้เนี่ยนหย่วนที่อยู่ด้านข้าง เอ่ย “เซี่ยหยวนทำเช่นนี้หมายความเช่นไร”

เนี่ยนหย่วนอ่านจบจึงวางจดหมายลง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เซี่ยโหวห่วงใยแผ่นดิน ห่วงใยต่อประชาชนเพียงเท่านั้น”

เยี่ยนอ๋องส่งเสียงหยัน เอ่ย “หรือเป็นข้าที่ผิดหรือ ต้องให้เผาตนเองตายไปแบบน้องสิบหรือ อีกทั้งจดหมายฉบับนี้ก็มิได้เหมือนกำลังเตือนข้า” เนี่ยนหย่วนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าเซี่ยโหวไม่มีทางทำเรื่องเหล่านี้ให้เสียเวลา ทว่าอยากเตือนท่านอ๋องสักเรื่องเท่านั้น เพียงแต่…นี่ก็เป็นการยืนยันปัญหาได้แล้วหนึ่งเรื่อง”

“ไต้ซือเชิญเอ่ย”

เนี่ยนหย่วนหลุบตาลง เอ่ยตอบ “เซี่ยโหวมองว่า เห็นชัดว่าแผ่นดินจะต้องวุ่นวายอย่างแน่แท้ ไม่ว่าฝ่าบาทจะลงมือก่อนหรือผู้ปกครองเมืองจะลงมือก่อน… มิเช่นนั้น เขาไม่มีทางเขียนจดหมายฉบับนี้ เพียงระวังไม่ทำให้ฝ่าบาทต้องสงสัย”

สีหน้าเยี่ยนอ๋องเข้มขึ้น จ้องมองเนี่ยนหย่วนนิ่ง เนี่ยนหย่วนถอนหายใจ “ท่านอ๋องยังไม่อาจตัดสินใจได้อีกหรือ ท่านอ๋อง…ฝั่งจินหลิงนั้นตั้งใจปลดผู้ปกครองเมืองอย่างชัดเจน ท่านอ๋องมีอำนาจทหารอยู่ในมือมากมาย ต่างวาระจากฉีอ๋อง ต่อให้ท่านยอมถอยหนึ่งก้าว ให้ท่านอ๋องอื่นๆ ถอยอีกกี่ก้าว เกรงว่าฮ่องเต้ก็คงยังไม่อาจนอนหลับได้ ยิ่งไปกว่านั้น คุณชายเว่ยและคนจินหลิงผู้นั้น ก็ยิ่ง…”

เยี่ยนอ๋องเอ่ยเสียงเข้ม “ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตา”

เนี่ยนหย่วนส่ายศีรษะ “น่าเสียดาย อดีตฮ่องเต้เชื่อ ฮ่องเต้เองก็เชื่อ และน่าเสียดายกว่านั้น โหราจารย์ในปีนั้นเองก็ตายไปแล้ว ต่อให้เป็นวาจาเหลวไหล…แล้วจะมีผู้ใดยืนยันได้”

เสียง ปัง ดังขึ้น ฝ่ามือของเยี่ยนอ๋องตบลงไปบนโต๊ะตรงหน้า เนี่ยนหย่วนหลุบตาลง สีหน้าเรียบเฉยราวกับไม่ได้ยินอันใด

เนี่ยนหย่วนถอนหายใจออกมา เอ่ย “อาตมาเองก็ไม่เชื่อโชคชะตา ยิ่งไม่เชื่อว่าโชคชะตาไม่อาจเปลี่ยนแปลง แต่ว่า…อาตมากลับคิดว่า แผ่นดินนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ดียิ่งกว่านี้ ด้วยเหตุนี้ ต่อให้ต้องตกนรก อาตมาก็ไม่เสียดาย”

เยี่ยนอ๋องเงียบไปนาน เอ่ยเสียงเข้ม “ไต้ซือกลับไปพักผ่อนก่อนเถิด เรื่องนี้ข้ามีแผนการ”

เนี่ยนหย่วนลุกขึ้น สองมือพนมขึ้น “ท่านอ๋องโปรดไตร่ตรองด้วย หากจินหลิงฝั่งนั้นลงมือควบคุมคนก่อน สถานการณ์จะไม่ดีต่อท่านอ๋อง”

“ข้ารู้แล้ว” เยี่ยนอ๋องเอ่ย

เนี่ยนหย่วนพยักหน้า ก่อนจะหมุนตัวออกไป

ภายในห้องหนังสือ เยี่ยนอ๋องถอนหายใจยาวเหม่อมองไปยังภาพวาดที่ถูกแขวนอยู่บนผนังไม่ไกล เนิ่นนานจึงเอ่ย “เสด็จพ่อ ลูกไม่กตัญญู…”

วันที่ยี่สิบแปดเดือนสาม เรือนชิงมั่วโกลาหลขึ้นมา เรือนของหนานกงมั่ว เหล่าสาวใช้กำลังยืนเฝ้าหน้าประตูอย่างเคร่งเครียด ด้านนอก กลุ่มคนทั้งนั่งทั้งยืนต่างมีจิตใจไม่สงบ คุณชายเสียนเกอนั่งอยู่ใต้ต้นไม้ในเรือนเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ด้านข้างห่างออกไปไม่ไกลจากเขา เซียวเชียนจย่งกำลังเดินกลับไปกลับมา เซียวเชียนชื่อแม้ใบหน้าจะไม่แสดงออก ท่าทางสง่างามกลับมีความนิ่งค้างมองออกว่าเขากำลังตื่นเต้น เมื่อเทียบกับพี่น้องทั้งสอง เซียวเชียนเหว่ยกลับดูสุขุมกว่ามาก ประคองพระชายาเยี่ยนอ๋องพร้อมปลอบประโลม หนานกงชวี่ยืนพิงเสา สีหน้าเรียบนิ่งทว่าเหลือบมองบานประตูที่ปิดสนิทอยู่เนืองๆ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *