หมอหญิงยอดมือสังหาร 382 เมืองเล็กอันแปลกประหลาด (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 382 เมืองเล็กอันแปลกประหลาด (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 382 เมืองเล็กอันแปลกประหลาด (2)
หนานกงมั่วเงยหน้าขึ้นมองเว่ยจวินมั่วที่ยืนอยู่ข้างๆ เว่ยจวินมั่วเอื้อมมือไปจับมือนางไว้ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจางๆ จากฝ่ามือของเขา หนานกงมั่วยิ้มเล็กน้อยและไม่เอ่ยอันใดให้มากความ

เดินตามเจ้าของโรงเตี๊ยมไปที่ห้องพักในเรือนด้านหลัง ตอนนี้ในโรงเตี๊ยมมีแขกเพียงสองคนคือพวกเขาเท่านั้น ทั้งโรงเตี๊ยมราวกับไม่มีใครอยู่เลย ว่างเปล่าและเงียบสงบจนทำให้คนรู้สึกเหงาเดียวดาย

พาพวกเขาไปยังห้องพักแล้ว เจ้าของโรงเตี๊ยมก็ออกไป เมื่อเข้าไปในห้อง หนานกงมั่วมองดูไปเรื่อย แม้ห้องจะไม่ใหญ่โตและดูโกโรโกโสอยู่บ้าง ทว่าพื้นห้องก็สะอาดทีเดียว เดินไปยังโต๊ะในห้องแล้วจึงนั่งลงข้างโต๊ะ หนานกงมั่วขมวดคิ้ว เอ่ย “เมืองนี้ช่างแปลกนัก” เว่ยจวินมั่วนั่งลงข้างๆ นางแล้วพยักหน้าเล็กน้อย “ในเมืองนี้มีแต่คนแก่และเด็กอ่อนแอบอบบาง ไม่มีชายวัยกลางคน กระทั่งพวกหญิงสาวก็มีไม่มากนัก อีกอย่างชาวเมืองยังดูเหมือนรังเกียจคนต่างถิ่นด้วย”

ฉับพลันที่พวกเขาเข้ามาในเมือง ล้วนมีหลายสายตาจับจ้องมายังพวกเขา สายตานั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายใดๆ ทว่าก็มีใช่สายตาหวังดี คล้ายกับเป็นความตื่นกลัว หวาดระแวง วิตกกังวล ราวกับว่าไม่ต้องการต้อนรับพวกเขาเท่านั้น

หนานกงมั่วขมวดคิ้ว เอ่ย “เมืองชิงสุ่ยแห่งนี้ไม่ได้มีอุทกภัย ว่ากันตามหลักแล้วเมืองนี้ควรจะมีคนอยู่เยอะถึงจะถูก” ชาวเมืองดั้งเดิมรวมถึงผู้เดือดร้อนเหล่านั้น ผู้เดือดร้อนที่ไม่สามารถเดินทางไปยังจินหลิงได้ก็จะต้องมากระจุกรวมกันในเมืองใกล้ๆ เช่นหลิงโจวแน่นอน ทว่ายามนนี้ที่นี่กลับเงียบสงบ เงียบจนเกินไปด้วยซ้ำ

เว่ยจวินมั่วยกมือขึ้นยกปอยผมทัดข้างหูของนางเบาๆ “ไม่ต้องกังวล อย่างไรก็ต้องรู้ให้ได้”

“อือ” หนานกงมั่วพยักหน้า

“แขกทั้งสองท่าน” เสียงของเจ้าของโรงเตี๊ยมดังมาจากด้านนอก ด้วยความสามารถในการฟังของทั้งคู่ย่อมได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาอยู่ก่อนแล้ว ทว่าเจ้าของโรงเตี๊ยมก็มิได้ตั้งใจจะซ่อนตัว ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ใส่ใจนัก

เว่ยจวินมั่วเปิดประตูออกไป เจ้าของโรงเตี๊ยมยืนโก้งโค้งอยู่หน้าประตู มีถาดรองชุดน้ำชาในมือ “ข้าน้อยยกน้ำชามาให้ท่านทั้งสองขอรับ”

“ขอบใจมาก” เว่ยจวินมั่วเอ่ยตอบแผ่วเบา แล้วหันตัวหลบไปด้านข้างเปิดประตูให้เขาเข้ามา

เจ้าของร้านดูจะกลัวเว่ยจวินมั่วอยู่เล็กน้อย วางชาไว้บนโต๊ะอย่างระมัดระวัง แล้วจึงเอ่ยกับหนานกงมั่วว่า “ตอนนี้ที่ร้าน…ไม่มีบริการอาหารแล้ว หากพวกท่านทั้งสองไม่ได้นำเสบียงอาหารแห้งมา ก็มีแต่อาหารธรรมดาๆ เท่านั้นขอรับ หากท่านทั้งสองไม่คุ้นชิน ประตูเมืองทิศตะวันออกมีหอเฟิงไหลเปิดอยู่ แต่…” มองไปยังหนานกงมั่ว เจ้าของโรงเตี๊ยมเอ่ยด้วยความยากลำบาก “เมืองนี้ไม่ปลอดภัย มืดค่ำแล้วอย่าออกไปไหนจะดีกว่าขอรับ”

หนานกงมั่วยิ้มเล็กน้อย พยักหน้าพลางเอ่ยว่า “ขอบใจเถ้าแก่มากที่แนะนำ เถ้าแก่…ไยเมืองชิงสุ่ยจึงดูร้างเช่นนี้เล่า”

เจ้าของโรงเตี๊ยมสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เอ่ย “เมืองนี้…คนงานออกไปทำงานที่เมืองหลิงโจวกันหมด เลยดูรกร้างไปเสียหน่อย ข้าน้อยไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคุณชายและฮูหยินแล้ว ข้าน้อย…ข้าน้อยขอตัวขอรับ” เจ้าของโรงเตี๊ยมรีบร้อนเดินจากไป ทั้งสองก็ไม่ได้ขวางทาง เห็นได้ชัดว่าเจ้าของร้านมีบางอย่างปิดบังพวกเขาอยู่ หรือว่าทุกคนในเมืองนี้จะถูกบังคับให้ปิดบังบางสิ่งจากผู้คนต่างถิ่น

“ไปดูหอเฟิงไหลด้วยกันหรือไม่” หนานกงมั่วเอ่ยถาม ในสถานการณ์ที่ในเมืองแทบจะร้างเช่นนี้ ทว่าร้านอาหารกลับยังเปิดอยู่ก็ดูแปลกประหลาดอยู่บ้าง ตอนที่พวกเขาเดินทางเข้ามานั้น ร้านค้าเกือบทั้งเมืองต่างปิดอยู่ทั้งหมด

เว่ยจวินมั่วพยักหน้าเล็กน้อย สายตามีร่องรอยครุ่นคิดบางอย่าง

ไม่จำเป็นต้องให้ทั้งสองออกไป เพียงไม่นานก็มีคนเข้ามาหาเอง พลันมีเสียงดังขึ้นจากนอกห้อง ได้ยินเสียงขัดขืนแว่วมา รวมถึงเสียงเรียกอย่างอ่อนแรงของเจ้าของโรงเตี๊ยม หนานกงมั่วและเว่ยจวินมั่วมองหน้ากันแล้วจึงลุกออกไป

ด้านนอกเรือนมีชายเจ็ดแปดคนปรากฏตัวขึ้นจากที่ใดไม่รู้ และผู้นำคนหนึ่งดูอายุราวยี่สิบสี่ยี่สิบห้าปีเท่านั้น รูปร่างหน้าตาไม่เลว ทว่าแฝงด้วยความเย่อหยิ่งและดุร้าย เขามองเจ้าของโรงเตี๊ยมแล้วจึงเอ่ย “ตาเฒ่า เจ้ากล้าหลอกข้า ข้าเพิ่งได้ข่าวมาว่าเจ้ามีหญิงงามในโรงเตี๊ยม แต่เจ้ากล้าปฏิเสธ”

ใบหน้าซูบผอมของเจ้าของโรงเตี๊ยมเต็มไปด้วยความขมขื่นและน่าสงสาร เอ่ยว่า “ข้ามิกล้าขอรับ…ในโรงเตี๊ยมมีเพียงคู่สามีภรรยา แล้วก็…ก็ไม่มีอันใดอีก…”

ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้นหัวเราะดังลั่น เอ่ย “ที่แท้ก็เป็นหญิงออกเรือนแล้ว ไม่เห็นจะเป็นไร ยังไม่เรียกพวกเขาออกมาอีก หากหญิงผู้นั้นหน้าตางดงามหยดย้อยปานนั้นจริง หากข้าถูกใจอาจจะตบรางวัลให้เจ้าก็ได้”

“นี่…นี่…”

เจ้าของโรงเตี๊ยมลังเล แต่ชายผู้นั้นไม่รีรออีก เตะชายชราแล้วเข้าไปทันที “แก่แล้วก็อย่ามาขวางทาง! เหล่าพี่น้อง เข้าไปดูด้วยกันเถิด หากพบหญิงงาม พวกเราพี่น้องคงจะได้สนุกกันแล้ว” ทุกคนส่งเสียงโห่ร้อง ต่างหัวเราะเสียงดังอย่างยินดี

“พวกเจ้ากำลังตามหาพวกเราอยู่หรือ” เสียงใสดังแว่วมาจากด้านในพร้อมด้วยรอยยิ้ม ทุกคนหันไปมองอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าพวกเขาเห็นชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่งยืนมองพวกเขาอยู่ไม่ไกล แม้ทั้งสองจะสวมเพียงชุดธรรมดาสามัญ ทว่าใบหน้ากลับ…ชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าเพียงมองผ่านก็อดชะงักไปไม่ได้ ชายผู้สวมเสื้อสีเขียวมีสีหน้าเย็นชา ดวงตาของเขาเฉียบคมราวกับมีด ใบหน้างดงามมากอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ขนาดที่ทำให้ผู้ชายด้วยกันอดรู้สึกอิจฉาอยู่ภายในใจไม่ได้ แต่ก็เท่านั้น ถึงจะหน้าตาดีสักเพียงใดก็เป็นชายอยู่ดี แต่หญิงในชุดสีฟ้าอ่อนนั้น…หลังจากครุ่นคิดชั่วครู่ ชายหนุ่มก็คิดออกได้เพียงคำเดียว ‘ปานเทพธิดา’

แม้พวกเขาจะเคยพบเจอหญิงสาวมาไม่น้อย ทว่าพวกเขาก็ไม่เคยเห็นหญิงที่งดงามถึงเพียงนี้มาก่อน สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดา เส้นผมสีดำสนิทมีเครื่องประดับผมสีฟ้าประดับไว้ คิ้วของหญิงสาวเรียวบางสวยงาม ทว่านางกลับมีบุคลิกเฉพาะตัวที่ไม่เคยพบเห็นจากหญิงคนใดมาก่อน ทั้งที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้กลับยิ้มออกได้หน้าตาเฉย ยิ่งทำให้นางดูงดงามและมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก

“สาวน้อย อยู่กับเจ้าหน้าอ่อนนี่ไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด สู้กลับไปกับพวกเราดีกว่า กินดีอยู่ดี รับรองว่าเจ้าจะมีชีวิตสุขสบาย” ชายผู้นั้นหันกลับมา เหลือบมองเว่ยจวินมั่วอย่างดูถูก แล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ให้หนานกงมั่ว

หนานกงมั่วเอาแขนข้างหนึ่งกอดแขนของเว่ยจวินมั่วไว้เพื่อป้องกันไม่ให้เขาลงมือ พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าจะพาข้าไปหรือ เพื่ออันใดหรือ”

ดวงตาชายหนุ่มฉายแวว เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าหญิงงามอย่างเจ้าต้องได้รับการเลี้ยงดูให้อยู่ดีกินดี มาอยู่โรงเตี๊ยมซ่อมซ่อกับชายผู้นี้ ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ ทนลำบาก น่าสงสารไม่น้อย เจ้าว่าหรือไม่”

คนที่อยู่ด้านหลังชายผู้นั้นมองไปยังเว่ยจวินมั่วที่มีใบหน้าเย็นชา รอยยิ้มมุ่งร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เอ่ย “หัวหน้า เอาตัวไอ้หน้าอ่อนนี่ไปด้วยได้ นำไปให้ท่านพี่หง ไม่ใช่ว่านางโปรดปรานชายหนุ่มงดงามหรอกหรือ” ชายผู้นั้นได้ยินดังนั้นก็คล้ายกับจะนึกอันใดได้ ลูบคางแล้วยิ้มให้เว่ยจวินมั่ว “เช่นนั้นแล้วก็เอาตัวกลับไปทั้งคู่”

เว่ยจวินมั่วหรี่ตาลงเล็กน้อย แขนของเขาถูกคนข้างๆ ดึงไว้ ก้มหน้ามองหนานกงมั่ว กลับเห็นนางกำลังยิ้มร่า “ชิงสิง พวกเราไปดูสักหน่อยเถิด โรงเตี๊ยมนี้ทั้งเก่าทั้งแคบ ข้าไม่อยากอยู่”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *