หมอหญิงยอดมือสังหาร 372 หลุมพรางที่ไร้ข้อโต้แย้ง! (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 372 หลุมพรางที่ไร้ข้อโต้แย้ง! (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 372 หลุมพรางที่ไร้ข้อโต้แย้ง! (2)
มองไปยังเฉียวเฟยเยียนอีกครั้ง ยิ้มเยาะแล้วเอ่ยว่า “เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่ ชายผู้นี้มิได้รักเจ้าเลย เขาแค่เพียงเห็นเจ้ารูปโฉมงามจึงอยากเชยชมเท่านั้น หากเขารักเจ้าจริง เหตุใดเขาถึงไม่ล้างแค้นแทนข้า”

เฉียวเฟยเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เอ่ย “อู่เอ๋อร์ เจ้าอย่าทำให้ท่านลุงหนานกงของเจ้าลำบากใจเลย หนานกงซูเป็นลูกสาวแท้ๆ ของเขา แม่รู้ว่าเจ้ามิได้รับความเป็นธรรม เป็นความผิดของแม่เอง…แม่ผิดเอง…”

“แน่นอนว่าเจ้าผิด!” เฉียวเย่ว์อู่เอ่ยทันที “หากเจ้าไม่มาหาผู้ชายไร้ประโยชน์เช่นนี้ ข้าจะกลายเป็นเช่นนี้ไปได้เยี่ยงไร ฉะนั้นทั้งหมดนี้เป็นความผิดของพวกเจ้า!”

“บังอาจ!” หนานกงไหวโกรธจัด “เฉียวเย่ว์อู่ ข้ายอมเจ้าเพราะเห็นแก่ที่เจ้าบาดเจ็บอยู่ เจ้ากลับไม่รู้ผิดชอบชั่วดี! เยียนเอ๋อร์เป็นแม่ของเจ้านะ”

เฉียวเย่ว์อู่หัวเราะเยาะ “ใช่น่ะสิ นางเป็นแม่ของข้า ข้ายังจำได้ว่าพ่อข้าเพิ่งตายไปไม่นานนี้ด้วย”

“เข้ามา มาจับนางผู้หญิงคนนี้ไป…”

“ท่านพี่หนานกง!” เฉียวเฟยเยียนรีบตะโกนออกไป “อู่เอ๋อร์ยังเจ็บอยู่นะเจ้าคะ”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องย้ำ!” เฉียวเย่ว์อู่กรีดร้อง “เจ้าไม่จำเป็นต้องคอยบอกว่าข้าเสียโฉม ว่าข้าถูกข่มขืนซ้ำๆ ซากๆ! หากมิใช่เพราะเจ้า มันจะเป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!”

เฉียวเฟยเยียนก้าวไปด้านหน้าสองก้าว ต้องการปลอบประโลมนาง “อู่เอ๋อร์ เจ้าอย่าตกใจไป อย่ากลัวไปเลย…ไม่เป็นไรนะ ไม่มีอันใด แม่อยู่ตรงนี้แล้ว…” น่าเสียดายที่เฉียวเย่ว์อู่มิได้ซาบซึ้งแม้แต่น้อย เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ใช่สิ สำหรับเจ้าแล้วก็คงไม่เป็นไร ใครจะไปรู้เล่าว่าเจ้ามีชายชู้มากี่คนแล้ว”

“เจ้า…” เฉียวเฟยเยียนโกรธจนหน้าซีด น้ำตาไหลไม่หยุด

“เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” หนานกงไหวออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จับหญิงผู้นี้ไปขังไว้ หากแผลหายแล้วให้ส่งตัวไปที่อารามแม่ชีนอกเมืองทันที หญิงที่ไร้ซึ่งความกตัญญูเก็บไว้จะมีประโยชน์อันใด” จริงอยู่ที่หนานกงไหวรักเฉียวเฟยเยียน ทว่าเขาก็มิใช่พ่อพระมาโปรด ถึงจะรักเฉียวเฟยเยียนก็มิได้หมายความว่าเขาต้องรักลูกทั้งสองของเฉียวเฟยเยียนด้วย ที่ทำดีต่อเฉียวเชียนหนิงและเฉียวเย่ว์อู่นั้นย่อมเป็นเพียงเพราะเห็นแก่หน้าเฉียวเฟยเยียนเท่านั้น ต่อให้เฉียวเชียนหนิงจะเชื่อฟังเขามากกว่านี้กี่เท่า หรือหนานกงชวี่จะยั่วโมโหเขามากขึ้นเพียงใดก็ตาม หนานกงไหวไม่เคยคิดจะยกตระกูลหนานกงให้เฉียวเชียนหนิงเลย

“ไม่ได้นะ” เฉียวเฟยเยียนขวางหนานกงไหวเอาไว้แล้วเอ่ยขึ้น ครั้งนี้หนานกงไหวไม่คิดจะฟังเฉียวเฟยเยียนอีกแล้ว เขากดเสียงเข้มเอ่ย “เยียนเอ๋อร์ ข้าเอ็นดูนางเพราะนางเป็นลูกสาวของเจ้าและเจ้ารักนาง แต่หากนางกลับกลายเป็นเช่นนี้ ต่อให้เจ้ารักนางเพียงใด นางก็อยู่ที่นี่ไม่ได้! จวนฉู่กั๋วกงของข้าจะไม่ปล่อยให้คนเสียสติวันๆ เอาแต่เอ่ยเรื่องไร้สาระอยู่ที่นี่เด็ดขาด เอาตัวนางไปขัง! พรุ่งนี้เช้าส่งตัวออกนอกเมือง! ในเมื่อความบริสุทธิ์ของนางได้ถูกทำลายลงไปแล้ว ก็หาใครสักคนในหมู่บ้านมาจับคู่ให้นางก็แล้วกัน” เฉียวเฟยเยียนส่ายหน้าอย่างร้อนใจ เมื่อเห็นว่าเฉียวเย่ว์อู่กำลังจะถูกหญิงสองคนลากออกไป เฉียวเฟยเยียนทนไม่ไหวจึงโพล่งออกมา “ไม่ได้นะ ท่านพี่หนานกง อู่เอ๋อร์…อู่เอ๋อร์เป็นลูกแท้ๆ ของท่านพี่!”

ภายในเรือนเงียบลงทันใด ทุกคนต่างมองไปยังเฉียวเฟยเยียนด้วยสีหน้าตกใจ เฉียวเฟยเยียนน้ำตานองหน้า มองหนานกงไหวแล้วเอ่ยว่า “ท่านพี่เฉียว ลืมไปแล้วหรือ สิบแปดปีก่อน…สิบแปดปีก่อน…”

หนานกงไหวสีหน้ามึนงงเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าต้องนึกถึงเรื่องใด สักพักก็มองไปที่เฉียวเย่ว์อู่ซึ่งหน้าตาบูดเบี้ยว จากนั้นจึงมองไปยังเฉียวเชียนหนิงที่ยืนตกตะลึงอยู่ด้านข้าง เฉียวเย่ว์อู่และเฉียวเชียนหนิงเป็นฝาแฝดชายหญิง หากเฉียวเย่ว์อู่เป็นลูกสาวแท้ๆ ของหนานกงไหว แสดงว่าเฉียวเชียนหนิงก็…

ด้านนอกเรือน หนานกงชวี่ยืนใบหน้าซีดเผือดอยู่ภายใต้แสงจันทร์ แม้ว่าในค่ำคืนมืดมิดทำให้มองเห็นใบหน้าของหนานกงชวี่ไม่ถนัด แต่หลินซื่อก็สัมผัสถึงไอเย็นชาที่แผ่มาจากร่างของหนานกงชวี่ได้ชัดเจน หลังจากยืนตัวสั่น หลินซื่อนึกอยากเอ่ยอันใดขึ้นมาบ้าง แต่หนานกงชวี่หันหลังเดินออกไปเสียก่อน หลินซื่อจึงได้แต่กระทืบเท้าและเหลือบมองภายในเรือนอย่างโกรธเคือง อยู่ๆ ก็ได้เลื่อนขั้นเป็นบุตรและบุตรีนอกสมรสของท่านพ่อ! น่าละอายยิ่งนัก หรือว่าเฉียวเฟยเยียนกับเฉียวเชียนหนิงยังคงต้องการแย่งชิงมรดกของจวนฉู่กั๋วกงจากสามีของนางกัน

เพียงข้ามคืนก็มีพี่สาวพี่ชายเพิ่มมา จะรู้สึกอย่างไรบ้าง

พระชายาผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงหัวเราะหึๆ

คุณชายรองจวนฉู่กั๋วกงแสดงท่าทีเอือมระอา ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขาจะอายุเพียงหนึ่งขวบและยังจำความไม่ได้ แต่ผู้คนในจินหลิงก็มิได้ตาบอดนะ อีกอย่างตอนที่สองเด็กนั่นเกิดมา น้องสาวคนเล็กของเขายังอยู่ในครรภ์มารดา อายุครรภ์เพียงสามเดือนเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ครอบครัวของเราไม่เคยมีเด็กพลัดหลงหายสาบสูญไป เช่นนี้จะนับลูกสาวลูกชายคนอื่นเป็นพี่น้องกันได้ด้วยหรือ

แน่นอนว่าหนานกงไหวยังไม่สมองฝ่อถึงขั้นประกาศว่าเขามีลูกชายและลูกสาวอยู่อีกให้คนอื่นรู้ในทันที เขาต้องการรู้ที่มาที่ไปของเฉียวเย่ว์อู่และเฉียวเชียนหนิงที่เมื่อก่อนเป็นถึงผู้สืบทอดและบุตรีแห่งหวาหนิงจวิ้นอ๋อง แม้ว่าหวาหนิงจวิ้นอ๋องจะถูกถอดถอนในภายหลังแต่ก็เคยเป็นราชวงศ์มาก่อน หากประกาศออกไป พฤติกรรมของเฉียวเฟยเยียนในตอนนั้นจะดูเป็นเช่นไร ความผิดฐานเบาคือไม่ยึดถือจารีตสตรี ทว่าหากเอ่ยถึงฐานหนัก นางย่อมมีความผิดฐานหลอกลวงกษัตริย์ สายเลือดราชวงศ์สับสน

ในคืนนั้นคนในเรือนที่ได้ยินคำพูดของเฉียวเฟยเยียนต่างถูกหนานกงไหวจัดการเก็บไป มีเพียงคนสนิทของหนานกงไหวเท่านั้นที่ยังอยู่รอด แต่แน่นอนว่าย่อมไม่สามารถปิดบังได้จากผู้ที่สอดรู้สอดเห็นอยู่ดี ต้องรู้ไว้ด้วยว่าทั้งหนานกงมั่วและหนานกงฮุยต่างรู้เรื่องกันหมดแล้ว แต่ทั้งคู่ทำราวกับว่าไม่รู้เห็นอันใดเลยและไม่มีปฏิกิริยาตอบรับแม้แต่น้อย

ก่อนหน้านี้ ถึงอย่างไรหนานกงไหวก็ไม่ถูกชะตาเฉียวเย่ว์อู่ แต่เมื่อตัวตนของนางเปลี่ยนไป มุมมองที่มีต่อนางจึงเปลี่ยนไปด้วย เดิมในสายตาของเขา เฉียวเย่ว์อู่เป็นคนอกตัญญูไร้เหตุผล แต่ยามนี้กลับกลายเป็นเพียงคนที่ถูกทำร้ายมาสาหัสจนสภาพจิตใจรับไม่ไหวจึงต้องระบายออกมาเท่านั้น เรื่องที่เฉียวเย่ว์อู่ผ่านมายิ่งทำให้รู้สึกสงสารนางมากขึ้นไปอีก ในทางกลับกันก็ยิ่งไม่พอใจหนานกงซูมากขึ้นด้วย

ถึงอย่างไรหนานกงไหวก็ยังหลงเหลือสติอยู่บ้าง แม้จะไม่พอใจหนานกงซูแต่ก็มิได้ทำอันใด ต่อให้เฉียวเย่ว์อู่จะร้องขอให้ล้างแค้นแทนนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า หนานกงไหวก็เพียงเลี่ยงไปเท่านั้น แต่เช่นนั้นก็ยังปวดหัวอยู่ไม่น้อย เฉียวเย่ว์อู่เป็นบุตรีของเขา หนานกงซูก็เป็นบุตรีของเขาเช่นกัน ไม่ว่าใครก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขทั้งคู่ ถึงแม้เป็นพี่น้องพ่อเดียวกันแต่ตอนนี้พวกนางเป็นศัตรูคู่แค้นกันไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่าวันข้างหน้าจะเข้าหน้ากันได้อย่างไร อีกด้านหนึ่ง เหตุการณ์ในราชสำนักก็ทำให้หนานกงไหวปวดหัวไม่น้อยเช่นกัน แม้ยามนี้เขาจะบรรลุข้อตกลงลับๆ กับเซียวเชียนเยี่ยแล้ว ถึงเซียวเชียนเยี่ยจะไม่ทำอันใดกับเขาแน่ ทว่าเซียวเชียนลั่วและเซียวเชียนหลิงย่อมไม่เป็นเช่นนั้น

เมื่อเปรียบเทียบกับตระกูลขุนนางเหล่านั้น หนานกงไหวยังนับได้ว่าภักดีอยู่มาก แต่ไม่ว่าจะอยู่ในลู่ในทางเพียงใด เขาก็ยังจำเป็นต้องรู้ข้อมูลวงในอยู่บ้าง การกวาดล้างของราชวงศ์ครั้งนี้ คนของเขาเองย่อมถูกกำจัดออกไปบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ สองวันมานี้เฉิงจวิ้นอ๋องจงใจตามจับผิดเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่เนืองๆ แล้วยังมีเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับเฉียวเฟยเยียนที่ถูกประณามไปทั่ว ทุกวันนี้ชีวิตของหนานกงไหวในราชสำนักจึงไม่ง่ายเอาเสียเลย

“ท่านพ่อ”

หนานกงมั่วไม่คิดว่าจะได้พบหนานกงไหวบนถนนสายหลักเช่นนี้ เป็นเวลาเกือบครึ่งเดือนแล้วที่บิดาและบุตรีได้พบกันหนสุดท้าย แน่นอนว่าการพบกันครั้งนั้นไม่น่าพอใจเลย ยามนี้สีหน้าของหนานกงไหวดูไม่ค่อยดีนัก ที่ด้านหลังหนานกงไหวมีเฉียวเย่ว์อู่ที่คลุมหน้าและเฉียวเชียนหนิงผู้สง่างามอยู่ด้วย หนานกงมั่วเลิกคิ้วขึ้น รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย วันนี้เฉียวเย่ว์อู่ออกมาเที่ยวเล่นได้แล้วหรือ ไม่ใช่แค่สภาพร่างกายดูปกติแล้วเท่านั้นทว่าร่างกายดูแข็งแรงดีทีเดียวเลย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *