หมอหญิงยอดมือสังหาร 857 นำทัพ ความแค้นของจูชูอวี้ (2)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 857 นำทัพ ความแค้นของจูชูอวี้ (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 857 นำทัพ ความแค้นของจูชูอวี้ (2)

โจวเซียงเอ่ย “หากเป็นเช่นนั้น ในเมื่อหนิงอ๋องยังไม่ได้ยกทัพอย่างเป็นทางการก็ยังมีโอกาสเปลี่ยนแปลงได้ ทว่าหากฝ่าบาทมีราชโองการออกไปจริงๆ จะเท่ากับเป็นการส่งหนิงอ๋องและกองกำลังไท่หนิงให้เยี่ยนอ๋องด้วยมือพระองค์เองนะพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวเชียนเยี่ยขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “แล้วจะปล่อยไปเช่นนี้หรือ” หนิงอ๋องไม่เพิกเฉยสนใจทูตที่เขาส่งไป และยังช่วยเว่ยจวินมั่วแอบแทงเขาลับหลัง หากเขาทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น แล้วฮ่องเต้อย่างเขาจะต่างอันใดกับเต่าที่หดหัวกันเล่า

“แน่นอนว่าเราจะปล่อยไปไม่ได้” จู่ๆ หันหมิ่นที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยขึ้นทันที “หากฝ่าบาททำเป็นว่าเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นก็ไม่อาจรับประกันได้ว่าผู้ปกครองเมืองที่เหลืออยู่จะไม่เอาเยี่ยงอย่าง กระหม่อมคิดว่าควรจะต้องเชือดไก่ให้ลิงดูพ่ะย่ะค่ะ”

โจวเซียงเห็นหันหมิ่นเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย “สหายหัน เวลานี้แล้วพวกเราจะเอาอันใดมาเชือดไก่ให้ลิงอย่างหนิงอ๋องดูหรือ” ทางเหนือของสีโจวคือเป่ยหยวน ทางตะวันตกคือซีอวี้ ทางตะวันออกกองกำลังราชสำนักกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดจากกองกำลังรักษาการณ์โยวโจว ส่วนเย่ว์โจวทางทิศใต้ตอนนี้ตกอยู่ในมือของเว่ยจวินมั่ว เรียกได้ว่า…ตราบใดที่ไม่มีการรุกรานจากต่างอาณาจักร ตอนนี้สีโจวก็นับเป็นสถานที่ที่สงบที่สุดในต้าเซี่ยแล้ว จะให้พวกเขาเพิกเฉยต่อโยวโจวแล้วหันไปรบกับสีโจวแทนเช่นนั้นหรือ หรือว่าจะให้พวกเขากำจัดเว่ยจวินมั่วก่อนแล้วค่อยขึ้นเหนือไปสีโจวหรือ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอันใดก็มีแต่จะเร่งให้หนิงอ๋องหันไปเข้ากับโยวโจวเร็วขึ้นเท่านั้น

หันหมิ่นแค่นเสียงหยันออกมาทันที “โจวเซียงแก่แล้วจริงๆ ความกล้าของท่านก็ลดลงไปด้วย”

โจวเซียงอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าลงเมื่อได้ยินคำนั้น เมื่อก่อนระหว่างเขาและหันหมิ่น เขาจะนำหน้าอยู่เสมอ เวลานี้หันหมิ่นเยาะหยันเขาต่อหน้าฮ่องเต้เช่นนี้ โจวเซียงมีหรือจะพอใจ

“กระหม่อมคิดเพื่อฝ่าบาทและแผ่นดินต้าเซี่ย แม้ว่าพี่หันต้องการล้างแค้นให้ลูกชายของท่านก็ต้องดูสถานการณ์ด้วย อย่าได้คิดจะใช้ฝ่าบาทและบ้านเมืองเป็นเครื่องมือแก้แค้นเรื่องส่วนตัว” โจวเซียงเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ หันหมิ่นโกรธจนหน้าเขียวหน้าแดง เซียวเชียนเยี่ยเห็นว่าทั้งสองกำลังจะทะเลาะกันแล้ว จึงรีบเอ่ยขึ้น “เอาล่ะ อาจารย์ทั้งสอง ข้ารู้ว่าพวกท่านคิดเพื่อข้าและบ้านเมือง เวลานี้พวกเราไม่ควรจะรบกันเอง ข้าจะเก็บคำพูดของอาจารย์ทั้งสองกลับไปคิดให้ดี แต่ว่าเรื่องเร่งด่วนยามนี้ก็ยังเป็นการส่งทหารไปสนับสนุนเฉินโจว”

ฮ่องเต้รับสั่งด้วยพระองค์เองเช่นนี้แล้วทั้งสองย่อมต้องไว้หน้าให้เกียรติ โจวเซียงพยักหน้าก่อนจะประสานมือ เอ่ย “ฝ่าบาทกล่าวถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ ไม่ทราบว่าฝ่าบาทวางแผนจะส่งใครไปนำทัพออกศึกหรือ”

เซียวเชียนเยี่ยทอดถอนใจ ราชสำนักมีขุนนางบุ๋นและขุนพลบู๊มากมายนับไม่ถ้วน ทว่าพอมาคิดดูให้ดีแล้วกลับมีคนที่ใช้งานได้ไม่มากนัก ก่อนหน้านี้กว่าเขาจะเลือกอี๋ชุนโหวออกมาได้ก็ไม่ง่ายเลย แต่อี๋ชุนโหวกลับไม่สามารถเอาชนะแม้แต่ขุนพลลูกน้องของเยี่ยนอ๋องทั้งสองได้ ทุกวันนี้อี๋ชุนโหวก็แพ้มากกว่าชนะ หากมิใช่เพราะตอนนี้ไม่สามารถหาคนที่เหมาะสมกว่านี้ได้ เซียวเชียวเยี่ยคงถอดเขาออกไปนานแล้ว

หลังจากที่เซียวเชียนเยี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดพลันเอ่ยขึ้น “จิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง นำทัพทหารหนึ่งแสนนายไปสนับสนุน”

เว่ยหงเฟยได้ยินเช่นนั้นก็ตกตะลึง ตามมาด้วยความรู้สึกยินดีอย่างมาก ตอนที่เขาถูกเรียกตัวเข้าวังมาก็ไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าเรื่องดีๆ เช่นนี้จะตกมาถึงเขาได้ เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าชั่วชีวิตนี้คงไม่ถูกฮ่องเต้เรียกใช้อีก อย่างไรก็ตามเว่ยหงเฟยยังไม่ทันได้กังวลนั่นนี่ ก็ได้ยินเซียวเชียนเยี่ยเอ่ยขึ้นมาอีก “เจ้านำกองกำลังมุ่งหน้าไปเอ้อโจว ร่วมมือกับแม่ทัพกุยฮว่าที่ประจำการอยู่ที่นั่น ให้แม่ทัพกุยฮว่าเป็นแม่ทัพใหญ่ เจ้าเป็นรองแม่ทัพ เอาเย่ว์โจวกลับคืนมา และนำศีรษะของเว่ยจวินมั่วและหนานกงมั่วกลับมาให้ข้าด้วย!”

สีหน้าของเว่ยหงเฟยเปลี่ยนแปลงไปมา เขาเป็นถึงจวิ้นอ๋อง หากเอ่ยถึงอายุเขาก็ยังเหมาะที่จะเป็นแม่ทัพใหญ่มากกว่าแม่ทัพกุยฮว่า ทว่ากลับให้เขาเป็นรองแม่ทัพ พอนึกถึงหลายวันก่อนที่ฝ่าบาทเอ่ยว่าเขาไม่เอาไหนทำสิ่งใดก็ไม่สำเร็จแล้วในใจเว่ยหงเฟยก็ยิ่งรู้สึกอับอายยิ่งนัก

“ขอฝ่าบาททบทวนรับสั่งด้วย” เว่ยหงเฟยยังไม่ทันจะได้เอ่ยอันใด หันหมิ่นก็เอ่ยออกมาเสียก่อน

“อาจารย์ว่าเช่นไรหรือ”

หันหมิ่นเอ่ย “ฝ่าบาทลืมอันใดไปแล้วหรือไม่ บุตรเขยของแม่ทัพกุยฮว่าคือหนานกงฮุย ซึ่งเป็นพี่ชายคนรองของซิงเฉิงจวิ้นจู่หนานกงมั่ว” ตอนนั้นจวนฉู่กั๋วกงทั้งบ้านถูกตัดสินว่ามีความผิด แต่หนานกงฮุยกลับไปรักษาชายแดนกับแม่ทัพกุยฮว่าเสียก่อนที่จวนฉู่กั๋วกงจะตกต่ำล่มสลาย ปีกลายแม่ทัพกุยฮว่าได้ย้ายไปประจำการที่เอ้อโจวเพื่อเป็นผู้บัญชาการกองกำลังรักษาการณ์ที่นั่น เมื่อมีแม่ทัพกุยฮว่าสนับสนุน อย่างน้อยๆ ตอนนี้หนานกงฮุยก็น่าจะขึ้นเป็นนายพันคนหนึ่งได้แล้ว

เซียวเชียนเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาลืมเรื่องนี้ไปจริงๆ ยามนี้พอมาคิดทบทวนดูให้ดีแล้ว ในบรรดาพี่น้องตระกูลหนานกงนั้นความสัมพันธ์ระหว่างหนานกงฮุยและหนานกงมั่วนั้นดีที่สุด ยากจะรับประกันได้ว่าหนานกงฮุยจะไม่…

“แม่ทัพกุยฮว่า…” ชั่วขณะนั้นเซียวเชียนเยี่ยเองก็รู้สึกไม่ไว้วางใจแม่ทัพกุยฮว่าขึ้นมาทันที

โจวเซียงเอ่ย “แม่ทัพกุยฮว่าจงรักภักดีต่อราชสำนัก ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องนั้นเลย ตอนนี้ฝ่าบาทยิ่งไม่ควรทำอันใดแม่ทัพกุยฮว่าเพื่อไม่ให้แม่ทัพคนอื่นๆ รู้สึกผิดหวังในตัวฝ่าบาท แต่ว่า…ฝ่าบาทสามารถโยกย้ายหนานกงฮุยและภรรยาของเขากลับมายังจินหลิงได้เพื่อไม่ให้พวกเขามีผลต่อการตัดสินใจของแม่ทัพกุยฮว่า” โดยนัยคือการกักตัวหนานกงฮุยและภรรยาของเขาไว้เป็นเชลยที่จินหลิง

เซียวเชียนเยี่ยครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน แล้วจึงเอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น…ผู้นำของทัพในครั้งนี้คือจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง แม่ทัพกุยฮว่าให้เป็นรองแม่ทัพ เว่ยหงเฟย ข้าจะให้โอกาสเจ้าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย อย่าทำให้ข้าผิดหวัง” ท้ายที่สุดแล้วการตัดสินใจของเซียวเชียนเยี่ยก็ยังคงได้รับอิทธิพลจากวาจาของหันหมิ่นอยู่ดี แม้ว่าความสามารถของแม่ทัพกุยฮว่าจะแข็งแกร่งกว่าเว่ยหงเฟย ทว่า…เช่นนี้จะปลอดภัยกว่าหน่อย เพราะอย่างน้อยต่อให้เว่ยหงเฟยจะไร้ประโยชน์ แต่เขาไม่กล้าทรยศหักหลังราชสำนัก นั่นเป็นเพราะ ต่อให้เว่ยหงเฟยอยากจะเข้าร่วมกับฝ่ายเยี่ยนอ๋อง เขาไปแล้วก็จะมีแต่ทางตายเท่านั้น

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!” เว่ยหงเฟยยินดียิ่ง รีบตอบรับเสียงดังทันที

เซียวเชียนเยี่ยโมโหเกรี้ยวกราดตั้งแต่เช้าจนรู้สึกเหนื่อยแล้ว จึงโบกมือ “เอาล่ะ ไปเตรียมตัวเถิด พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท กระหม่อมทูลลา” ทั้งหมดกล่าวโดยพร้อมเพรียง

“รายงานฝ่าบาท ม้าเร็วส่งข่าว เว่ยจวินมั่วนำทัพบุกยึดเฉินโจวและปิดล้อมเย่ว์โจวไว้ ผู้ว่าการเย่ว์โจวขอความช่วยเหลือพ่ะย่ะค่ะ” นอกประตู ทหารที่ส่งข่าวในชุดเปื้อนฝุ่นคุกเข่าลงกับพื้นแล้วรายงานอย่างรวดเร็ว

เพล้ง!

ถ้วยชาในมือของเซียวเชียนเยี่ยหล่นลงบนโต๊ะที่อยู่ตรงหน้า น้ำกระเซ็นไปทั่วร่างของเซียวเชียนเยี่ย เซียวเชียนเยี่ยตกตะลึงอยู่นานก่อนสติกลับคืนมา ทันใดนั้นก็ลุกขึ้นและจ้องทหารที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอยู่ครู่ใหญ่ เอ่ย “ข้ารู้แล้ว ออกไปเถิด”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

เซียวเชียนเยี่ยหลับตาอย่างเหนื่อยล้า เขาฝืนเรียกพลังก่อนจะกัดฟันเอ่ย “เรียกตัวขุนนางทั้งหมดไปหารือเรื่องนี้กันที่ห้องหนังสือ”

“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”

บรรยากาศในวังหลวงของจินหลิงอึมครึมมืดมน แต่ที่จวนเยี่ยนอ๋องในโยวโจวกลับเต็มไปด้วยความสุข ภายในเรือนของพระชายาเยี่ยนอ๋อง องค์หญิงฉังผิงกำลังนั่งอยู่ในโถงชมดอกไม้พร้อมกับทารกน้อยทั้งสอง นางกำลังสนทนากับพระชายาเยี่ยนอ๋อง พระชายาเยี่ยนอ๋องมองดูทารกทั้งสองที่นอนเคียงข้างกันในเปลตรงหน้าองค์หญิงฉังผิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอิจฉา ทารกทั้งสองมีอายุสามเดือนกว่าแล้ว ทั้งสองเกิดมามีสุขภาพดีและได้รับการดูแลอย่างดี ตอนนี้พวกเขาพลิกตัวได้เองแล้ว มองดูทารกน้อยทั้งสองซึ่งหน้าตาเหมือนกันทุกประการนอนอยู่ในเปลอย่างว่าง่ายและกำลังทำปากจ๊อบแจ๊บ นึกถึงหลานสาวตัวน้อยของนางที่อายุเกือบสามขวบแล้ว พระชายาเยี่ยนอ๋องก็มีแต่ความอิจฉาในใจ แต่ว่า…เมื่อมองไปที่ซุนเหยียนเอ๋อร์ซึ่งกำลังท้องโตใกล้คลอด พระชายาเยี่ยนอ๋องก็มีรอยยิ้มประดับใบหน้าขึ้นมาทันที ท่านหมอบอกว่าเด็กคนนี้เป็นเด็กผู้ชายด้วย อีกไม่นานนางก็จะได้อุ้มหลานชายแล้วเหมือนกัน

จูชูอวี้นั่งอยู่ด้านข้าง ไม่เอ่ยอันใดมากราวกับคนไม่มีปากมีเสียง เพียงแต่มือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อยังคงลูบไล้หน้าท้องของตนเองโดยไม่รู้ตัว นางและซุนเหยียนเอ๋อร์แต่งเข้ามาพร้อมกัน ในขณะที่ลูกของซุนเหยียนเอ๋อร์ใกล้คลอด ทว่านางกลับยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกเลยสักนิด ตัวนางย่อมไม่ได้รอคอยการมาของเด็กเพียงนั้น แต่ก็รู้ว่าต้องมีลูกเพื่อจะได้มีความมั่นคงในจวนเยี่ยนอ๋องแห่งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นพระชายาเยี่ยนอ๋องเองก็ได้แอบเตือนนางหลายครั้งแล้ว แต่เรื่องนางจะมีลูกหรือไม่กลับไม่ได้ขึ้นอยู่กับนาง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *