หมอหญิงยอดมือสังหาร 2 หนานกงมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 2 หนานกงมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรชายคนโตแห่งตระกูลหนานกงที่อยู่ด้านข้างนั้นขมวดคิ้วขึ้น เอ่ยปาก “น้อง นี่เจ้าทำอะไร เว่ยจวินมั่วเป็นผู้สืบทอดของจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง โอรสขององค์หญิงฉังผิง เมื่อเจ้าแต่งงานกับเขา เจ้าจะได้เป็นถึงชายาเอกของจวิ้นอ๋อง เจ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีกหรือ”

ใบหน้างดงามของหนานกงซูเต็มไปด้วยน้ำตา ยิ่งดูน่าเอ็นดูมากขึ้น กัดริมฝีปากแน่น เอื้อนเอ่ยแผ่วเบา “ใครบ้างจะไม่รู้ว่าเว่ยจวินมั่วจะไม่ได้เป็นจิ้งเจียงจวิ้นอ๋อง…”

“บังอาจ” เสียงมีอำนาจของหนานกงไหวเอ่ยขึ้น “เจ้าเอ่ยเหลวไหลอันใดกัน ผู้สืบทอดของจวิ้นอ๋องใช่ผู้ที่เจ้าจะกล่าวถึงได้ตามใจชอบหรือ”

หนานกงซูซ่อนตัวอยู่ในอ้อมอกของหนานกงฮูหยิน ทว่ากลับยังคงเอ่ยออกมาอย่างดึงดัน “ท่านพ่อคำพูดของท่านเก็บไว้หลอกชาวเมืองที่ไม่รู้อะไรพวกนั้นเถอะ ในวังหลวงมีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าผู้สืบทอดของจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงนั้นเป็นเพียงสัตว์ประหลาดอัปมงคล เพียงคิดถึงเรื่องนี้ ลูกก็นึกรังเกียจ…ให้ตายลูกก็ไม่แต่ง”

“ลูกไม่รักดี” หนานกงไหวกล่าวด้วยความโกรธ องค์หญิงฉังผิงเป็นองค์หญิงที่ฮองเฮาองค์ก่อนโปรดปรานมากที่สุด ฝ่าบาททรงระลึกถึงฮองเฮาองค์ก่อน จึงโปรดปรานองค์หญิงมากยิ่งขึ้น ใครจะรู้ว่า…หลังจากองค์หญิงฉังผิงแต่งงานกับจิ้งเจียงจวิ้นอ๋องไปแล้วกลับคลอดบุตรชายดวงตาสีม่วงออกมาก่อนกำหนด จิ้นเจียงจวิ้นอ๋องผู้ไม่ได้มีดวงตาแปลกประหลาดผนวกรวมกับองค์หญิงผู้คลอดโอรสก่อนกำหนด ที่มาที่ไปของเด็กคนนี้กลายเป็นเรื่องลึกลับ แม้จิ้นเจียงจวิ้นอ๋องจะไม่ได้เอ่ยอะไรถึงตัวตนขององค์หญิง แม้ฮ่องเต้จะทรงเอ็นดูองค์หญิงมากเพียงใดก็มิอาจโต้แย้งอย่างไร้เหตุผลได้ เพราะเหตุนี้จิ้งเจียงจวิ้นอ๋องจึงกลายเป็นราชบุตรเขยหนึ่งเดียวที่รับนางสนมได้หลายคน

หนานกงซูดึงชายเสื้อของหนานกงไหวด้วยความระมัดระวัง เอ่ยด้วยเสียงหวาน “ท่านพ่อ ท่านทูลกับฝ่าบาทแทนซูเอ๋อร์นะเจ้าคะ ซูเอ๋อร์ไม่อยากแต่งงานกับเว่ยจวินมั่ว ฝ่าบาทไม่มีทางลงโทษท่านพ่อแน่นอนเจ้าค่ะ”

หนานกงไหวลังเลอยู่ชั่วครู่ ท้ายที่สุดยังคงส่ายหน้าตอบกลับไป “เหลวไหล การแต่งงานที่ฮ่องเต้พระราชทานมาให้นับเป็นของขวัญล้ำค่า จะปฏิเสธได้เยี่ยงไร เจ้าเลิกคิดเหลวไหลได้แล้ว เตรียมตัวแต่งงานออกไปเถอะ”

“ไม่…” เมื่อเห็นว่าหนานกงไหวกำลังจะเดินออกไป หนานกงซูจึงกัดฟันเอ่ยเสียงเบา “ลูก…ลูกกับเย่ว์จวิ้นอ๋อง…เราให้คำมั่นสัญญาจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต”

“อะไรนะ” หนานกงไหวตกใจจนหน้าถอดสี หันกลับมามองหนานกงซูที่อยู่ตรงหน้า

หนานกงซูมีรูปร่างเล็กบอบบางตามแบบฉบับสตรีเจียงหนานดั่งแม่ของนาง ด้วยรูปลักษณ์ที่ละเอียดอ่อนและสง่างามมีเสน่ห์ จึงถูกขนานนามว่าเป็นสาวงามอันดับหนึ่งของเมือง เวลานี้ยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นบิดา ดวงตาคู่นั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ท่าทางอย่างสาววัยแรกแย้มของบุตรสาวยิ่งน่าสงสารมากยิ่งขึ้น

แท้จริงแล้วเหตุผลต่างๆ เหล่านั้นล้วนเป็นเพียงข้ออ้าง เหตุผลแท้จริงนั้นมีอยู่เพียงประการเดียว

“เหตุใดเจ้า…เจ้า…” หนานกงไหวมีท่าทีตระหนกไม่น้อย เดิมเขามีกิจมากมาย เรื่องในบ้านจึงยกให้ฮูหยินเป็นคนจัดการ ไม่คิดว่าบุตรสาวผู้ว่านอนสอนง่ายจะไปให้คำมั่นสัญญากับใคร ซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นหวงจั่งซุน[1]อีกด้วย

หนานกงซูกัดฟันแน่น เอ่ยเสียงเบา “องค์ชายทรงรับปากแล้ว อีกไม่นานพระองค์จะมาสู่ขอข้าเป็นแน่แท้”

“เย่ว์จวิ้นอ๋องมีชายาเอกแล้ว” หนานกงไหวกัดฟันเอ่ย ชายาเอกของเย่ว์จวิ้นอ๋องคือบุตรีของตระกูลหยวนแห่งแคว้นเอ้อ เป็นตระกูลขุนศึกเช่นเดียวกัน ฐานะไม่ต่างจากตระกูลหนานกง เย่ว์จวิ้นอ๋องยังคิดจะรับชายาเพิ่มอีกหรือ แต่ตระกูลหนานกงและตระกูลหยวนคงไม่มีทางยอมให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเป็นแน่

หนานกงซูเอ่ยทั้งน้ำตา “ลูก…ลูกยอมเป็นชายารอง ท่านพ่อได้โปรดเมตตา”

หนานกงไหวกัดฟัน “นี่ใช่เรื่องเมตตาหรือไม่เมตตาด้วยหรือ เจ้าเป็นบุตรีของตระกูลหนานกง มิยินยอมเป็นชายาเอก แต่กลับต้องการเป็นชายารองอย่างนั้นน่ะหรือ เจ้าช่างทะเยอะทะยานซะจริง”

“แต่ว่า…ลูกรักหวงจั่งซุนด้วยใจจริงนะเจ้าคะ” หนานกงซูเอ่ยทั้งน้ำตา

“ท่านพี่…” หนานกงฮูหยินมองบุตรสาวด้วยความสงสาร ทนไม่ไหวเอ่ยบอก “ท่านพี่ ซูเอ๋อร์ก็ไม่ได้ทำอันใดผิดเลย ยิ่งไปกว่านั้น…อย่างไรฐานะของเย่ว์จวิ้นอ๋องก็ดีกว่าผู้สืบทอดของจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงนะเจ้าคะ”

หากอยู่ในฐานะชายาเอกของผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง ทว่าต่อไปอย่างไรเขาก็เป็นได้แค่จวิ้นอ๋อง ทว่าเมื่อแต่งกับเย่ว์จวิ้นอ๋องนั้นกลับแตกต่าง เย่ว์จวิ้นอ๋องเป็นบุตรของรัชทายาท ถึงแม้แต่งไปแล้วจะเป็นเพียงชายารองก็ตาม แต่ต่อไปซูเอ๋อร์จากตระกูลหนานกงก็จะได้ขึ้นเป็นชายาพระโอรสของฮ่องเต้

หนานกงไหวเอ่ยคัดค้านขึ้น “ความคิดของสตรี หากซูเอ๋อร์ปฏิเสธการแต่งงานของผู้สืบทอดจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงแล้ว เจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะทรงยอมให้นางแต่งเข้าจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องอีกหรือ เจ้าคิดว่าลูกหลานฮ่องเต้เป็นผักกาดขาวที่เจ้าจะเลือกได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ” ถึงแม้เว่ยจวินมั่วจะไม่ได้มีความสำคัญ ทว่าอย่างไรเขาก็ยังเป็นพระราชนัดดาของฝ่าบาท เช่นนี้แล้วคงไม่อาจปล่อยให้คนในปกครองทำตามใจชอบได้

หนานกงฮูหยินชะงัก นางมัวแต่ยินดีที่บุตรสาวได้รับความรักใคร่จากหวงจั่งซุน ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท เกิดรู้สึกลังเลขึ้นมาในทันใด “เช่นนั้นแล้ว…ควรทำเยี่ยงไรเล่า”

หนานกงซูมองราชโองการที่วางอยู่บนโต๊ะ ดวงตาวาววาบขึ้น กัดริมฝีปากแล้วเอ่ยขึ้น “ราชโองการบอกเพียงว่า…พระราชทานสมรสแก่บุตรีตระกูลหนานกง ตระกูลหนานกง…ไม่ได้มีข้าเป็นบุตรีเพียงผู้เดียวสักหน่อย มิใช่ว่ายังมีอีกคนอยู่หรอกหรือ”

ห้องทั้งห้องเงียบลงไป

หนานกงชวี่และหนานกงฮุยบุตรชายรองต่างก็นิ่งอึ้ง มองไปยังหนานกงไหวช้าๆ หนานกงไหวมีท่าทีตกใจเล็กน้อย ทว่าหนานกงฮูหยินมีท่าทางตกตะลึงอย่างมาก ชั่วครู่ถัดมาจึงค่อยยิ้มและตบมือเสียงดัง “จริงสิ ซูเอ๋อร์พูดถูกแล้ว ท่านพี่คงยังไม่ลืม ตระกูลหนานกงของเรายังมีบุตรีอีกคน จะว่าไปแล้ว ชิงเอ๋อร์อายุมากกว่าซูเอ๋อร์กว่าปีครึ่ง หากต้องแต่งก็ต้องให้พี่สาวแต่งก่อนอยู่แล้ว”

เห็นท่าทีกังวลของบิดา หนานกงซูจึงรีบเอ่ย “ท่านพ่อ หลายปีแล้วที่พี่สาวไม่ได้กลับจวน ท่านพ่อควรเป็นห่วงเรื่องการแต่งงานของพี่สาวได้แล้วนะเจ้าคะ เมื่อเป็นเช่นนี้ ให้พี่สาวแต่งเข้าไปเป็นชายาผู้สืบทอดของจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียงก็ไม่ได้น่าละอายมิใช่หรือ ท่านพ่อได้โปรดเห็นด้วยกับลูก”

หนานกงไหวเงียบอยู่เนิ่นนาน เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “สละตำแหน่งชายาผู้สืบทอดของจวิ้นอ๋องแห่งจิ้งเจียง เจ้าไม่เสียใจแน่หรือ”

หนานกงซูได้ยินเช่นนั้นก็รับรู้ได้ถึงความหวัง ยืนยันหนักแน่น “ไม่แน่นอนเจ้าค่ะ”

หนานกงไหวถอดถอนหายใจพลางเอ่ย “ช่างเถอะ ชวี่เอ๋อร์ ฮุยเอ๋อร์ ไปรับชิงเอ๋อร์กลับจวนเถอะ”

“ท่านพ่อ…”

หนานกงชวี่มองสบตากับหนานกงฮุยเล็กน้อย เอ่ยด้วยท่าทีลังเลอยู่บ้าง

หนานกงไหวโบกมือ “ไปเถอะ ชิงเอ๋อร์ก็โตแล้ว ควรไตร่ตรองเรื่องแต่งงานได้แล้ว”

“ขอรับ ท่านพ่อ” หนานกงชวี่ตอบรับเสียงเบา ในหัวปรากฏภาพแผ่นหลังของร่างบางที่ตัดสินใจแน่วแน่เพื่อไปจากจวนแคว้นฉู่ พี่สาวของเขา บุตรีคนโตของตระกูลหนานกง หนานกงชิง

ฉูโจว เมืองตานหยาง

เดิมเมืองตานหยางเป็นเมืองเล็กๆ แต่เพราะเป็นดินแดนของจักรพรรดิผู้ก่อตั้งราชวงศ์เซี่ยที่ยิ่งใหญ่ ทำให้ถูกขนานนามว่าดินแดนมังกร แม้ราชวงศ์จะตั้งเมืองหลวงอยู่ที่อิงเทียน ทว่าเมืองตานหยางก็ยังถูกทำนุบำรุงขึ้นมาใหม่ สร้างพระราชวังขึ้นอีกแห่ง ทุกๆ ปีจะมีเหล่าเชื้อพระวงศ์เสด็จมาสักการะบรรพบุรุษด้วยตนเอง

หมู่บ้านซีเฟิงในเมืองตานหยางเองก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ทว่าหมู่บ้านแห่งนี้นั้นมีบุคคลสำคัญอยู่ ฉู่กั๋วกง ขุนพลผู้มีชื่อเสียง วีรบุรุษร่วมก่อตั้งราชวงศ์เซี่ยที่ยิ่งใหญ่ หนานกงไหวนั่นเอง

แม้ว่าคนในตระกูลหนานกงต่างพากันย้ายตามหนานกงไหวมาอยู่ในเขตพระราชฐาน ทว่าที่อยู่อาศัยเดิมในหมู่บ้านซีเฟิงนั้นยังคงมีอยู่ ชาวเมืองต่างภาคภูมิใจในตัวบุคคลสำคัญของพวกเขา ซ้ำยังให้เกียรติและเกรงในอำนาจของตระกูลหนานกงอีกด้วย ในปีเดียวกันกับการสถาปนาราชวงศ์เซี่ยได้มีการระดมทุนเพื่อบูรณะสถานที่พักอาศัยให้แก่ตระกูลหนานกง หลังจากนั้น จักรพรรดิในสมัยนั้นยังได้พระราชทานหมู่บ้านซีเฟิงและพื้นที่โดยรอบให้แก่ฉู่กั๋วกง พูดได้ว่าหมู่บ้านซีเฟิงทั้งหมดนั้นล้วนเป็นของตระกูลหนานกง

………..

[1] หวงจั่งซุน หมายถึง ตำแหน่งหลานของอ๋อง ลูกของรัชทายาท

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *