หมอหญิงยอดมือสังหาร 155 ข่าวคราวของผู้สูญหาย (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 155 ข่าวคราวของผู้สูญหาย (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชายวัยกลางคนพานายทหารสี่คนแยกตัวออกไป หนานกงมั่วเดินออกมาพลันเห็นเวยยืนถือดาบเฝ้าอยู่ตรงนั้น เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรอนางอยู่ หนานกงมั่วรีบเดินเข้าไปหา เอ่ยถาม “มีข่าวหรือยัง” เวยส่ายหน้าพลางเอ่ยตอบ “ฝังส่งข่าวแล้วว่าให้คนที่อยู่ใกล้ๆ รีบมาที่นี่ขอรับ” เดิมทีเวยนั้นพูดน้อย แต่ยามนี้ฝังไม่อยู่ เขาต้องพูดมันออกมาด้วยตนเอง น้ำเสียงค่อนข้างแข็งกระด้าง

หนานกงมั่วพยักหน้า “พวกเราก็ไปกันเถิด”

คนที่ตกลงไปในน้ำใช่ว่าจะตามหาได้ง่ายๆ เพราะเขาอาจะถูกกระแสน้ำเชี่ยวพัดไปตามน้ำ หรืออาจถูกคนจับตัวไปแล้ว หรืออาจถูกคนช่วยเอาไว้ กระทั่งอาจจมลึกลงไปในน้ำก็เป็นได้ ทว่าไม่ว่าจะเป็นหนานกงมั่วหรือคนอื่นๆ ต่างก็ไม่ละทิ้งความหวัง จากมุมมองของหนานกงไหวและแม่ทัพอื่นๆ เว่ยจวินมั่วนั้นเป็นโอรสขององค์หญิงฉังผิง หลานคนโปรดของฝ่าบาท แต่สำหรับคนวังจื่อเซียวแล้ว แม้เว่ยจวินมั่วจะมิใช่เจ้าสำนักที่มีชื่อเสียงของวังจื่อเซียว แต่กลับเป็นผู้ที่น่าเคารพยกย่องอยู่ในใจของพวกเขาทุกคน และสำหรับหนานกงมั่ว…เว่ยจวินมั่วคือชายที่สัญญากับนางว่าจะเล่นเป็นเพื่อนนางไปตลอด แม้นางจะยังไม่มั่นใจว่าตนเองนั้นมีความรู้สึกต่อเว่ยจวินมั่วในแบบที่ชายหญิงมีให้กันหรือไม่ แต่อย่างน้อย…สำหรับนางแล้วเว่ยจวินมั่วนั้นแตกต่างจากคนอื่น

คนของวังจื่อเซียวมาถึงเร็วไว เว่ยจวินมั่วอยู่ในยุทธภพมานานหลายปีทว่าไม่เคยมีผู้ใดรับรู้ หนึ่งในเหตุผลนั้นอาจเป็นเพราะว่าวังจื่อเซียวไม่เคยยุ่งเรื่องการแก่งแย่งกันในราชสำนัก แน่นอนว่าบางทีอาจเป็นเพราะการสนับสนุนลับๆ จากใครบางคน แต่ว่าตอนนี้ คุณชายของพวกเขาหล่นลงน้ำหายไปแล้ว ทุกคนจึงไม่สนใจสิ่งใด คนที่ล่องลอยอยู่ในยุทธภพและอยู่บริเวณใกล้ๆต่างรีบมาโดยไว และหนึ่งในนั้นย่อมรวมไปถึงลิ่นฉังเฟิงที่หายหน้าหายตาไปนาน

เมื่อเห็นหนานกงมั่วที่นี่ ลิ่นฉังเฟิงเองก็ตกใจ ไม่นานนักก็ถอนหายใจออกมาและเอ่ยขึ้น “แม่นางมั่วปรากฏตัวอยู่ที่นี่ ไยข้าจึงไม่แปลกใจเลยสักนิด”

หนานกงมั่วเอ่ยเสียงเรียบ “ที่แท้คุณชายฉังเฟิงก็คือเจ้าสำนักวังจื่อเซียวที่โด่งดังนี่เอง ข้ากลับตกใจไม่น้อย”

“มีชื่อเสียงโด่งดังหรือ” ลิ่นฉังเฟิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ วังจื่อเซียวเรียกไม่ได้ว่ามีชื่อเสียงโด่งดัง อำนาจของพวกเขาและหอธารานั้นล้วนแล้วแต่มีอยู่อย่างลับๆ บางครั้งพวกเขายังคอยบงการอำนาจมากมายอยู่ในมุมมืด แต่คนที่รู้จักพวกเขาจริงๆ นั้นมีไม่มาก แม้กระทั่งคนในยุทธภพก็ใช่ว่าทุกคนจะรู้จัก คนที่มิได้อยู่ในยุทธภพยิ่งแทบไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ และที่โด่งดังที่สุดสำหรับวังจื่อเซียวก็คงเป็นเหล่ามือสังหาร ทว่าหนานกงมั่วกลับรู้ดี วังจื่อเซียวมิได้มีเฉพาะมือสังหารเป็นแน่

“เจ้าสำนัก” ด้านข้างมีคนเอ่ยเตือนขึ้นมา

ลิ่นฉังเฟิงชะงัก นึกขึ้นได้ว่าเว่ยจวินมั่วหายตัวไป พลันยกมือขึ้นกุมขมับ พลางเอ่ยปลอบหนานกงมั่ว “เจ้าวางใจ แม้ข้าจะไม่รู้ว่ายามนี้เว่ยชิงสิงไปอยู่ที่ใด แต่ข้ารับรองได้ว่าเขายังไม่ตาย เขามิใช่ผู้ที่จะตายได้ง่ายๆ” หนานกงมั่วพยักหน้า “ข้ามิได้กังวล ตอนนี้ถึงเขาจะตาย ทรัพย์สมบัติก็ยังมิใช่ของข้า”

ได้ยินดังนั้น ลิ่นฉังเฟิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา มองหนานกงมั่วพลางถอนหายใจ “เจ้าเอ่ยเช่นนี้…จวินมั่วกลับมาอาจเสียใจได้”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว “หรือข้าควรพูดว่า ให้เขารีบตายไปเสีย ข้าจะรับทรัพย์สมบัติของเขาเอาไว้เองอย่างนั้นหรือ” เราทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งงานสักหน่อย ทรัพย์สมบัติของเว่ยจวินมั่วตกไม่ถึงมือนางแน่ ดังนั้น…อย่าพึ่งตายจะดีกว่า

“เจ้าสำนัก สตรีผู้นี้เป็นใครกันขอรับ จึงกล้าเสียมารยาทต่อคุณชายถึงเพียงนี้” หญิงชุดดำเอ่ยขึ้น อดไม่ได้จ้องหนานกงมั่วเขม็ง ลิ่นฉังเฟิงเอ่ย “คนนี้น่ะหรือ คนนี้ก็คือว่าที่ภรรยาของคุณชายของพวกเจ้าอย่างไรเล่า ว่าที่นายหญิงของพวกเจ้า ดังนั้น…นางพูดสิ่งใดก็ตามนั้น พวกเจ้าคงเข้าใจ” เจ้าสำนักของพวกเจ้ายังต้องเชื่อฟังนางอยู่นี่ไง

คนที่นั่งอยู่สีหน้าพลันเปลี่ยน สายตาที่มองมายังหนานกงมั่วก็สับสนวุ่นวาย หนานกงมั่วกวาดตามองทุกคนไปรอบหนึ่ง เอ่ยถาม “มีข่าวหรือไม่”

ทุกคนนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพากันส่ายหน้าออกมา หลายวันมานี้พวกเขาออกตามหาไปตลอดทางน้ำจนถึงปลายน้ำในทุกหนทุกแห่ง แต่ก็ไม่พบร่องรอยการหายตัวไปของคุณชายแม้เพียงเล็กน้อยเลย แม้เมื่อครู่ลิ่นฉังเฟิงจะบอกให้วางใจได้ ทว่าในใจลึกๆ ทุกคนล้วนแล้วแต่กังวล ยามนี้สิ่งที่กลัวที่สุดก็คือเว่ยจวินมั่วจมลึกและถูกพัดออกไปไกล

ทะเลอันกว้างใหญ่ กลืนหายไป แม้แต่ร่างกายก็หาไม่เจอ

“รายงานเจ้าสำนัก ด้านนอกมีคนขอเข้าพบคุณหนูหนานกงขอรับ” ด้านนอก ผู้อารักขาวิ่งกลับเข้ามารายงาน

ลิ่นฉังเฟิงและหนานกงมั่วสบตากันชั่วครู่ ยามนี้จะมีผู้ใดล่วงรู้ว่านางอยู่ที่นี่กัน ที่นี่เป็นสถานที่ลับของวังจื่อเซียว มิใช่ใครที่ไหนจะรู้ได้ คนที่รู้ก็มีเพียงแต่คนในยุทธภพเท่านั้น

“ให้เขาเข้ามา”

ไม่นานชายในชุดทะมัดทะแมงก็ถูกพาเข้ามา หลังจากกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่นานก็มาหยุดลงที่หนานกงมั่ว “คารวะคุณหนูหนานกง”

หนานกงมั่วช้อนดวงตาขึ้นมอง เอ่ยเสียงเรียบ “เจ้าสำนักกงสบายดีหรือ”

ชายผู้นั้นเงยหน้าขึ้นรวดเร็ว ดวงตาฉายแววประหลาดใจ ทว่าไม่นานจึงสงบลง ยิ้มออกมา “มีคุณหนูหนานกงคอยห่วงใย เจ้าสำนักสบายดีขอรับ”

“กงอวี้เฉินงั้นหรือ” ลิ่นฉังเฟิงเลิกคิ้ว เขาเป็นเจ้าสำนักวังจื่อเซียว ไหนเลยจะมีแค่ชื่อ สำหรับอำนาจของสำนักธารานั้นลิ่นฉังเฟิงก็พอรู้อยู่บ้าง

ชายผู้นั้นไม่แปลกใจ เอ่ยด้วยท่าทีนอบน้อม “คารวะเจ้าสำนักวังจื่อเซียว”

ลิ่นฉังเฟิงส่งเสียงหยันพลางเอ่ย “ได้ข่าวมาว่าก่อนหน้านี้กงอวี้เฉินไปที่จินหลิง ไยจึงไม่รอให้ข้ากลับไปก่อนเล่า คงมิใช่อาศัยจังหวะที่เว่ยจวินมั่วไม่อยู่จึงวิ่งแจ้นไปที่นั่นหรอกหนา” ชายผู้นั้นไม่มีท่าทีโกรธเกรี้ยวแต่อย่างใด เพียงยิ้มและหันกลับมาเอ่ยกับหนานกงมั่ว “ข้าได้รับคำสั่งให้มารายงานข่าวแก่คุณหนูหนานกงขอรับ”

หนานกงมั่วเลิกคิ้ว มองเขานิ่ง

ชายผู้นั้นเอ่ยว่า “เจ้าสำนักฝากถามว่าคุณหนูหนานกงยังต้องการชีวิตของเว่ยจวินมั่วหรือไม่”

เมื่อเอ่ยจบประโยคนั้น ห้องทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ สายตาของคนที่นั่งอยู่แทบอยากกระหน่ำแทงชายผู้นั้นเสียให้ได้ ทว่าเขากลับไม่กังวล ขอเพียงคนพวกนี้ยังต้องการชีวิตของเว่ยจวินมั่วก็ย่อมที่จะไม่กล้าลงมือกับเขา ดังนั้นเขาจึงมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าเสมอขณะมองไปยังหนานกงมั่ว

หนานกงมั่ววางมือบนพนักเก้าอี้อย่างไม่ใส่ใจ เนิ่นนานจึงเอ่ยถาม “เว่ยจวินมั่วอยู่ในมือของเจ้าสำนักของพวกเจ้างั้นหรือ เขามีข้อเสนอเช่นไร”

ชายหนุ่มยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่ได้ตามที่หวัง เอ่ยขึ้น “เจ้าสำนักกล่าวว่า…เขาจริงใจต่อคุณหนูหนานกง ขอเพียงคุณหนูยินดีแต่งเข้าสำนักหอธารา เขาก็ยินดีจะปล่อยเว่ยจวินมั่วในทันใด”

“บังอาจ” น้ำเสียงเกรี้ยวกราดของลิ่นฉังเฟิงดังขึ้น กงอวี้เฉินผู้นี้ไร้น้ำยา หลายปีก่อนแย่งอำนาจกับพวกเขาก็แล้วไป ยามนี้ยังคิดปีนกำแพงเว่ยจวินมั่วอีก หากแม่นางหนานกงรับปาก อนาคตเว่ยจวินมั่วจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ชายหนุ่มผู้นั้นกลอกตาพร้อมเอ่ยขึ้นอีกว่า “เจ้าสำนักลิ่น ท่านจะร้อนใจไปทำไมกัน มิใช่ว่าที่ภรรยาของท่านเสียหน่อย”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *