หมอหญิงยอดมือสังหาร 100 เรื่องประโลมโลก กฎปฏิบัติของตระกูล (3)

Now you are reading หมอหญิงยอดมือสังหาร Chapter 100 เรื่องประโลมโลก กฎปฏิบัติของตระกูล (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ท่านพี่…” มองเห็นบุตรีที่เจ็บจนร่างกายสั่นเทา เจิ้งซื่อจึงร้องไห้ทุรนทุรายอยู่บนพื้น

“ฮือ ฮือ…นายท่าน เพราะข้าสั่งสอนไม่ดีเอง ท่านได้โปรดมาลงโทษข้าเถิด” เจิ้งซื่อเอ่ยขึ้นทั้งน้ำตา

หนานกงไหวไม่เอ่ยคำพูดใดออกมา คิ้วสวยของหนานกงมั่วพลันเลิกขึ้น เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านพ่อ พอเถิดเจ้าค่ะ”

หนานกงไหวหันไปมองนาง เลิกคิ้วขึ้น “เจ้าอ้อนวอนแทนนางหรือ”

“บิดามารดามีใจสงสารบุตรเป็นเรื่องธรรมดา แม้ท่านแม่ของข้าจากไปนานแล้ว หากวันนี้นี้คนที่คุกเข่าอยู่ตรงนี้เป็นข้า ท่านแม่ก็คงยอมเจ็บแทนข้าเช่นกัน ข้าคิดว่าน้องรองคงได้รับการสั่งสอนแล้ว” ขืนตีต่อไปอีกคงได้สลบเป็นแน่ หากหนานกงซูสลบไป หนานกงไหวคงไม่ปลุกนางขึ้นมาโบยต่ออีก ช่วยอ้อนวอนสักหน่อยจะเป็นไรไป

หนานกงไหวเงียบไปชั่วครู่ ดวงตาฉายแววให้เห็นว่ารู้สึกทรมานอยู่ในใจ สะบัดมือส่งสัญญาณให้สาวใช้ผู้ทำหน้าที่โบยให้หยุดลง ในที่สุดก็หยุด หนานกงซูสะอึกสะอื้น เปลือกตาแทบจะปิดลงอยู่แล้ว มองเห็นหนานกงซูที่สะลึมสะลืออยู่ที่พื้น ความร้ายกาจในใจของหนานกงมั่วกำลังยกยิ้มอย่างมีความสุข เหอะ ลดลงสามไม้นับว่าเห็นแก่ความเป็น ‘พี่น้อง’ ของพวกนางแล้ว เพียงแค่รอยยิ้มบางๆ แลกมากับโดนโบยเพิ่มอีกเจ็ดไม้ รอยยิ้มของข้านี่มันช่างคุ้มเสียจริง

“พาตัวออกไป เชิญหมอมาดู ถ้าตื่นแล้วให้นางไปคุกเข่าสำนึกผิดที่ศาลบรรพชน”

ศาลบรรพชนเหน็บหนาว อีกทั้งซูเอ๋อร์ยังเจ็บหนักเพียงนี้… เจิ้งซื่ออยากเอ่ยอะไรออกมา แต่ก็ไม่กล้าเสี่ยงให้หนานกงไหวต้องโกรธขึ้นมาอีก จำต้องให้คนพาหนานกงซูกลับห้องทั้งน้ำตา ได้ยินหนานกงไหวเอ่ยจากทางด้านหลัง “เอากิจการต่างๆ ในจวนให้หลินซื่อจัดการชั่วคราวไปก่อน มั่วเอ๋อร์ช่วยดูแลด้วย” เจิ้งซื่ออ่อนแรง เซถลาเบาๆ หันกลับไปมองใบหน้าไร้ความรู้สึกของหนานกงไหว เดินออกไปเงียบๆ

“เว่ยจวินมั่วมิใช่คนไร้ซึ่งเหตุผล เจ้าเองก็ไม่ต้องกังวล” หนานกงไหวบอกกับหนานกงมั่ว

หนานกงมั่วพยักหน้าเงียบๆ “ข้ารู้เจ้าค่ะ”

หนานกงไหวโบกมือ เอ่ยอย่างเหนื่อยล้า “พวกเจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถิด ชวี่เอ๋อร์ไปที่ห้องหนังสือกับข้า”

ในห้องหนังสือ สองพ่อลูกคนหนึ่งนั่ง อีกคนยืนอยู่ ดูห่างเหินไม่เหมือนพ่อลูก หนานกงชวี่อดนึกถึงความสัมพันธ์ของเอ้อกั๋วกงและผู้สืบทอดเอ้อกั๋วกงขึ้นมาไม่ได้ แม้ดูเหมือนจะไม่มีความเกรงใจ ทว่ายามพูดคุยหัวเราะหรือโกรธเกรี้ยวก็ยังดูสนิทสนมใกล้ชิดในแบบพ่อลูก

“เรื่องในวันนี้ เจ้ามีความคิดเห็นเช่นไร” หนานกงไหวเอ่ยถาม

หนานกงชวี่เอ่ยเสียงเรียบ “ซูเอ๋อร์ใจร้อนเกินไปขอรับ”

หนานกงไหวถอนหายใจ “เพราะเจิ้งซื่อเอาใจนางจนเสียนิสัย เจ้าว่า…เรื่องในวันนี้เป็นแผนการของใครหรือไม่ ไยจึงบังเอิญเช่นนี้ พระชายาจึงได้ไปเจอเข้า”

หนานกงชวี่เงยหน้า มองหนานกงไหวด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “ได้ยินว่า คุณชายสามของรัชทายาทก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย รัชทายาทคล้ายกับมีประสงค์พระราชทานยศให้กับคุณชายทั้งสอง” โอรสของรัชทายาทเมื่อพระราชทานยศแล้วอย่างน้อยก็ได้เป็นจวิ้นอ๋อง ถึงตอนนั้นหากพระราชทานยศแก่โอรสทั้งสามแล้ว เช่นนั้นก็เท่าเทียมกันแล้ว หากเป็นเช่นนี้ สิ่งที่เซียวเชียนเยี่ยได้เปรียบก็คงเป็นสถานะเชื้อสายหลักเท่านั้น เชื้อสายหลักแน่นอนว่าสูงส่ง ส่วนอีกสองคน คนหนึ่งเป็นคนโต อีกคนได้รับความโปรดปราน สุดท้ายใครจะแพ้ใครจะชนะก็ยังมิอาจรู้ได้

หนานกงไหวจึงลอบถอนหายใจ “ใช่ ตอนนี้จะเลือกข้างคงจะเร็วเกินไป” หากมิใช่เพราะความสัมพันธ์ของหนานกงซูและเซียนเชียวเยี่ย เขาก็อาจไม่เลือกเซียวเชียนเยี่ยก็ได้ แม้แต่รัชทายาทเองก็ยังไม่ขึ้นรับตำแหน่ง ตอนนี้บรรดาหวงจั่งซุน ก็คงต้องอยู่ภายใต้รัชทายาทและเหล่าองค์ชายต่อไป

หนานกงชวี่ลังเลอยู่ชั่วครู่ เงยหน้าขึ้นถาม “เรื่องของซูเอ๋อร์ ท่านพ่อคิดจะจัดการเช่นไรหรือขอรับ”

หนานกงไหวไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ “ค่อยว่ากันเถิด”

หนานกงชวี่เข้าใจแล้ว บิดาต้องการดูความเคลื่อนไหวของเย่ว์จวิ้นอ๋องก่อนที่จะตัดสินใจ เรื่องได้เกิดขึ้นไปแล้ว หากเซียวเชียนเยี่ยมีความจริงใจมากพอ ใช่ว่าตระกูลหนานกงบอกไม่อยากแต่งแล้วจะไม่แต่งได้ เช่นเดียวกัน หากเซียวเชียนเยี่ยไม่มีความจริงใจ หนานกงชวี่คิดว่าบิดาก็คงไม่รังเกียจหากจะส่งหนานกงซูออกบวชตลอดชีวิต

“กลับไปเถิด ช่วงนี้ให้หลินซื่อดูแลกิจการในจวนไปก่อน” หนานกงไหวเอ่ยบอก

หนานกงชวี่พยักหน้า “ลูกลาแล้วขอรับ”

เมื่อออกมาจากห้องหนังสือ ใบหน้าเรียบเฉยของหนานกงชวี่มุ่งตรงไปยังเรือนลี่ฉิน เมื่อมาถึงหน้าประตูเรือนจึงเอ่ยกับคนด้านหลังเสียงต่ำ “เจ้าไปสืบดู ตอนที่คุณหนูรองเกิดเรื่อง คุณหนูใหญ่อยู่ที่ใด”

ชายที่เดินตามอยู่ด้านหลังชะงัก เอ่ยคล้ายจะแย้ง “คุณชาย เกรงว่านายท่าน…” แม้จะไม่แสดงออกมา ทว่าความสงสัยในใจของนายท่านไม่เบาเลย คาดว่าคงให้คนไปตามสืบอย่างลับๆ เป็นแน่

ดวงตาหนานกงชวี่ลุ่มลึก เอ่ยเสียงเย็น “ควรทำเช่นไร จำเป็นต้องให้ข้าสอนหรือไม่ ต้องดึงคุณหนูใหญ่ออกมาให้ได้”

“เข้าใจแล้วขอรับ” ชายผู้นั้นพยักหน้าตอบรับ รีบหมุนตัวจากไป

อำนาจในการดูแลจวนตกมาอยู่ในมือของหลินซื่อ สำหรับหลินซื่อแล้วไม่ใช่ไม่ตกใจ แม้ว่าหนานกงไหวจะบอกว่าให้ดูแลร่วมกันกับหนานกงมั่ว ทว่าสิ่งที่หลินซื่อจำได้นั้นคือหนานกงไหวมอบอำนาจในการดูแลจวนให้กับนางและหนานกงมั่วเป็นเพียงผู้มีส่วนร่วม หากนางไม่ต้องการ หนานกงมั่วก็ไม่มีประโยชน์อันใด

เลี่ยงจากหนานกงชวี่ วันต่อมาหลินซื่อถือบัญชีมาเรือนจี้ชั่งแต่เช้า กล่าวให้สวยงามก็คือมาหารือเรื่องในจวนกับน้องสาว หนานกงมั่วกลับเอ่ยตอบรับกลับมาเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นให้คนมาส่งนาง เมื่อออกมาจากเรือนจี้ชั่งแล้ว หลินซื่อยิ่งรู้สึกพึงพอใจมากยิ่งขึ้น แน่นอนแล้วว่าตอนนี้นางมีอำนาจดูแลเรื่องในจวนเพียงคนเดียว

อีกด้าน หอหนิงซวงของหนานกงซูยามนี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความขมุกขมัว ตั้งเมื่อวานที่หนานกงซูถูกส่งกลับมายังหอหนิงซวงนางก็สลบไสล จนกระทั่งตื่นขึ้นมาในตอนเช้า แต่เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วมิสู้ไม่ตื่นขึ้นมายังจะดีกว่า ไม่ว่าจะล้างแผลหรือขยับร่างกายเพียงนิดก็เจ็บปวดจนหนานกงซูที่ถูกทะนุถนอมมาตั้งแต่เด็กยากจะรับไหว สาวใช้หอหนิงซวงได้แต่หดหางสั่นเทา ไหนเลยจะกล้าเย่อหยิ่งยโสดังเช่นวันวานที่ผ่านมา

“ซูเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บแล้ว เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้ว” เจิ้งซื่อนั่งอยู่ข้างๆ มองบุตรีที่นอนหมอบอยู่บนเตียงไม่สามารถขยับตัวได้อย่างปวดใจ พลางเอ่ยปลอบ

หนานกงซูคว้าแขนของเจิ้งซื่ออย่างแรง เอ่ยเสียงดัง “ท่านแม่ เพราะนังแพศยาหนานกงมั่วนั่นคนเดียว เพราะนางให้ร้ายลูก ท่านต้องแก้แค้นคืนให้ลูกด้วย”

เจิ้งซื่อตระหนก ขมวดคิ้วเอ่ย “เรื่องเมื่อวานของเจ้าเป็นหนานกงมั่วหรือ… แต่ว่า นางน่าจะไม่รู้ว่าเจ้าไปวัดต้ากวงหมิงถึงจะถูกสิ”

หนานกงซูกัดริมฝีปาก ไม่กล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้ จึงบอกเพียงเมื่อวานที่นางโดนโบยนั้นถูกหนานกงมั่วส่งยิ้มเย้ยหยันมาให้ ทำให้นางต้องถูกโบยเพิ่ม สำหรับเรื่องนี้เจิ้งซื่อกลับไม่แปลกใจ หากหนานกงมั่วคิดจะออกหน้าขอร้องแทนหนานกงซูด้วยใจจริงเช่นนั้นสินางจึงจะแปลกใจ แต่การที่หนานกงมั่วคอยซ้ำเติมเช่นนี้ นางไม่มีวันลืมแน่

ยกมือขึ้นมาลูบไหล่บุตรีแผ่วเบา เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “รักษาตัวให้ดีก่อน วางใจเถิด แม่จะช่วยแก้แค้นแทนเจ้าเอง”

“ท่านแม่…หวงจั่งซุน…”

ดวงตาเจิ้งซื่อวูบไหว กัดฟันเอ่ย “เจ้าวางใจ เจ้าต้องลำบากเพราะหวงจั่งซุนมามากเพียงนี้ เขายังจะไม่สนใจเจ้าได้หรือ แม่จะให้เจ้าแต่งเข้าจวนเย่ว์จวิ้นอ๋องอย่างมีหน้ามีตาให้ได้”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *